TOYOTA MEGA CRUISER CAB จับเจ้าม้าศึกจากแดนปลาดิบมาเปลี่ยนโฉมใหม่
เมื่อไม่นานมานี้เราก็ได้นำเสนอเรื่องราวของ TOYOTA MEGA CRUISER ลงในนิตยสารออฟโรดไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่เดือน แม้จะเป็นรถที่ผลิตออกมาอยู่ในช่วงกึ่งกลาง ระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ แต่ปัจจุบันมันกลายเป็นรถที่หายาก และถูกเก็บสะสมเอาไว้ในตู้โชว์ โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาเรื่องของรถจดประกอบ ทำให้ MEGA CRUISER แทบจะไม่มีโอกาสย่างกายเข้ามาเมืองไทยอีกเลย ทุกวันนี้ถ้าจะนับกันจริงๆ แล้ว ในเมืองไทยเรามีอยู่ประมาณ 10 กว่าคันเท่านั้นเอง
TOYOTA MEGA CRUISER นั้น มันเป็นรถออฟโรดขนาดใหญ่ ใกล้เคียงกับ HUMMER H1 ที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ.1995–2002 และเป็นรถออฟโรดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โตโยต้าได้ผลิตมา ญี่ปุ่นผลิตรถรุ่นนี้มาเพื่อตอบสนองให้กับทางราชการทหารเป็นอันดับแรก โดยใช้เป็นรถสำหรับลำเลียงทหารราบ แต่ก็สามารถที่จะติดตั้งปืนครก หรือติดตั้งอาวุธที่ร้ายแรงกว่านั้นได้ โดยใช้งานในกองกำลังป้องกันตนเองของประเทศญี่ปุ่นนอกจากที่จะใช้ในราชการทหารแล้ว MEGA CRUISER ยังถูกนำไปใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ หรือหน่วยงานดับเพลิง และกู้ภัย หลังจากนั้นก็นำมาจำหน่ายให้กับพลเรือน
โดยเครื่องยนต์ของ TOYOTA MEGA CRUISER นั้น มากับเครื่องยนต์ขนาด 4.1 ลิตร แบบเทอร์โบดีเซล หรือรู้จักกันดีในปัจจุบันก็คือ 15B-FTE, ให้แรงม้ามากถึง 155 hp นั่นเอง เครื่องยนต์ตัวนี้มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 4 เกียร์ และปัจจุบันที่เกียร์และเครื่องยนต์ของรุ่นนี้ ราคาก็ทะยานขึ้นไปแสนกลางๆ เนื่องจากนิยมนำมาติดตั้งในรถออฟโรดปัจจุบันมาก เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ทรงพลัง มีแรงบิดสูง ไม่จู้จี้จุกจิก สามารถฉุดร่างใหญ่ๆ ของบรรดาบิ๊กฟุตให้แล่นฉิวไม่ต่างจากรถเล็กๆ
ปะเหมาะครั้งนี้เราได้ไปเจอรถรุ่นนี้มาอีกคันหนึ่งที่ จ.ตราด โดยพื้นฐานก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก แต่ที่น่าสนใจก็คือ มันเป็นรถที่ถูกนำมาตกแต่งและดัดแปลงใหม่ จากตอนเดียวกลายเป็นรถแค็บไปเสียแล้ว พร้อมกันนี้ก็มีการใส่อุปกรณ์เสริมต่างๆ เข้าไป จนดูดีมีชาติตระกูลไปอีกแบบ
สำหรับรถคันนี้ เป็นรถ TOYOTA MEGA CRUISER คันนี้ รถของ คุณนพดล จิตรแจ้ง ผู้ชำนาญการกิจการโครงการพิเศษ 2 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์วิศวกรรม จำกัด จากกลุ่มตามล่าฝัน หนุ่มใต้จากเมืองหมูย่าง จ.ตรัง และอดีตปัญญาชนที่ขวนขวายไปหาความรู้ถึงเมืองล้านนา ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยผู้เป็นเจ้าของรถ เล่าที่มาที่ไปแบบคร่าวๆ ให้เราฟังว่า “วันหนึ่งได้ขับรถไปทำธุระที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เห็นรถรุ่นนี้จอดขายอยู่หลายคัน มองผ่านๆ ก็คิดว่าเป็น HUMMER H1 ซึ่งเป็นรถที่ชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว จึงไม่รอช้าเลี้ยวรถเข้าไปดู แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็น TOYOTA MEGA CRUISER ชั่งใจอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อ เพราะคิดบวกลบคูณหารแล้ว คลาสสิกเหมือนกัน แต่ MEGA CRUISER ดีกว่า HUMMER H1 ก็ตรงที่สามารถหาอะไหล่ได้ง่าย เครื่องยนต์ ช่วงล่าง และอะไหล่ต่างๆ ก็หาได้ง่าย รถคันนี้เป็นรถเดิมๆ จากญี่ปุ่น กระบะยาวตอนเดียวมีหลังคาเป็นผ้าใบ เก้าอี้นั่งสองแถว หลังจากได้มาแล้วก็ทำการตกแต่งเพิ่มเติมใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะในเรื่องของบอดี้”
หลังจากได้รถคันนี้มาแล้ว ทาง นพดล จิตรแจ้ง ก็จัดการเลาะหลังคาผ้าใบออก และขึ้นโครงเหล็กหลังคาขึ้นมาใหม่เพื่อทำเป็นแค็ปขนาดใหญ่ คล้ายกับรถสี่ประตู งานนี้ทั้งออกแบบและดีไซส์ทำกันเองที่โครงการในวันว่างๆ เหตุที่ดัดแปลงเป็นรถแบบสี่ประตูไม่ได้ก็เพราะว่า ติดตรงที่ถูกบังคับด้วยป้ายทะเบียนซึ่งเป็นป้ายเขียวบ่งบอกชัดเจนว่า ใช้เพื่อการบรรทุก ก็เลยทำการขยายเป็นแบบแค็บ ให้ห้องโดยสารกว้างเหมือนกับรถสี่ประตูจากนั้นก็นำเบาะของ BRIDE มาตั้งใหม่กลายเป็นรถ 4 ที่นั่ง (ข้างหลังนั่งสบาย แต่ขึ้นลงยากสักหน่อย)
จากเรื่องของโครงสร้างภายนอกเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ทำการติดตั้งระบบปรับอากาศใหม่ เพราะของเดิมไม่มีมาให้ พร้อมๆ กับตีกันชนหน้าเลียนแบบของ HUMMER แต่พิเศษหน่อยก็ตรงสามารถพับขึ้น-ลงได้เพียงแค่ปลดสลักออก ที่กันชนหน้านี้ ก็ติดตั้งไฟสปอตไลท์เอาไว้อีก 2 ดวง เสริมเขี้ยวเล็บด้วยวินช์ WARN ขนาด 8,000 ปอนด์เอาไว้ เป็นอุปกรณ์หลักเพื่อช่วยเหลือรถยามติดหล่มหรือเกิดปัญหาต่างๆ แต่เจ้าของก็บอกว่าเป็นการเพิ่มความสวยงาม ให้รถดูดุดันขึ้นมากกว่า เนื่องจากรถรุ่นนี้มี DIF LOCK ติดรถมาเป็นอาวุธประจำกายอยู่แล้ว เพราะถ้าหากรถติดหล่มจริงๆ น้ำหนักน้องๆ ช้างสองตันเศษ จะเพิ่มขึ้นไปเกือบๆ 5 ตัน วินช์แค่ 8,000 ปอนด์คงเอาไม่อยู่เหมือนกัน
จบจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ต่อมาก็มาถึงคิวของร้านแสนตุ้งการยาง จ.ตราดบ้าง ในเรื่องของการตกแต่งและโมดิฟายต่างๆ เริ่มจากเรื่องของการจัดหารองเท้าคู่ใหม่แทนของเดิม เรื่องยางนั้นไม่ยากเท่าไร แต่ที่ยุ่งยากหน่อยก็ตรงต้องวิ่งหากระทะล้อใหม่ จัดหาขอบ 17 มาเปรียบเทียบให้ใกล้เคียงของเดิม ที่เป็นกระทะล้อขอบ 17 ครึ่ง ซึ่งในบ้านเรานั้นหายาก จากนั้นก็นำกระทะเหล็กดังกล่าวมาตัดออกเอาเฉพาะขอบหน้าและขอบหลังไว้ ต่อด้วยส่วนตรงกลางก็จัดการถ่างออกเป็น 12 นิ้ว และสร้างหน้าแปลนขึ้นมารับกับดุมล้อของ MEGA CRUISER ขั้นตอนตรงนี้เหนือบ่ากว่าแรง ก็เลยจัดการส่งไปทำและดัดแปลงที่ชลบุรี ได้กระทะล้อตามที่ต้องการ ต่อมาก็ถึงเรื่องของยาง ซึ่งเจ้าของเปิดหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ทอยู่หลายรอบ สุดท้ายไปลงตัวอยู่ที่ยาง 38.5 นิ้ว ของ SUPER SWAMPER TRXUS M/T (INTERCO) (ยางเดิมติดรถขนาด 37 นิ้ว)
มาถึงในเรื่องของช่วงล่างบ้าง งานนี้ก็เป็นช่วงล่างเดิมๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะคือ สามารถเลี้ยวได้ทั้ง 4 ล้อ จึงไม่ต้องดัดแปลงแก้ไขอะไรเพิ่มเติม แค่ปรับทอร์ชั่นบาร์ขันขึ้นเล็กน้อย เท่านี้ก็ดูหล่อเหลาขึ้นเป็นกอง
นอกจากนี้ก็ยกเครื่องเสียงชุดใหญ่เน้นความบันเทิงเป็นหลัก ที่มีครบทั้งแสง สี เสียง โดยให้ร้านโฮมออดิโอ จ.ตราด จัดให้ ทั้งซับเบสท์ขนาด 12 นิ้ว พร้อมจอทั้งหมด 12 จอ รวมทั้งจานดาวเทียม และวิทยุสื่อสาร เรียกว่าระบบเอนเตอร์เทนเม้นต์ครบถ้วนจริงๆ สำหรับ MEGA CRUISER จากแดนปลาดิบคันนี้
Specification : TOYOTA MEGA CRUISER
Manufacturer TOYOTA
Production 1995-2002
Class Full-Size SUV
Engine 4.1L 15B-FTE Turbodiesel I4 , 155 hp
Cylinders 4 cylinders inline 4.104-Liter
Bore and Stroke 4.25×4.41 (in)
Volumetique ratio 18.4
Power 150 Hp@3400 rpm
Torque 280 lbs-ft@1800 rpm
Transmission 4 speed Automatic O/D Tranmission
Ratio of limps speeds
1st 3.018
2nd 1.548
3rd 1.000
4th 0.765
RG 2,678
Low range 2,488
Axle ratio 3,700
Hub reduction 1.692
Suspension 4 wheels independent, double wishbone
FR/RR Steering box gear ratio 21.99/18.72
Turning radius 18.4 ft
Tires 37×12.50R17 , 5-8 (run flat)
Brakes 4 inboard ventilated discs
Transmission Full Time 4×4
Differentials center differentials lock
Overall length 200.4 in
Overall width 85.4 in
Overall height 81.7 in
Wheelbase 133.7 in
Tread width (front/rear) 70.7 in / 69.9 in
Ground Clearance 16.5 in
Crub weight 6395 lbs
Gross Vechicle Weight Rating 8445 lbs
Payload 1323 lbs
Fuel Tank 28.5 gals
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.