มารู้จัก ซีรีย์รถกระบะไฮลักซ์ ที่มาพร้อมพลังงานทางเลือกของระบบส่งกำลังอันหลากหลาย รถกระบะ 3 พลังงานทางเลือกจาก โตโยต้า เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนกัน
อย่างที่เรารู้กันครับว่าหนึ่งในพันธกิจที่สำคัญของโตโยต้าคือการ เสริมสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยการที่จะบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าว โตโยต้าได้มีความพยายามเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง (Multi-Pathway) พร้อมกับความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอน หนึ่งในนั้นคือการพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก
ล่าสุดเราได้มีโอกาศสัมผัสและทดลองขับ ซีรีย์รถกระบะไฮลักซ์ ที่มาพร้อมพลังงานทางเลือกหลากหลายรูปแบบ คือ FCEV (Fuel Cell Vehicle) รถพลังไฮโดรเจน , BEV (Battery Electric Vehicle) รถพลังงานไฟฟ้า และ Diesel HEV ( Diesel Hybrid Electric Vehicle ) รถเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด และหนึ่งใน 3 พลังงานทางเลือกนี้ มีกระบะหนึ่งคันที่ตอนนี้ทำการทดสอบใช้งานจริง และกำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยในปี 2567 นี้ เรามาทำความรู้จักรถกระบะทั้ง 3 คันนี้ไปพร้อมกันครับ
1. Toyota Hilux FCEV
กระบะคันนี้เป็นรถต้นแบบ ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน คือ การเติมก๊าสไฮโดรเจนเข้าไปยังถังเก็บใต้ท้องรถ ซึ่งคันนี้มีถังอยู่ใต้ท้องรถ 3 ถัง จากนั้นเซลล์เชื้อเพลิงในแบตเตอรี่ทำการเปลี่ยนไฮโดรเจนให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่งไปยัง Fuel Cell Stack และแจกจ่ายพลังงานไปยังส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ต่อไป ซึ่งมันคือระบบการทำงานแบบเดียวกับ TOYOTA MIRAI มันจะทำงานคนละแบบกันรถแข่งของทาง ROOKIE Racing อย่าง GR Corolla เพราะเจ้าคันนี้เป็นรถยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจน คือยังมีเครื่องยนต์อยู่แต่ใช้ไฮโดรเจนแทนน้ำมัน เอาง่ายๆการทำงานเหมือนกับ รถยนต์ที่ใช้ LPG และ NGV นั้นเอง
จากการได้ทดลองขับแบบสั้นๆ การออกตัวทำได้ดีมาก ขับสนุกดีครับ ความเร็วเพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่องลื่นไหลผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พวงมาลัยไฟฟ้า น้ำหนักดี ควบคุมง่าย แม่นยำ ระบบช่วงล่างไม่แข็งมานัก เด้งๆเล็กน้อยนั้นเพราะมันได้ได้มีน้ำหนักบรรทุก ถ้ามีน้ำหนักบรรทุกผมว่ามันจะพอดี
- ระยะทางวิ่งได้ 600 กิโลเมตร ต่อการเติม 1 ครั้ง
- สามารถบรรทุกได้ 1,500 กิโลกรัม
2. Toyota Hilux Revo BEV
กระบะพลังงานไฟฟ้า 100% เริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เมื่ออุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้าดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ออกมา พลังงานไฟฟ้าจะเปลี่ยนเป็นกระแสสลับ (AC) และส่งต่อไปยังมอเตอร์ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน คันนี้ไม่ได้เป็นคอนเซ็ปต์คาร์แล้วนะครับ เพราะทางโตโยต้ากำลังจะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยภายในปี 2567 แล้ว โดยขณะมีการทดลองใช้งานอยู่ที่ แม็คโคร ซึ่งนำไปติดตั้งกล่องที่ด้านหลังเรียบร้อย และวิ่งใช้งานบรรทุกส่งของ อีกคันอยู่ที่ พัทยา ติดตั้งหลังคาวิ่งเป็นรถสองแถวรับ-ส่งคน
การทดลองขับกระบะพลังงานไฟฟ้า ก็ต้องบอกว่าการออกตัวทำได้ดีมากครับ ความเร็วเพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่อง เหมือนกับ FCEV เลยครับ ขับสนุกพอๆกัน พวงมาลัยน้ำหนักดี แม่นยำ ระบบช่วงล่างทำได้ดี แต่น่าจะดีกว่าถ้ามีน้ำหนักบรรทุกด้านท้าย ขับสบายไม่เหนื่อยเหมือนกระบะหัวเดียวเมื่อก่อนแล้ว ระยะทางเครมไว้ 300 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ผมว่าวิ่งจริงมีน้ำหนักบรรทุกน่าจะเหลือวิ่งได้ประมาณ 250 กิโลเมตร
- ระยะทางวิ่งได้ 300 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- สามารถบรรทุกได้ 1,000 กิโลกรัม
3. Toyota Hilux Diesel HEV
กระบะพลังดีเซลไฮบริดคันนี้ยังเป็นต้นแบบอยู่นะครับ ยังคงใช้พื้นฐานเครื่องยนต์รหัส 1GD-FTV ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร Commonrail เทอร์โบ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เหมือนกับ Hilux ปกติทั่วไป แต่มี มอเตอร์ เจนเนอเรเตอร์ เข้ามาช่วยในจังหวะสตาร์ท จังหวะออกตัว และช่วงเร่งแซง ทำให้อัตราเร่งดี และลื่นไหลมากขึ้น ในช่วงที่มีจังหวะหน่วงช่วงออกตัว แรงแซงหายไป โดยมอเตอร์ถูกติดตั้งอยู่บริเวณหน้าเครื่องเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์ด้วยสายพาน กำลังสูงสุดที่มอเตอร์สามารถผลิตได้ อยู่ที่ 12 กิโลวัตต์ หรือ 16 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 65 นิวตันเมตร อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-ion 48V ที่ติดตั้งบริเวณใต้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้น 5 – 10% เรียกง่ายๆมันคือ Diesel Mild Hybrid นั้นเอง
จากการทดลองขับการออกตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเครี่องยนต์ปกติ แต่มันสู้ FCEV และ BEV ไม่ได้อย่างแน่นอน อัตราเร่งดูจะนุ่มนวลและสมูทมากขึ้น เพราะมอเตอร์มันช่วยในการเสริมแรงในช่วงจังหวะหน่วงของเครื่องยนต์เทอร์โบ พวงมาลัยน้ำหนักดีควบคุมง่าย ระบบช่วงล่างไว้ใจได้ครับ แต่ผมว่าผมชอบช่วงล่างของ FCEV และ BEV มากกว่าครับ
- ระยะทางที่วิ่งได้ 1200 กิโลเมตร ต่อการเติมน้ำมัน 1ครั้ง
- สามารถบรรทุกได้ 3,500 กิโลกรัม
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ซีรีย์รถกระบะไฮลักซ์ ทั้ง 3 พลังงานทางเลือกเพื่อนๆคือว่าพลังงานแบบไหนหน้าใช้มากทีสุด แน่นอนในปีหน้าเราได้ขับ กระบะพลังงานไฟฟ้า 100% อย่างแน่นอน รอลุ้นราคาจำหน่ายไปพร้อมกันครับ ส่วนพลังงานที่เหลือรอต่อไปในอนาคตเราอาจจะได้
Comments are closed.