UNSEEN OFF ROAD
Seat Ateca : ถ้าใจถึงก็ลุยกันต่อไป
ยุคสมัยเปลี่ยนไป…เชื่อเถอะว่ามันเปลี่ยนไปจริงๆ
ยุโรปเคยเป็นตลาดรถยนต์ตัวถังแฮทช์แบ็ก และแวกอน ซึ่งเคยมีคำกล่าวพอๆ กับความฮิตของรถยนต์ซีดานในบ้านเราว่ าถ้าตัวถังต่างจาก 2 แบบนี้ โอกาสเกิดมันยาก เพราะรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของคนที่นั่นถูกยึดติดกับเรื่องตรงนี้มานาน
แต่ทว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และเปลี่ยนชนิดที่ทำให้ใครที่ไม่เคยทำอะไรมาก่อนในชีวิต จำเป็นจะต้องทำในสิ่งนั้น ถ้าคิดที่อยากจะอยู่รอดต่อไปในตลาด
เรื่องที่ว่าคืออเราได้เห็นแบรนด์รถยนต์ยุโรปที่ตามปกติแล้วไม่มีรถยนต์แบบ SUV วางขายในโชว์รูม ก็วางขายรถยนต์ประเภทนั้น แถมบางยี่ห้อยังเป็นการพัฒนาขึ้นมาเองทั้งหมด ไม่ใช่ไป OEM เอากับแบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่แล้วในตลาด เหมือนอย่างที่ SEAT จัดการส่งผลผลิตใหม่ในแบบ Compact SUV ที่ชื่อว่า Ateca ออกมา
แน่นอนว่า Ateca ไม่ใช่เป็นผลผลิตแบบเดี่ยวๆ แต่เป็นงานที่ถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้เครือของ Volkswagen โดย SUV รุ่นนี้แชร์บนพื้นตัวถัง MBQ ของงค่ายนี้ร่วมกับผลผลิตในเครืออย่าง Volkswagen Tiguan และ Skoda Kodiak ที่เป็น SUV โดยสิ่งที่ SEAT จำเป็นจะต้องทำคือ ตลาด SUV ในยุโรปตอนนี้ มีความหอมหวล และมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลผลิตส่วนใหญ่ที่มีขายคือ SUV ที่อ้างอิงพื้นฐานทางวิศวกรรมจากรถยนต์นั่ง ไม่ใช่พวกตัวลุยแบบโหดๆ ที่เป็นผลผลิตในเชิง Niche Market ไปแล้ว
และนี่คือการแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตลาด SUV ในปัจจุบัน ซึ่งใครที่ไม่เคยรุกตลาดกลุ่มนี้ ก็จะได้ลุยกัน ส่วนใครที่เคยมีอยู่แล้ว ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เป็นไดโนเสาร์อยู่อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
คุณรู้จัก Ateca กันหรือยัง?
1.เป็น SUV รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของ SEAT
2.SEAT ต้องใช้เวลานานถึง 5 ปีกว่าที่จะพัฒนาจากงานต้นแบบให้เป็นจริง เพราะผลผลิตนี้เคยเปิดตัวเป็นต้นแบบในชื่อ IBX เมื่องานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 แล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็นต้นแบบที่มีความใกล้เคียงกับคันจริงในการทำตลาดภายใต้ชื่อ 20v20 เมื่อปี 2015 และจากนั้นก็เป็นคันจริงพร้อมขายในปี 2016
3.ตัวถังมากับความยาว 4,360 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร พร้อมเครื่องยนต์ที่มีให้เลือกทั้งเบนซิน 1,000 ซีซี เทอร์โบ 113 แรงม้า ที่เป็นรุ่นเดียวซึ่งใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ ส่วนที่เหลือเป็น 4 สูบเรียงหมด ทั้งเบนซิน 1,400 ซีซี เทอร์โบ 148 แรงม้า และเทอร์โบดีเซลอีก 2 รุ่น คือ 1,600 ซีซี 148 แรงม้า และ 2,000 ซีซี 187 แรงม้า
4.ชื่อ Ateca มาจากชื่อเมืองในแคว้น Aragon ในประเทศสเปน ตามสไตล์ของ SEAT ที่มักเอาชื่อเมืองมาตั้งเป็นชื่อรุ่นรถยนต์ เช่น Ibiza, Cordoba หรือ Leon
5.แม้จะเป็นรถยนต์สเปน และ SEAT เองก็มีโรงงานในเมือง Martorell แต่ทว่าการผลิตจะถูกยกออกมานอกประเทศด้วยเหตุผลในเรื่องของต้นทุนการผลิต โดย Ateca จะผลิตที่โรงงานเดียวกับเพื่อนร่วมเครืออย่าง Skoda ในเมือง Kvasiny ประเทศสาธารณรัฐเชค
Mercedes-Benz G350d Professional : ผู้ดีสุดอเนกประสงค์
เราไม่ได้บอกว่าตลาด SUV แบบฮาร์ดคอร์พันธุ์แท้จะสูญพันธุ์ เพียงแต่ในเมื่อพฤติกรรมคนเปลี่ยน ความต้องการก็เปลี่ยนไป และส่งผลต่อคนที่จะต้องทำ ‘ผลิตภัณฑ์’ เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้า ซึ่งในกรณีของตัวลุยในตระกูล G-Class ของ Mercedes-Benz ที่อยู่คงกะพันมานาน คราวนี้ก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อกระตุ้นตลาด และอัพเกรดความสามารถกันมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าที่บางครั้งไม่ได้หลับหูหลับตาลุยโคลนอย่างเดียว
เวอร์ชันนี้มากับชื่อ Professional ต่อท้าย แต่คำนี้ไม่ได้หมายถึงการบุกลุยโคลนเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การปรับปรุงตัวรถทั้งภายนอกและภายในให้แปลงร่างจาก SUV ตัวลุยมาเป็นอะไรที่รองรับกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ด้วย โดย SUV มีการดัดแปลงรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสมบุกสมบันขึ้น แต่ทว่าภายในยังเพียบพร้อมด้วยความหรูหรา แถมข้างในยังมีการตกแต่งพื้นที่ในส่วนของห้องเก็บสัมภาระให้รองรับกับการใช้งานที่อเนกประสงค์ขึ้น เช่น การใช้วัสดุที่รองรับกับการบรรทุกสัมภาระหนักๆ หรือทำความสะอาดได้ง่าย อีกทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงน้ำหนักในระดับ 3 ตันนิดๆ ได้อย่างสบายๆ
ในส่วนของเครื่องยนต์ที่มีขายก็เพียงแค่รุ่นเดียวเท่านั้นคือเทอร์โบดีเซลวี6 3,000 ซีซี ซึ่งก็เพียงพอในการรับมือกับการใช้งาน เพราะมีตัวเลขในระดับ 245 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
สำหรับราคาขาย 90,636 ยูโร หรือ 3.6 ล้านบาท และจะส่งมอบคันแรกให้กับลูกค้าได้ในเดือนกันยายน 2016
Volkswagen Amarok : แต่งหน้าทาปากเพิ่มความสด
ใครที่คิดว่า Volkswagen จะมีแค่ SUV สำหรับทำตลาดเท่านั้น เห็นทีจะคิดผิด เพราะพวกเขายังมีอีกทางเลือกของสมรรถนะแห่งการขับเคลื่อน กับปิกอัพตัวลุยที่ชื่อว่า Amarok ทำตลาดอยู่ด้วย และบ้านเราน่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะเคยมีการนำเข้ามาขายในระดับราคา 1.8 ล้านบาท ซึ่งในตอนนี้ Amarok ที่เปิดตัวขายมาตั้งแต่ปี 2010 ได้มีการอัพเกรดหน้าตาให้ดูสวยทันสมัยขึ้น เพื่อกระตุ้นตลาด
Amarok เป็นปิกอัพที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากหน่วยงานรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ หรือที่เรียกว่า VWCV หรือ VolkswagenComercial Vehicles ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานตัวลุยแบบ Chassis on Frame เหมือนปิกอัพทั่วไป เพื่อรองรับกับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่ โดยด้านหน้าใช้ระบบกันสะเทือนแบบปีกนก 2 ชั้น และด้านหลังแบบแหนบ
สำหรับรุ่นใหม่นี้เป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นตลาด โดยมีการปรับความสดใหม่รอบคันด้วยไฟหน้าและกระจังหน้าชุดใหม่ เช่นเดียวกับไฟท้ายเพื่อทำให้ตัวรถดูมีความสปอร์ตบนความบึกบึนมากขึ้น ขณะที่ทางเลือกของประตู มีทั้งรุ่น 2 ประตูแบบ Single Cab สำหรับงานบรรทุกจริงๆ และ 4 ประตู Double Cab เพื่อรองรับกับทั้งการบรรทุกคนและสัมภาระ กับระยะฐานล้อที่มีความยาว 3,095 มิลลิเมตรบนตัวถัง 5.1 เมตรกว่าๆ
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีแบบเดียวคือ เทอรโบดีเซลวี6 3,000 ซีซี 224 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 193 กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้เวลา 7.91 วินาทีสำหรับอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลือกส่งกำลังได้ว่าจะเป็นแบบธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 8 จังหวะ ส่วนระบบขับเคลื่อนก็มีทั้งแบบล้อหลัง หรือ 4 ล้อตลอดเวลา
ใครที่กำลังมองหาทางเลือกแห่งการขับเคลื่อนที่แตกต่างจากปิกอัพทั่วไป Amarok คือ อีกชอยส์ที่ไม่ควรมองข้าม และการทำตลาดจะเริ่มขึ้นในยุโรปและอเมริกาใต้ ส่วนบ้านเราก็คงต้องรอดูจากความเคลื่อนไหวของตัวแทนจำหน่าย
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการนิตยสารออฟโรด
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.