TRIP&TRICK ของฝากจากทริปบ้านห้วยโกร๋น-ม่อนล้าน
จะว่าไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับรถที่จะใช้เดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางขึ้นดอยที่เต็มไปด้วยร่องน้ำ ร่องลึก เนินชัน ลักษณะนี้ ระบบช่วงล่างควรมีการซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ไม่อ่อนยวบยาบหรือแข็งกระด้าง มีช่วงยืดตัวและยุบได้ดี จะช่วยให้เราสามารถขับผ่านอุปสรรคปัญหาไปได้โดยปลอดภัย ประเด็นต่อมาก็คือ ในเรื่องของยางก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ยางที่ดีควรเป็นแบบดอก MUD-TERRAIN จะช่วยในการเกาะพื้นผิวขรุขระได้ดี ทั้งนี้ก็ต้องเติมลมยางให้เหมาะสมด้วย เราสามารถเติมลมยางให้อ่อนกว่าการใช้งานในสภาพปกติ แต่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของยางและน้ำหนักตัวรถ ในขณะขับก็ควรใช้รอบเครื่องยนต์ให้มีความสัมพันธ์กับเกียร์
สำหรับทริปนี้อุปสรรคสำคัญจริงๆ ก็อยู่ที่เนินชัน เนินเอียงและเนินสลับ แต่จะขอกล่าวถึง การขับรถบนพื้นเอียง ข้อควรปฏิบัติเมื่อเจออุปสรรคพื้นเอียงนั้น อันดับแรกควรลดกระจกข้างลงให้สุด เพื่อป้องกันการกระแทกกับศีรษะ พร้อมกับเก็บของมีคม เพื่อไม่ให้กลิ้งไปกลิ้งมาซึ่งอาจเป็นอันตรายหรือทำให้บาดเจ็บได้ และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อเป็นการป้องกัน หากรถเกิดการพลิกคว่ำ ก็ควรใช้วิจารณญาณ หากจุดที่ต้องเดินทางผ่านล่อแหลมต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ก็ควรมีการเตรียมพร้อมมากกว่าการขับรถผ่านไปเฉยๆ
พื้นผิวเส้นทางที่หลากหลายรูปแบบ ล้วนแต่ทำให้รถเอียงไป-มา ขณะขับผ่าน จะเอียงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับองศาของระนาบพื้นผิว อาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่ประกอบกับความเอียง ทำให้มีความยากง่ายแตกต่างกันในการขับ ไม่ว่าจะเป็นความแห้งหรือเปียกของพื้นผิว หรือแม้แต่ความลาดชันทั้งขึ้นและลง (แบบเอียงๆ) รวมทั้งอุปสรรคอื่นๆ เช่น พื้นเอียงที่มีรากไม้ โขดหิน หลุม บ่อต่างๆ ที่มีอันตรายมากหน่อย เช่นพื้นเอียงที่มีหลุมขนาดใหญ่หรือเหวอยู่ข้างๆ และพื้นเอียงใต้น้ำที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามทั้งสิ้น
การขับในเส้นทางแบบนี้แนะนำให้เลือกใช้เกียร์ 1-4 LOW และรักษาความเร็วให้คงที่เพื่อป้องกันการปั่นฟรีของล้อ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการขุดผิวเส้นทาง หรือเกิดอาการขวางลำของตัวรถ จนเป็นอุปสรรคในการควบคุมรถ ทั้งนี้เพราะน้ำหนักของรถจะกดลงเพียงด้านเดียว อย่างไรก็ตามรถออฟโรดที่มีเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ด สลิป หรือแอร์ล็อกเกอร์ ก็จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของล้อปั่นฟรีบนพื้นเอียงได้ดี ประคองพวงมาลัยให้ขนานไปกับเส้นทางเอียง ก็เป็นสิ่งที่ต้องกระทำอีกประการหนึ่ง เพราะระนาบเอียงจะทำให้ตัวรถถูกเทไปตามแรงดึงดูดของโลก มีผลให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่ารถกำลังจะลื่นไถลออกนอกเส้นทาง 80-90% ของผู้ขับทั้งมือใหม่และมือเก่า จะหักพวงมาลัยสวนไปในทิศทางด้านที่อยู่สูงกว่าโดยอัตโนมัติ เพราะคิดว่าสามารถดึงรถให้กลับเข้าสู่เส้นทางหรือไม่ก็ขับขึ้นไปเลย นับเป็นข้อปฏิบัติที่ผิดอย่างยิ่ง เพราะนอกจากรถจะไม่สามารถขึ้นระนาบเอียงได้แล้ว ด้านท้ายของรถจะแฉลบตกลงตามแรงดึงดูดของโลก ทำให้รถเกิดอาการขวางลำและพลิกคว่ำได้
พยายามขับไปอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วคงที่ พร้อมกับประคองพวงมาลัยให้ตรง หรือขนานไปกับระนาบพื้นเอียง ไม่ว่าจะเป็นโค้งซ้ายหรือโค้งขวา เป็นพื้นฐานการขับบนพื้นเอียงที่ถูกต้อง แล้วท่านจะพบว่าแทบจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวงมาลัยของรถมากนัก เพียงประคองไม่ให้ล้อเป๋ไปเป๋มาก็พอ หากไม่แน่ใจว่าระนาบเอียงมีความปลอดภัยพอที่จะขับผ่านไปได้ ควรหยุดรถพร้อมกับหักพวงมาลัยไปในทิศทางลงจนสุด หน้ายางจะเป็นตัวค้ำยันไม่ให้รถพลิกคว่ำ แล้วค่อยหาวิธีแก้ต่อไป
ข้อควรระวังในกรณีที่ขับระนาบเอียงที่เป็นทางโค้ง โดยเฉพาะลักษณะที่เอียงออกนอกโค้ง หากเราใช้ความเร็วจะทำให้ท้ายปัดและพลิกคว่ำได้ง่าย เพราะแรงหนีศูนย์กลางจะทำให้น้ำหนักของรถถูกเหวี่ยงออกนอกโค้ง ในขณะเดียวกันถ้าเป็นระนาบเอียงเข้าด้านในโค้งก็จะมีปัญหาคนละแบบ เนื่องจากน้ำหนักรถที่กดล้อด้านที่ต่ำกว่า จะทำให้เกิดการขุด โดยเฉพาะการเดินทางที่เป็นขบวน 5-6 คันขึ้นไป พื้นผิวด้านในจะลึกมากขึ้นเป็นลำดับ จนทำให้รถคันหลังๆ เอียงมากจนเกิดอันตราย จึงควรให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยหาท่อนไม้หรือก้อนหินมาอุดร่องล้อไว้ก่อนที่จะขับผ่าน เพื่อเป็นการช่วยลดความเอียงของตัวรถ จะทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
มีอีกวิธีหนึ่งที่ชาวออฟโรดนิยมใช้ โดยเฉพาะถ้าไปกันเป็นหมู่คณะหรือหลายคน ก็คือ การใช้คนขึ้นไปโหนในลักษณะของการถ่วงดุลน้ำหนักด้านที่เป็นระนาบเอียง ถือเป็นการเพิ่มน้ำหนักกดของล้อด้านที่ปีนระนาบเอียงอยู่ จะช่วยให้ล้อที่อยู่ด้านบนมีแรงกดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการทำในลักษณะนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศและสภาพเส้นทาง หากเป็นเส้นทางที่เบียดต้นไม้หรือไหล่เขาถือว่าเสี่ยงเกินไป ผู้ที่ขึ้นไปถ่วงน้ำหนักอาจจะเป็นอันตรายได้ ดีที่สุดก็คือ ใช้วินช์ช่วย
เรื่องและภาพโดย อ.ต้อม ประตูผา
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.