ลองขับบน On Road กับ GWM POER SAHAR HEV กระบะไฮบริดรุ่นแรกของไทย
GWM POER SAHAR HEV เปิดตัวมาได้พักใหญ่ๆ แต่ยังไม่มีการประกาศราคา ซึ่งจะมีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในงาน motor expo 2024 พูดได้ว่ารอราคากันยาวนานกันจริงๆ แต่อย่างว่าล่ะ การจะเข้ามาสู้ในตลาดรถกระบะเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องง่าย การที่ชูไฮไลท์เรื่องของขุมพลังเบนซินไฮบริด ที่พกพาความแรงมามากพอตัว จะลุยตลาดไหวรึเปล่า ยังไงก็ต้องรอเรื่องของราคากันอีกเช่นเคย ส่วนราคาจะเป็นอย่างไร ยังเดาไม่ออก แต่ครั้งนี้ขอมาเล่าเรื่องของการทดลองขับบนเส้นทาง on road กันคร่าวๆ
สำหรับรถกระบะภายใต้แบรนด์ GWM POER (โพเออร์) ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์เรือธงที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความเชี่ยวชาญมากที่สุด และมีประวัติมาอย่างยาวนาน มียอดขายในจีนนานถึง 26 ปี (1998-2023) มีส่วนแบ่งตลาดในจีนถึง 50% มียอดขายสะสมใน 4 ทวีป กว่า 50 ประเทศ มากกว่า 2.54 ล้านคัน และยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชนตามมาตรฐานออสตราเลเซีย หรือ ANCAP อีกด้วย
GWM POER SAHAR HEV กระบะไฮบริดที่เน้นความแรงที่พร้อมขับเคี่ยวสมรรถนะให้เร้าใจ มาพร้อมขุมพลังไฮบริด ขนาด 2.0 ลิตร 244 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร ทำให้มีแรงม้ารวมถึง 350 แรงม้า แรงบิด 648 นิวตันเมตร มาพร้อมโหมดขับขี่ 5 รูปแบบ คือ Normal, Eco, Sport, 4L และ 4H (4L, 4H มีเฉพาะในรุ่น 2.0 HEV Ultra Double Cab Auto AWD) มีตัวเลือก 2 รุ่น คือ รุ่น 2.0 HEV Pro Double Cab Auto และ รุ่น 2.0 HEV Ultra Double Cab Auto AWD มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว Hamilton White, สีดำ Sun Black และ สีเทา Ayers Gray ส่วนสีภายในมีสีเดียวคือ สีดำ Jade Black
มิติตัวถัง ยาว 5,445 มม. กว้าง 1,991 มม. สูง 1,924 มม. ระยะฐานล้อ 3,350 มม. ยาวที่สุดในตลาดรถกระบะในปัจจุบัน มีดีไซน์ด้านหน้าที่ตกแต่งด้วยกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์เรียบหรู, ไฟหน้า Intelligent LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ฟังก์ชั่นหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง พร้อม Daytime Running Light ไฟตัดหมอกแบบ LED รวมทั้งเพิ่มจุดเด่นด้วยโลโก้ POER ที่สะท้อนตัวตนของการเป็นรถกระบะระดับพรีเมียม
มีจุดโดดเด่นที่ฝาท้ายด้านหลัง ที่ถูกออกแบบให้แตกต่างจากรถกระบะทั่วไป ด้วยฝาท้ายอัจฉริยะที่เปิด-ปิด ได้ 2 รูปแบบ ควบคุมผ่านปุ่มกดที่อยู่กลางโลโก้ POER ด้วยการกดปุ่ม 2 จังหวะ และมาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 265/60
ด้านภายในห้องโดยสารติดตั้งระบบความบันเทิงพร้อมลำโพง Infinity จำนวน 10 ตำแหน่ง หน้าจอทัชสกรีน ขนาด 12.3 นิ้ว, เบาะนั่งหนังแท้, เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และเบาะคนขับยังปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มีระบบดันหลังปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง ในภาพรวมนี้ถือว่า GWM POER SAHAR HEV จัดออปชั่นให้ครบและไม่น้อยหน้าใครในตลาดด้วยเหมือนกัน
ในส่วนของการทดลองขับ เป็นเส้นทางจากกรุงเทพไปยังประจวบคีรีขันธ์ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ได้นำไปขับลุยกันสักนิด เพราะครั้งนี้เป็นกรุ๊ปทดสอบระยะสั้น และยังเป็นรถที่เพิ่งออกมาจากโรงงานยังไม่ใช่ตัวขายจริง เมื่อมองดูตัวรถแล้วเห็นว่ามีขนาดตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่ และหน้าตาที่แปลกตาคนไทย ทำให้กลายเป็นจุดสนใจได้อย่างง่ายดาย มีความดุดันและให้ความแข็งแกร่งอย่างชัดเจน ซึ่งไปกันได้ดีกับอัตราเร่งที่ถือว่าจัดจ้าน แรงจัด ในช่วงออกตัวจะให้อารมณ์คล้ายๆ การออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ไม่ได้ว่องไวมาก มีการหน่วงเล็กน้อย ทำให้รู้สึกว่าออกตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่ได้อืด แต่พอขยับความเร็วขึ้นในช่วง 60 กม./ชม. ขึ้นไป จะรู้สึกได้ทันทีว่ารถมีแรงบิดที่พร้อมส่งตัวถังที่หนัก 2.06 ตัน พุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว อัตราเร่งในแต่ละช่วงความเร็วทำได้ถึงใจมากๆ แรงแบบเอาจริงเอาจัง พละกำลัง 350 แรงม้า ทำมาได้จัดจ้าน รอบเครื่องมาเร็ว ซึ่งอารมณ์ในการขับคล้ายๆ กับการขับรถในแบบเอสยูวี พวงมาลัยแม่นยำสูง ช่วงล่างด้านหน้าปรับเซ็ตมาให้มีความนุ่มนวล ด้านหลังค่อนข้างแข็งพอประมาณ ขับบนทางเรียบถือว่าทำได้ดี อาการท้ายโยนเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วถือว่ามีอยู่ให้สัมผัสได้ การขับด้วยตัวถังที่ไม่ได้มีน้ำหนักบรรทุกด้านท้ายจะรู้สึกว่าช่วงล่างด้านหลังค่อนข้างแข็งและกระเด้งพอสมควรถ้าเจอพื้นถนนที่ไม่เรียบ ซึ่งถือว่าปกติสำหรับรถกระบะ และหากมีน้ำหนักถ่วงที่กระบะท้ายสัก 100-200 กิโลกรัม น่าจะทำให้ช่วงล่างด้านหลังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการใช้ช่วงล่างด้านหลังแบบแหนบซ้อน ไม่ใช่คอยล์สปริงกึ่งอิสระ ถือว่าทำมาได้ดี ทำให้ภาพรวมมีความนุ่มนวลและเกาะถนนได้ดี
เรื่องของภายในห้องโดยสาร ถือว่าออกแบบมาให้ห้องโดยสารกว้างแบบสะใจ เบาะนั่งรอบรับสรีระได้ดี เนื้อของฟองน้ำทำได้นุ่มพอประมาณ ทำให้ขับทางไกลได้สบายมากขึ้น และด้วยกระจกบังลมหน้าที่มีขนาดใหญ่ทำให้ทัศนวิสัยในการขับทำได้ดีมาก เรื่องของการออกแบบภายในสไตล์นี้ทำให้ความรู้สึกของการขับรถกระบะเปลี่ยนไปมาก ให้ความรู้สึกเหมือนกับการขับรถเอสยูวีมากกว่า เหมาะกับการขับทางไกลโดยเฉพาะ
ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจ นั่นคือ กระบะฝาท้ายอัจฉริยะที่เปิด-ปิด ได้ 2 รูปแบบ ควบคุมผ่านปุ่มกดที่อยู่กลางโลโก้ POER ด้วยการกดปุ่ม 2 จังหวะ กดปุ่มค้างจะเปิดฝาท้ายลงมาทั้งชิ้น และกดปุ่มครั้งเดียวจะเป็นการเปิดแบบ 60:40 หรือแบบตู้กับข้าว ซึ่งทำให้การใช้งานพื้นที่ของกระบะทำได้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าการเปิดแบบเดิมๆ แต่จุดนี้ยังมีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะหากเกิดการชนด้านท้ายถึงตัวฝาท้าย การซ่อมแซมคงต้องเปลี่ยนทั้งฝาท้าย เพราะรายละเอียดของฝาท้ายแบบนี้มีหลายจุดที่สำคัญมากเนื่องจากมีชิ้นส่วนภายในค่อนข้างเยอะ การซ่อมแซมให้กลับมาสมบูรณ์จะทำได้ยากหน่อย
ในภาพรวมของการขับ GWM POER SAHAR HEV เป็นกระบะไฮบริดที่ตัวถังขนาดใหญ่ แต่มีความคล่องตัวสูง พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี มีความแม่นยำสูง ช่วงล่างเน้นความนุ่มนวล ช่วงล่างด้านหลังจะกระด้างหน่อย อัตราเร่งทำได้น่าประทับใจ การออกตัวทำได้ไม่เร็วมาก แต่ไม่อืด ความเร็วช่วงกลางถึงปลายทำได้น่าตื่นเต้น เมื่อความเร็วเกิน 60 กม./ชม. ขึ้นไป ทำได้ลื่นไหลดีมาก การเร่งแซงกดคันเร่งเติมลงไป 50% จะรู้สึกได้เลยว่าแรงบิดพร้อมส่งตัวรถให้เร่งแซงได้ทันใจ แต่หากเป็นตัวถังเปล่าไม่มีการบรรทุกจะรู้สึกท้ายหวิวๆ ได้บ้าง เมื่อความเร็วทะลุ 120 กม./ชม. ซึ่งเมื่อลองท๊อปสปีดแล้วทำได้ร่วม 170 กม./ชม. แต่ยังสามารถไปต่อได้อีก เป็นกระบะไฮบริดที่ถือว่าเรี่ยวแรงมากพอตัว พละกำลังรวม 350 แรงม้า แรงบิด 648 นิวตันเมตร ขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสจะขอลองบรรทุกสัมภาระสัก 500 กิโลกรัม จะได้รู้ว่าการขับจะเปลี่ยนไปขนาดไหน
ส่วนเรื่องที่หลายคนอยากรู้ที่สุดคือเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง GWM POER SAHAR HEV เป็นกระบะเบนซินไฮบริด เติมแก๊สโซฮอลล์ 95 ทำอัตราสิ้นเปลืองเอาไว้คร่าวๆ อยู่ที่ 11-12 กม./ลิตร (ในการทดลองขับมีการสลับผู้ขับขี่) แต่ปีหน้าได้ข่าวมาว่าจะมีรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาทำตลาดด้วยอีก 1 รุ่น เอาเป็นว่าใครที่อยากลองของใหม่ อยากมีความแตกต่าง ต้องลองขับดู อาจจะถูกจริตก็เป็นได้
ภาพเมื่อครั้งเผยโฉมในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จัดดิสเพลย์แสดงให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ในการใช้งานของฝากระบะ รวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อติดตั้งเต็นท์หลังคารถแบบ 2 ชั้น ซึ่งในเมืองจีนถือว่า GWM POER SAHAR HEV ได้รับความนิยมสูงมาก โดยเฉพาะกับการใช้งานแบบออฟโรด
ส่วนการประกาศราคาขายพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ GWM POER SAHAR HEV รถกระบะขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย ที่จะเปลี่ยนนิยามของรถกระบะให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม TANK พร้อมให้จับจองและเป็นเจ้าของภายในงาน Motor Expo 2024 รวมทั้ง พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั่วประเทศ และพร้อมส่งมอบทันทีอีกด้วย งานนี้ประกาศราคาออกมาแล้วจะรุ่งหรือเปล่าต้องมาติดตามกัน แต่ถ้าพูดกันในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ถือว่าไม่แพ้ใครในตลาดอยู่นะ
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.