TRANS BORNEO เป็นเจ้าของตำนานการเดินทางท่องเที่ยวออฟโรดผจญภัยตามป่าเขาธรรมชาติ ยุคเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 ถือว่ายาวนานที่สุดในเอเซีย ผ่านมาถึง 29 ปีแล้ว ปีนี้ ค.ศ.2017 โมฮาหมัด อานัวร์ อับดุล กานี ร่วมกับแเแฮร์รี่ ซานุซี่ กลับมาอีกครั้งจัดการท่องเที่ยวผจญภัยออฟโรด TRANS BORNEO 2017 “ Into The Heart Of Borneo “ ระหว่างวันที่ 13 – 27 สิงหาคม 2017 เส้นทางบนเกาะบอร์เนียวครั้งนี้ผ่านสามประเทศได้แก่ Sabah & Sarawak Malaysia , Kalimantan Indonisia และ Brunai Darussalam
เป้าหมายการเดินทางเพื่อสำรวจสัมผัสสุดยอดดินแดนสวยงามแบบอันทัช (The Almost – Untouched)ของเกาะบอร์เนียว, ส่งเสริมการเดินทางและการท่องเที่ยวผจญภัยออฟโรด, วัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์, การผจญภัย, การเกษตรกสิกรรม, และธรรมชาติป่าดงดิบภูเขาสูงภายในเกาะบอร์เนียว การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ จะมีทั้งเข้าพักในโรงแรมห้าดาว ไม่มีดาว หรือใต้ดวงดาวในแคมป์ไซค์ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 2,000 ก.ม. ในเวลา 15 วัน บนเส้นทางถนนราดยาง 60% ถนนออฟโรด 30% ถนนออฟโรดฮาร์ดคอร์โหดมันส์ 10%
ก่อนวันพิธีเปิด การท่องเที่ยวรัฐซาบาห์จัดการท่องเที่ยวทางทะเลต้อนรับ ด้วยการล่องเรือยอชท์ทรอปิก้าท่องเที่ยวชมรอบหมู่เกาะสวยงามของอุทยานแห่งชาติทางทะเลตุนกู อับดุลราห์มาน มารีน อาทิ Gaya, Mamutik, Manukan, Sapi and Sulug ช่วงเวลาเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ บริเวณแถบนี้จะมีปลาฉลามวาฬ ปลาที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก เข้ามาหากินแพลงตอนทุกๆ ปี
วันแรก วันอาทิตย์ 13 สิงหาคม พิธีเปิดบริเวณหน้าตึกการท่องเที่ยวรัฐซาบาห์ ได้รับเกียรติจาก Datuk Seri Panglima Masidi Manjun รัฐมนตรีวัฒนธรรม & สิ่งแวดล้อมซาบาห์ และผู้มีเกียรติหลายท่าน ตีธงปล่อยรถยนต์ออฟโรดสวยงามหลากหลายยี่ห้อ เริ่มต้นออกเดินทางท่องเที่ยวจำนวน 17 คัน นักท่องเที่ยวชาวออฟโรดผจญภัย 53 คน ซึ่งมีนักข่าวจากประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไทย อินโดนีเซีย บรูไน และมาเลเซีย ร่วมเดินทางไปด้วย
การเดินทางเริ่มต้นบนถนนราดยางปกติระยะทางประมาณ 20 ก.ม. ไปสัมผัสวัฒนธรรมชนเผ่าดั้งเดิมของเกาะบอร์เนียว เผ่ามาลีที่หมู่บ้านวัฒนธรรมชนเผ่ามาลี หนึ่งในชาติพันธ์ท้องถิ่นชาวเกาะบอร์เนียวดั้งเดิม ที่มีอยู่มากมายถึงจำนวน 30 เผ่าพันธุ์ ภาษาหลักแตกต่างกัน 50 ภาษาและภาษาถิ่นแตกต่างกันมากถึง 80 ภาษา ทำให้ซาบาห์ร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมอย่างที่สุด ต่อจากนั้นได้เดินทางเป็นคอนวอยไปบนเส้นทางถนนเล็กๆ วกวนจนขึ้นถึงยอดภูเขาสูง ชมวิวทิวทัศน์สวยงามแบบกว้างสุดสายตาของเมืองคินาบาลู แล้วเดินทางต่อไปตามเส้นทางภูเขาสูงเทียมเมฆ สองข้างทางเป็นป่าดงดิบสีเขียวชอุ่มกว้างสุดตา อากาศหนาวเย็น ฝ่าสายฝนผสมหมอกหนาขาวโพลนมองไปเมืองรานาว ได้แวะหยุดเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติคินาบาลู เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกที่ได้การรับรองขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศมาเลเซีย
เดินทางต่อไปอีกไม่ไกลคอนวอยได้หยุดเที่ยวชมอนุสรณ์สถานทหารสงครามโลกครั้งที่ 2 Kundasang War Memorial สร้างขึ้นมาเพื่อระลึกถึงทหารอังกฤษ และทหารออสเตรเลียจำนวนรวมทั้งหมด 2,434 นาย ถูกขังคุกเป็นนักโทษญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เสียชีวิต และค่ำคืนแรกได้ฝ่าสายฝนพักแรมในรีสอร์ทชั้นดีของสวนชาซาบาห์ เป็นไร่ชาปลูกแบบออแกนิคบนภูเขาสูงแห่งเดียวในประเทศมาเลเซีย อาหารค่ำที่นี้คืนนี้ได้รับการเลี้ยงดูต้อนรับเต็มที่จากส.ส.นักการเมืองท้องถิ่น จาพิริว ซาฮาดี้ อาหารอเร็ดอร่อยปากรสชาดเหมือนอาหารไทยมากๆ
วันที่สองหรือวันจันทร์ 14 สิงหาคม วิวทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาสวนชาซาห์บาสวยงามมาก มองเห็นทะเลหมอกปกคลุมหุบเขาตัดกับสีเขียวต้นชาออแกนิค มีภาพหลังเป็นภูเขาคินาบาลูอยูไกลๆ คอนวอยออกเดินทางไกลประมาณ 206 ก.ม.ไปแวะเที่ยวชมศูนย์พักฟื้นลิงอุรังอุตังเซปิล็อค (Sepilok Orang Utan Rehabilitation Centre) สถานที่เลี้ยงลูกลิงอุรังอุตังกำพร้าคืนสู่ป่า ซึ่งที่นี่เป็นศูนย์ฯใหญ่ที่สุดในโลก
คอนวอยออกเดินทางไกลอีกประมาณ 111 ก.ม.ไปเมือง Sandakan เขต Sukao หมู่บ้าน Billit ลงนั่งเรือล่องในแม่น้ำ Kinabatangan เป็นแม่น้ำความยาว 560 ก.ม. ยาวที่สุดในรัฐซาบาห์ และยาวเป็นอันดับที่สองของมาเลเซีย สองฝั่งแม่น้ำเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าหายากได้แก่ลิงจมูกงวงยาว(Proboscis Monkey) ช้างแคระบอร์เนียว (Borneo elephant or Picmi elephant) และปลาตีนบัวขนาดใหญ่มากรูปร่างคล้ายปลาบึกในแม่น้ำโขง ซึ่งการล่องเรือชมธรรมชาติและดูสัตว์ป่ารวมทั้งอาหารค่ำวันนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.นักการเมืองท้องถิ่น YB Datuk Bung Mokhtar และค่ำคืนวันที่สองได้ตั้งแคมป์พักค้างแรมในหมู่บ้านบิลลิท และบางคนไปพักแบบโฮมเตย์กับชาวบ้านที่นี่
วันที่สาม วันอังคาร 15 สิงหาคม คอนวอยเดินทางประมาณ 200 ก.ม. มาถึงบารุงริเวอร์อีโครีสอร์ท (Balung River Eco Resort) เที่ยวชมสวนป่าเอกชนรอบๆรีสอร์ท บริเวณศูนย์เม็มบากัทเลคอีโคเทรนนิ่งเซ็นเตอร์(Membakut Lake Eco Training Centre) ชมการสาธิตปลูกต้นไม้เศรษฐกิจหลายชนิด เช่น ไม้ทำน้ำหอมกาฮารู, สละออแกนิค, ปาล์มน้ำมัน, มันสัมปะหลัง, การเลี้ยงวัวเอาขี้วัวมาทำปุ๋ย, การทำโรงงานผงชูรส และโรงานผลิตน้ำเชื่อม Aren Sysup , Java Tea และชาตะไคร้ (Lemon Glass Tea) ซึ่งในค่ำคืนวันที่สาม ได้ค้างแรมในบารุงริเวอร์อีโครีสอร์ท พร้อมกับอิ่มพุงอเร็ดอร่อยกับปลาอัมเบรา ราคาก.ก.ละ 400 USD หรือประมาณ 13,324 บาท แพงมากจริงๆ จากการสนับสนุนของ Mikhail Razaharis และ Royal Empurau
วันที่สี่ วันพุธ 16 เดินทางมาตรวจลงตราหนังสือเดินทางที่ด่านต.ม.ตาเวา (Tawau Immigration) และคอนวอยออกเดินทางต่อไปอีก 190 ก.ม. ไปชายแดนมาเลเซีย–อินโดนีเซีย ที่เขตชายแดน Semingaris ต้องผ่านเส้นทางออฟโรดลัดเลาะไปทางภูเขาสูง ก่อนช่วงสุดท้ายเป็นสวนปาล์มกว้างใหญ่สุดสายตา ใช้เวลาประมาณ 6 ช.ม. ทะลุถึงเส้นทางออฟโรดฮาร์ดคอร์โหดมันส์ประมาณ 5 ก.ม.จนถึงชายแดน รถยนต์คันสุดท้ายกว่าจะถึงชายแดนซีมินการิสอย่างทรหด เป็นเวลาเกือบตีสอง ค่ำคืนวันที่สี่ตั้งแคมป์พักแรมกลางดึกในป่าบริเวณจุดแบ่งเขตชายแดนมาเลเซีย-อินโดนีเซีย ภายใต้ดวงดาวนับล้านๆ ดวง ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นโดยไม่มีใครได้อาบน้ำสบายตัว
วันที่ห้า วันพฤหัส 17 สิงหาคม คอนวอยยังไม่สามารถข้ามแดนไปประเทศอินโดนีเซียได้ เนื่องจากเอกสารมีปัญหาถูกส่งมาที่หน่วยงานทหารชายแดนช้ายังไม่ถึงมือทหาร ทำให้คอนวอยต้องพักค้างแรมที่ชายแดนอีกหนึ่งคืน
วันที่หก วันศุกร์ 18 สิงหาคม ตอนสายๆ ผู้จัดทรานส์บอร์เนียวประชุมเปลี่ยนแผนไม่ข้ามไปอินโดนีเซีย ออกเดินทางกลับมาในเขตมาเลเซีย เข้าท่องเที่ยวที่เขตอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่ามาเลี่ยว เบซิน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นดินแดนสาบสูญซาบาห์ คืนวันที่หกได้ตั้งแคมป์พักที่ Belian Camping Ground ติดแม่น้ำมาเลี่ยวสีชา และตอนค่ำมีการผจญภัยไนท์ซาฟารีนั่งรถยนต์ออฟโรด ใช้ไฟส่องดูสัตว์ป่า ซึ่งพบเห็นกวางป่า นกฮูก กระรอกยักษ์บิน ตะกวด และร่องรอยขี้ช้างแคระบอร์เนีย
วันที่เจ็ด วันเสาร์ 19 สิงหาคม นักท่องเที่ยวชาวออฟโรดผจญภัย ต่างแยกย้ายกันออกท่องเที่ยวตามเส้นทางเดินป่าดงดิบธรรมชาติสมบูรณ์ ที่มีความหลากหลายของพืชพันธุ์ไม้ต่างๆ ได้พบเห็นสัตว์ป่าตอนกลางวันได้แก่ไก่ป่า หมูป่า กวางป่า นกเงือกและนกนานาชนิด ในป่าลึกกว่านี้จะมีทั้งช้างแคระปิคมี่ หมี กระทิงป่า ควายป่า เสือแลบพาร์ด และป่าที่นี่มีทากชุกชุม ซึ่งบางกลุ่มมีความสุขกับการไปเล่นน้ำตก แต่บางคนก็โดนทากดูดเลือดสาดกลับมารวมทั้งพวกเดินป่าด้วย ช่วงค่ำยังคงมีกิจกรรมไนท์ซาฟารีส่องดูสัตว์ คืนนี้โชคดีได้พบเห็นสัตว์ป่าเหมือนๆ คืนแรก และยังได้พบเห็นกบภูเขา ที่น่าตื่นเต้นที่สุดได้เห็นชะมดมาเลเซีย (Malay Civet)
วันที่แปด วันอาทิตย์ 20 สิงหาคม คอนวอยออกเดินทางไปเมือง Tenom รัฐซาบาห์ หยุดเที่ยวชมศูนย์วัฒนธรรมชนเผ่ามูรุท ชนเผ่านี้มีอยู่ทั้งหมด 8 กลุ่ม ส่วนใหญ่อยู่ด้านภาคตะวันตกเฉียงใต้ของซาบาห์ใกล้กับชายแดนรัฐซาราวัคกับอินโดนีเซีย วิถีชีวิตสร้างบ้านแบบยาวๆมีหลายห้อง เคยเป็นชนเผ่าที่น่าหวาดกลัวเสียวสยองในเรื่องชอบล่าหัวคน แต่ประเพณีการแต่งงานจัดพิธีสวยงามมาก รวมทั้งวัฒนธรรมงานเลี้ยงและการเต้นรำสนุกสนานน่าสนใจ ต่อจากที่นี่คอนวอยเดินทางไปชิมสุดยอดกาแฟท้องถิ่นเมืองเทนอม ที่โรงงานกาแฟ Yit Foh ผลิตกาแฟแบบโบราณออกขายมาตั้งแต่ค.ศ.1960 หรือ 57 ปี รสชาดอร่อยลิ้นถูกใจชาวคอกาแฟทั่วมาเลเซีย และค่ำคืนนี้แคมป์ปิ้งในสวนผลไม้ชานเมืองเทน้อม ที่มีน้ำตกเล็กๆ ไหลเย็นชื่นใจสบายตัว
วันที่เก้า วันจันทร์ 21 สิงหาคม คอนวอยเดินทางไปเที่ยวชมสวนเกษตรกรรมซาบาห์ (Sabah Agriculture Park) ห่างจากตัวเมืองเทนอมประมาณ 15 ก.ม. ภายในแบ่งสวนออกเป็น 5 แห่ง ซึ่งสวนกล้วยไม้พื้นเมือง (Native Orchid) ที่น่าสนใจมากที่สุดของที่นี่ มีสายพันธุ์ไม่น้อยกว่า 400 ชนิด และมีสายพันธุ์แปลกๆ เช่น กล้วยไม้หูช้าง และกล้วยไม้หางหนู คืนนี้คอนวอยได้พักที่โรงแรม Stephanie Garden ริมทะเล Cabin Beach เคียรู (Kiaru)
วันที่สิบ วันอังคาร 22 สิงหาคม ชาวออฟโรดทั้งหมดนั่งเรือผจญภัยในทะเลไปเกาะ Taman Pulau Tiga สนุกสนานว่ายน้ำกับน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต และอาบโคลนภูเขาไฟที่ผุดขึ้นมาเพื่อพอกตัวให้ผิวสวย รวมทั้งเส้นทางแทรกกิ้งเดินป่าเที่ยวรอบเกาะ ค่ำคืนนี้ยังคงพักแรมสบายตัวริมทะเลที่โรงแรมสทีฟานีการ์เด็น และคืนนี้อาหารค่อนข้างพิเศษ ได้อเร็ดอร่อยปากด้วยแพะหันย่างทั้งตัว พร้อมกุ้ง หอย และปลาทะเลย่างสดๆ ริมทะเล วันที่สิบเอ็ด วันพุธ 23 สิงหาคม ชาวออฟโรดส่วนใหญ่เดินทางนั่งเรือข้ามทะเลลึกไปเกาะ Snake Island แต่เจอพายุฝนกลางทะเล เรือโดนคลื่นสูงใหญ่มากถาโถมชนเรือรุนแรง น่ากลัวเสียวพลิกสุดขีดหลายหน โชคดีสามารถนำเรือหันกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัยทุกคน ต่อมาคอนวอยได้ออกเดินทางไปที่ Weston Wild Life นั่งเรือชมวิวทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกดินสวยบริเวณปากแม่น้ำทะเลจีนใต้ ดูชีวิตสัตว์ป่าตามริมฝั่งแม่น้ำในป่าโกงกาง และต้นจาก ส่วนใหญ่จะเป็นนกนานาชนิด ลิงจมูกงวงยาวหลายฝูง ค้างคาวแม่ไก่บินออกจากรังหากินนับหมื่นๆตัว ช่วงค่ำนั่งเรือเที่ยวชมดื่มด่ำความสวยงามของแสงหิ่งห้อย (Fire Flies) เหมือนงานแสดงสีแสงยาวหลายกิโลเมตร เป็นป่าธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีบ้านคนมาขัดตา คืนนี้แคมป์ปิ้งที่เวสทอน วายด์ไลฟ
วันที่สิบสอง วันพฤหัส 24 สิงหาคม คอนวอยข้ามแดนตีตราหนังสือเดินทางออก–เข้า เขตแดน ซินดูมิน รัฐซาบาห์ – เมราพอก รัฐซาราวัค ซึ่งรัฐซาราวัคเป็นรัฐเดียวของมาเลเซียที่ทุกคนผ่านเข้าออกจะต้องตีตราอนุญาตบนหนังสือเดินทาง หลังจากเข้าซาราวัคแล้วคอนวอยเดินทางเส้นทางถนนออฟโรด วกวนไปตามภูเขาสูงสองข้างทางวิวทิวทัศน์สวยงาม ระยะทางทั้งหมด 120 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง หยุดพักระหว่างทางชมวิวสวยภูเขาบาตูราวี และสถานที่หลบภัยป่าเขตร้อน จนกระทั่งไปถึงจุดหมายปลายทาง ตำบลLawas หมู่บ้าน Bakelalan ดินแดนแผ่นดินสูงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่เขตชายแดนรัฐซาลาวัค ได้เข้าพักแรมที่ Appla Lodge โฮมสเตย์ใหญ่ที่สุดของที่นี่ และช่วงค่ำได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านแทบทุกคนของบาเคลาลัน จัดพิธีต้อนรับทั้งการแสดงดนตรีจากบรรดาพ่อเฒ่าแม่เฒ่า และการรำต้อนรับตามประเพณีของชาวบาเคลาลัน เลี้ยงอาหารท้องถิ่นอร่อยปาก บรรยากาศเป็นที่น่าประทับใจที่สุด ในสถานที่ห่างไกลความเจริญสุดกู่บนแผ่นดินสูงแห่งนี้
วันที่สิบสาม วันศุกร์ 25 สิงหาคม ชาวออฟโรดผจญภัยพากันออกไปหัดดำนาปลูกข้าวกันอย่างสนุกสนาน แล้วเดินทางไปเที่ยวชมการทำเกลือ จากบ่อน้ำเกลือบนภูเขา ซึ่งชาวบ้านจำนวนมากมายยังคงออกมาคอยต้อนรับ และจัดเตรียมอาหารพร้อมชากาแฟเต็มที่ และวันนี้ผู้จัดพยายามจะพาข้ามแดนประเทศอินโดนีเซียอีกหน เพื่อท่องเที่ยวเมืองเล็กๆที่อยู่ติดชายแดนใกล้กับบาเคลาลัน แต่สุดท้ายไม่ได้รับการอนุญาตจาก ต.ม.อินโดนีเซียอีกหน ค่ำคืนนี้ชาวออฟโรดยังคงพักอยู่ที่โฮมสเตย์กระท่อมแอพเปิ้ล ส่งท้ายกิจกรรมการแสดงการเต้นรำที่สวยงาม และการสนุกร่วมกันของชาวบ้านบาเคลาลันกับชาวออฟโรดผจญภัย เป็นภาพประทับใจความมีมิตรไมตรีดีมากที่มีต่อกัน จะถูกเก็บจดจำเอาใว้ในก้นบึ้งของหัวใจไม่ลืมเลือน Bakelalan A lazy Paradise
วันที่สิบสี่ วันเสาร์ 26 สิงหาคม คอนวอยออกเดินทางตั้งแต่แปดโมงเช้า เส้นทางยังคงเป็นทางออฟโรดได้หยุดพักกลางทางเที่ยวชมบ่อเกลือของตำบล Buduk Bui Salt ของชาวบาเคลาลันอีกหนึ่งกลุ่ม มีชาวบ้านมาเข้าแถวยาวต้อนรับ การแสดงเต้นรำต้อนรับขุดใหญ่ อาหารพร้อมชากาแฟเต็มที่ ต่อจากนั้นเดินทางผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า จนได้หยุดอีกครั้งเมื่อถึงจุดชมวิวทิวทัศน์สวย Wakaf Jurutera และเดินทางออฟโรดจนกระทั่งเวลาประมาณบ่ายห้าโมงเย็นมาถึงกระท่อมน้ำพุร้อน Merap พักค้างแรมอย่างผ่อยคลายสบายตัวที่นี่ ด้วยการแช่น้ำพุร้อน และยังติดแม่น้ำสีเหลืองขุ่นไหลแรงดูน่ากลัวลึกลับ ภายใต้น้ำฝนเย็นหมอกสีขาวปกคลุมป่าแต่ไม่มีใครหนีหายไปจากการแช่น้ำพุร้อนเลย
วันสุดท้ายวันที่สิบห้า วันอาทิตย์ 27 สิงหาคม คอนวอยออกเดินทางตั้งแต่แปดโมงเช้า เดินทางเส้นทางออฟโรดขึ้นลงบนภูเขาไปอีกประมาณ 20 ก.ม. จึงได้พบเส้นทางถนนปกติจนถึงชายแดนลิมบัง มาเลเซีย–บรูไน และและข้ามแดนเข้าประเทศบรูไน ไปเที่ยวที่หมู่บ้าน Sumbiling Eco Village Borneo Guide ชมวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นบรูไน และวิถีชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของบอร์เนียว หลังจากนั้นเดินทางข้ามแดนกลับมาเลเซียอีกหน และเดินทางไปข้ามแดนเข้าบรูไนทางด่านใหญ่เข้าตัวเมืองหลวงบรูไนดารุสซาลาม และเข้าพักที่โรงแรม The Rizqun International ช่วงเวลาประมาณสามทุ่มมีพิธีปิดและมอบรางวัลการท่องเที่ยวผจญภัย ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรและการท่องเที่ยว Yang Berhormat Dato Seri Setia Awang Haji Ali Bin Haji Apong Minister of Primary Resources and Tourism
นี่คือรูปแบบการท่องเที่ยวออฟโรดผจญภัยที่มีมายาวนานที่สุดในเอเซีย ครบถ้วความมันส์ตื่นเต้นและความสุขประสบการณ์ในวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์, การผจญภัย, การเกษตรกสิกรรม, และธรรมชาติ น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวออฟโรด ครั้งหนึ่งน่ามาสัมผัสสุดยอดการท่องเที่ยวออฟโรดระดับตำนาน “ทรานส์บอร์เนียวTRANS BORNEO” บนเกาะบอร์เนียว …
สวัสดีครับ…
รางวัล Rewards
Jungle Award Yap Nan Thien
Most Hard Working Official Award Shone Majimbun
Most Friendly Official Award Yannik Bin Mohd Anuar
Foul – up Award Mohd.Anuar Bin Abdul Ghani
Best Media Award Simon Christie
Environment Award Jeffrey Stuart Innes
แรดบิน นิวตรอน เรื่อง/ภาพ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.