ฟอร์ด ประเทศไทย จัดทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ‘Ford Ranger Raptor – The Overland Journey’ พาผู้ชนะจากกิจกรรม ‘King of Tough Challenge’ ลูกค้า และสื่อมวลชน รวมกว่า 40 ชีวิต ร่วมคาราวานขับ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร รวม 15 คัน พิชิตเส้นทางออนโรดและออฟโรดสุดท้าทายจากจังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย สู่ประเทศลาวและเวียดนาม เป็นระยะเวลา 9 วัน 8 คืน ตั้งแต่วันที่ 20-28 กันยายนที่ผ่านมา ตอกย้ำนิยาม ‘แกร่งจริงทุกคัน ดุดันทุกสถานการณ์’
คาราวาน ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ทั้งลูกค้า สื่อ และทีมงานฟอร์ด ประเทศไทย ออกสตาร์ทจากอุบลราชธานี
สำหรับทริปการเดินทางข้ามประเทศในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์การขับบนหลากหลายเส้นทางให้กับลูกค้าของฟอร์ดที่เป็นเจ้าของ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ โดยเฉพาะ รวมทั้งมีมืออาชีพในการวางแผนเส้นทางการขับข้ามประเทศอย่าง ทรานเอเชีย รูท (Transasia Route) ที่ฝากผลงานการทำทริปข้ามประเทศมาแล้วหลายต่อหลายเส้นทาง และที่พีคสุดๆ คือ การวางเส้นทางจากกรุงเทพสู่เมืองเวนิส อิตาลี ฉะนั้นไว้วางใจได้เลยว่าเส้นทางจากจังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย ไปสู่ สปป.ลาว และเวียดนาม แล้วขับกลับมาในเส้นทางเดิม จะเป็นเส้นทางที่สวยงาม ท้าทาย และน่าจดจำ อย่างแน่นอน
โดยคาราวานเริ่มต้นออกเดินทางจากจังหวัดอุบลราชธานี การขับบนถนนทางเรียบ ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ทั้งเบาะหนังและหนังสังเคราะห์เฉพาะแบบ Raptor หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว กล้องมองรอบคัน 360 องศา ที่ช่วยให้มองเห็นอุปสรรคได้รอบทิศทาง เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง รวมถึงการใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ เพลิดเพลินไปกับเครื่องเสียง Bang & Olufsen® ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร ที่มอบความบันเทิงในระหว่างการเดินทางได้แบบเต็มอิ่ม ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ที่รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ แบบไร้สาย ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ กับแบ็คกราวด์เป็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแซป่องไล
เส้นทางธรรมชาติใน สปป.ลาว
จากอุบลราชธานี คาราวานขับผ่านเส้นทางธรรมชาติที่ท้าทายทั้งหิน กรวด ลูกรัง โคลน รวมถึงการลุยน้ำข้ามลำธารมุ่งหน้าสู่เมืองอัตตะปือ ประเทศลาว โดยได้ทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและโหมดการขับขี่ของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จุดหมายสำคัญคือการชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแซพระ และน้ำตกแซป่องไล ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดยักษ์และแหล่งท่องเที่ยวอันซีนของลาวใต้ ด้วยความสูงถึง 100 เมตร และกว้าง 120 เมตร ผู้ร่วมทริปได้สัมผัสกับความงดงามของสายน้ำที่ไหลลงมาอย่างอลังการราวกับม่านสีขาว พร้อมกับละอองน้ำและเสียงกึกก้องอย่างน่าประทับใจ
เส้นทางจุดนี้ถือว่าค่อนข้างยาก เพราะโดยปกติแล้วเส้นทางที่จะเข้าไปน้ำตกแซป่องไลจะข้บรถเข้าไปได้ยากระดับหนึ่ง เป็นเส้นทางป่า มีต้นไม้ขึ้นสูงครึ้มเกือบตลอดเส้นทาง ผิวทางขรุขระตลอดเส้นทาง แต่ในวันที่ขับเข้าไปเป็นช่วงเวลาที่มีฝนตกเกือบตลอดทั้งวัน พื้นผิวทางลื่นแฉะเพิ่มความยากเข้าไปอีกระดับ ถึงขนาดที่บางจังหวะรถมีอาการลื่นไหลได้เช่นกัน แต่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีอยู่ใน เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ช่วยให้การควบคุมรถให้กลับเข้ามาในทางเป็นเรื่องที่ง่ายและปลอดภัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน
มุ่งหน้าสู่ด้านโบยีเพื่อเข้าสู่เวียดนาม
ทะเลสาบซ้วยหว่าง
คาราวานเดินทางต่อไปยังเมืองดาลัดหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศเวียดนาม พร้อมแวะเช็คอินที่มองโกแลนด์ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เดินท่องเที่ยวตลาดท้องถิ่น แวะชมความสวยงามของน้ำตกดาตันลา น้ำตกที่เกิดจากภูเขาหินอ่อนอายุกว่า 100 ปี จากนั้นผู้ร่วมกิจกรรมได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นด้วยการขับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ตะลุยเส้นทางออฟโรดไปยังทะเลสาบซ้วยหว่าง (Soui Vang Lake) ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ล้อมรอบด้วยป่าเขียวขจี บนเส้นทางนี้ ผู้ร่วมเดินทางได้พิสูจน์สมรรถนะของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ในการรับมือกับภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งเส้นทางร่องหิน ขึ้น-ลงเนินชันกว่า 18 องศา โดยใช้กล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยในการมองอุปสรรคนอกตัวรถบนเส้นทางแคบในป่าสน ด้วยเครื่องยนต์ที่เปี่ยมสมรรถนะ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ โหมดการขับขี่แบบออฟโรด และระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control) ผู้ขับขี่สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย การเดินทางจึงเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย มอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและน่าจดจำสำหรับทุกคนในทริป
ทะเลทรายมุยเน่ ซาฮาร่าแห่งเวียดนา
รถบักกี้พานักท่องเที่ยวขับรถชมบรรยากาศทะเลทราย
ความเว้งว้างและพื้นที่ขนาดใหญ่ของทะเลทรายมุยเน่ มองออกไปไกลๆ นั่นคือ ทะเลจีนใต้
นอกจากทะเลทราย ยังมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ให้บรรยากาศเหมือนเป็นโอเอซิส
พื้นที่นี้ใกล้ทะเล กระแสลมจึงค่อนข้างแรง มีการทำกังหันพลังงานลมเอาไว้ปั่นกระแสไฟฟ้าอีกด้วย
รถบักกี้พานักท่องเที่ยวขับไปบนเนินทราย พาให้หวาดเสียวพอสมควร สนุกดี รถที่ใช้คือ นิสสัน Petrol
เส้นทางการขับออฟโรด
แอคชั่นมันส์กับเส้นทางตะลุยทะเลทรายมุยเน่กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์
จากเมืองดาลัดคาราวานมุ่งสู่ทะเลทรายมุยเน่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ซาฮาร่าแห่งเวียดนาม’ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของประเทศเวียดนาม ด้วยเนินทรายสีทองอร่ามทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สลับกับทะเลสาบน้ำจืดสีฟ้าใส สร้างทัศนียภาพอันน่าทึ่งราวกับภาพวาด ผู้ร่วมเดินทางได้ทดลองใช้การขับขี่ในโหมดทราย และโหมดบาฮาอันเป็นเอกลักษณ์ของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ซึ่งรถจะปรับเข้าสู่การขับขี่โดยใช้เกียร์สูงขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) คันเร่งจะปรับให้มีการตอบสนองสูงสุดเพื่ออัตราเร่งที่ดีที่สุด ระบบท่อไอเสียและช่วงล่างจะถูกปรับให้เป็นโหมดบาฮาเช่นกัน เพื่อตอบสนองการขับขี่ออฟโรดแบบความเร็วสูง พร้อมรับมือกับการขับขี่บนทะเลทรายโดยเฉพาะ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับ เทคโนโลยีเหล่านี้ของรถ ไม่เพียงช่วยให้ผู้ขับขี่พิชิตความท้าทายของทะเลทรายมุยเน่ได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและปลอดภัยขั้นสุดอีกด้วย
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร
โดยเส้นทางที่ทะเลทรายมุยเน่ ทางทีมงานจัดวางเส้นทางการขับให้ได้ลุ้นและเร้าใจ เป็นทางทรายที่พร้อมดูดรถให้ติดหล่ม มีทางลาดชันให้ได้ลุ้น ซึ่งเส้นทางดูเหมือนจะไม่ได้ยากอะไร แต่พอลงไปขับจริงๆ แล้ว กลายเป็นคนละเรื่อง ต้องคอยฟัง Instructor ตลอดเวลา เพราะเค้าจะรู้ว่าทางตรงนี้ขับได้ความเร็วเท่าไหร่ โค้งข้างหน้านี้ให้เข้าโค้งแล้วค่อยเติมคันเร่งแค่ไหน หรือก่อนขึ้นเนินทรายต้องเติมคันเร่งให้ต่อเนื่องห้ามเบรก ห้ามผ่อน ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและใช้สติ สมาธิ ทักษะ อยู่ตลอดเวลา
ถ้าเติมคันเร่งน้อยไปก็จะติดหล่มทรายแบบครึ่งล้อกันเลย
สำหรับโหมดที่ใช้ขับจะเป็นโหมด Sand หรือ โหมดทราย ร่วมกับการปรับเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H ซึ่งแร็พเตอร์ที่ลงไปลุยเส้นทางทะเลทรายมีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล จุดนี้มีความแตกต่างกันพอสมควรเมื่อขับไปบนทางทราย เพราะด้วยเครื่องยนต์ดีเซลจะมีแรงบิดสูงในรอบต่ำ การขับบนทางทรายแบบนี้ล้อมีโอกาสขุดดินให้ลึกได้ง่าย มีโอกาสติดหล่มสูง ต่างจากเครื่องยนต์เบนซินที่รอบมาไวกว่า การออกตัวหรือการเติมคันเร่งทำได้ดีกว่า แต่ถึงอย่างนั้นยังเสี่ยงต่อการติดหล่มอยู่ดี หากเติมความเร็วช้าเกินไป หรือขับเข้าโค้งแล้วผ่อนคันเร่ง ตลอดเวลาที่ขับจะจำเสียงที่ดังขึ้นมาเสมอว่า “อย่าผ่อน อย่าผ่อน, เติม เติม, ความเร็วอย่าตก ความเร็วอย่าตก” สติกระตือรือร้นตลอดเวลากันเลย แต่นั่นทำให้สามารถขับผ่านอุปสรรคมาได้แบบไม่ยากเท่าไหรนัก เป็นความประทับใจที่จะไม่ลืมเลือนเลยสำหรับการขับบนเส้นทางออฟโรดที่ทะเลทรายมุยเน่แห่งนี้
เส้นทางชายฝั่งทะเลที่เมืองญาจาง
เส้นทางหลวงแผ่นดินระหว่างไปยังเมืองญาจาง บรรยากาศคล้ายไปทางยุโรปหรือญี่ปุ่น
จากนั้น คาราวานเดินทางต่อไปยังเมืองญาจาง โดยใช้เส้นทางเลียบชายฝั่งทะเล ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสีคราม เส้นทางนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ทิวทัศน์สวยงามมาก ไม่คิดเลยว่าที่นี่คือเวียดนาม สองข้างทางในบางช่วงจะได้เห็นฟาร์มโซล่าเซลส์และกังหันลมขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมได้มหาศาลอีกด้วย ทำให้เห็นภาพกว้างๆ ว่าเวียดนามใช้ประโยชน์จากการสร้างพลังงานจากธรรมชาติได้หลายอย่าง ด้วยการที่ประเทศตั้งอยู่ติดกับทะเลจีนใต้ มีแผ่นดินเลียบชายหาดทั้งประเทศ มีพื้นที่ป่าไม้ มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังหลายอย่างจึงมีความใกล้ชิดกับธรรมชาติสูงมาก
โบสถ์เซนต์แมรี่ ที่เมืองกอนตูม จุดแวะเช็คอินก่อนเข้าที่พัก
ก่อนที่จะเดินทางกลับในวันที่ 7 ของการเดินทาง คาราวานไปแวะพักกันที่เมืองกอนตูม ก่อนที่รุ่งเช้าจะมุ่งหน้าไปที่ด่านโบยี เพื่อข้ามแดนไปยังด่านภูเขือ สปป.ลาว แล้วมาผ่านด่านช่องเม็ก เพื่อเข้าอุบลราชธานี เป็นอันจบการเดินทาง ซึ่งเส้นทางส่วนนี้ถือว่าท้าทายช่วงล่างและขุมพลังของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเส้นทางลัดเลาะไปตามเทือกเขา ผิวถนนไม่ได้ดี หลายจุดเป็นทางลูกรัง บางจุดเป็นทางซีเมนต์และทางลาดยางที่ไม่ได้บำรุงรักษาเส้นทางมาเป็นเวลานาน โดยรวมถือว่าถนนค่อนข้างแย่มาก แต่ด้วยช่วงล่างและขุมพลังที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการขับบนเส้นทางแบบนี้อยู่แล้ว จึงทำให้การขับไม่ได้เหนื่อยเกินไป และไม่ยากกับการขับผ่านเส้นทางนี้
เริ่มเข้าสู่ สปป.ลาว
ออกจากเวียดนามที่ด่านโบยี
กลับเข้าสู่ประเทศไทย ที่ด่านช่องเม็ก จุดเช็คอินสุดท้ายของทริปนี้
ตลอดการเดินทางอันแสนท้าทายนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะในการรับมือกับทุกสภาพการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมือง เส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา หรือเส้นทางออฟโรดที่ทุรกันดาร ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังผสานกับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัย ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ตอบสนองได้ครบทุกความต้องการของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน การท่องเที่ยว หรือการผจญภัยสุดขั้นสุดบนเส้นทางออฟโรด นับเป็นยานพาหนะที่พร้อมรับมือกับทุกความท้าทาย และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้กับผู้ใช้งานในทุกสถานการณ์
ในหลายเส้นทางต้องเจอกับสภาพอากาศที่หลากหลาย โดยเฉพาะพายุฝนที่แรงบ้างเบาบ้าง
การขับรถในเวียดนามไม่ว่าจะอยู่ในตัวเมืองหรือต่างจังหวัด สิ่งที่ต้องระวังคือ รถจักรยานยนต์ การให้สัญญาณแตร เค้าจะไม่หลบ เรามีหน้าที่หลบ แต่ส่งสัญญาณแตรเพื่อบอกให้รู้ว่ามีรถตามมานะ เท่านั้นเลยจริงๆ
ปั้มน้ำมันในเวียดนาม ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ราคาประมาณ 26 บาทต่อลิตร
เพื่อความปลอดภัยในการเติมน้ำมัน เพราะมีทั้งรถดีเซลและเบนซิน มีการทำสติ๊กเกอร์เอาไว้ 3 ภาษา ไม่เติมผิดแน่ๆ
และนี่คือการพิสูจน์ความแกร่งโดยลูกค้าตัวจริงของ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ กับทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ‘Ford Ranger Raptor – The Overland Journey’ ฝ่าพายุทะลุทะเลทราย 3 ประเทศ ไทย-ลาว-เวียดนาม เร้าใจ มั่นใจ และประทับใจจริงๆ
ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th หรือที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.