Toyota Highlander
เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของตระกูล Highlander
ที่มาพร้อมการปรับปรุงรูปลักษณ์จากรุ่นปี 2014 นับเป็นโอกาสอันดีที่ SUV ขนาดใหญ่ แต่มีน้ำหนักตัวที่เบากว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย โดยเลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบา มาเป็นส่วนประกอบ ทั้งนี้ เพื่อการทำงานอย่างประสิทธิภาพ และประหยัดเชื้อเพลิง โดย Highlander จะมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ตามอ็อปชั่นที่แตกต่างกัน
ดีไซน์ภายนอกของ Highlander เริ่มที่กระจังหน้าขนาดใหญ่ โคมไฟหน้าใช้หลอดซีนอน กับหลอด LED และไฟตัดหมอกที่จะถูกวางไว้ที่ด้านล่างของกันชนหน้า ไฟ LED ที่กระจกมองข้างดไซน์ใหม่ ใส่ล้ออัลลอยด์ในขนาดและลวยลายตามสมัยนิยม
ภายในห้องโดยสารออกแบบมาเน้นความสะดวกสบาย เบาะนั่งหุ้มหนังคู่หน้า มาพร้อมระบบปรับอุณหภูมิ ให้ความเพลิดเพลินในการเดินทาง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยเครื่องมัลิตมีเดีย พร้อมระบบนำทางที่ทันสมัย ใช้ภาครับวิทยุผ่านดาวเทียม เชื่อมต่อ iPhone, พอร์ต USB นอกจากนี้ยังจะมีโซนคู่ เครื่องปรับอากาศ, บลูทู ธ , Wi-Fi, การควบคุมเรือเช่นเดียวกับหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว กับลำโพง 12 ตัวรอบคัน ในส่วนของความปลอดภัยของรถนอกเหนือไปจากถุงลม ก็จะมีกล้องมองหลัง ระบบเซ็นตรวจสอบ และเตือน เมื่อมีวัตถุเข้าใกล้ในจุดอับสายตา
ใต้ฝากระโปรงของ Highlander มีเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร 275 แรงม้าและแรงบิด 353 นิวตันเมตร ใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ระหว่าง 30,000 – 46,000 usd