ตะลุยป่าใหญ่ใกล้กรุง ซับตะเคียน-ด่านจันทร์ จ.ลพบุรี

หลังจากชมรมป่าใหญ่ของเราไปแจกของวันเด็กประจำปี 2560 ที่ผ่านมา ที่หมู่บ้านสามหลัง จ.กาญจนบุรี  พวกเราก็แทบไม่ได้ออกทริปหรือเที่ยวป่ากันเลย จังหวะเหมาะในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางสมาชิกชมรม คือ กนก ป่าใหญ่ ได้มีโอกาสไปเจอกับ ช่างโหนก ลพบุรี และ กร ลพบุรี สองนักท่องป่าตัวยงของเมืองลพบุรี ทั้งสองแจ้งว่า แกบอกว่ามีที่เที่ยวอยู่ที่หนึ่งทางสวยงาม ลุยพอหอมปากหอมคอ มีธรรมชาติที่สวยงาม ป่าสมบูรณ์ และที่สำคัญเหมาะสำหรับพาเด็กๆ ไปพักผ่อนเล่นน้ำกัน

จากนั้นพวกเราก็ได้นัดมาพูดคุยกันที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี ชาติ มีนบุรี, หมู OB. บัง สันติชัย, จ๋า ชลบุรี, เอนก ชลบุรี, ช่างมอ, หน่อง, กนก, อาจารย์นำ, อาจารย์นัด, และผม อารีย์ ส.ประเสริฐ  ร่วมพูดคุยกันว่าจะออกเดินทางวันไหน และมีของไปแจกชาวบ้านหรือเปล่า เพราะสิ่งนี้ทางชมรมของเราเน้นย้ำมาโดยตลอด ผมเลยให้ กนก ป่าใหญ่ ลองโทรหา กร ลพบุรี และได้รับคำตอบมาว่าป่าข้างในป่าไม่มีชาวบ้านและเด็กๆ อาศัยอยู่เลย

เราก็สรุปวันเดินทางกันคือ วันแม่แห่งชาติ

ถึงวันเดินทางต่างคนต่างขับรถไปเจอกันที่อ่างเก็บน้ำซับตะเคียน ในคืนวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2560 ด้วยการกางเต็นท์นอนกันที่บริเวณอ่างเก็บน้ำท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงาม กลางวงล้อมแห่งธรรมชาติ  ซึ่งอ่างเก็บน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชดำริเมื่อวันที่ 14  เมษายน 2520 เป็นโครงการชลประทานขนาดกลาง ตั้งอยู่ในท้องที่ ต.เขาแหลม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เริ่มก่อสร้างในปี 2528 โดยระยะแรกก่อสร้างเขื่อนดินและอาคารประกอบแล้วเสร็จ ในปี 2533 ระยะที่ 2 ก่อสร้างระบบส่งน้ำซึ่งเป็นคลองดาดคอนกรีต จำนวน 5 สาย รวมความยาว 26.2 กม. เสร็จในปี 2536 ทำให้สามารถส่งน้ำได้อย่างสมบูรณ์ในปี 2537

เช้าวันเสาร์กินข้าวเช้ากันเสร็จและเช็คเสบียง ได้เวลาประมาณ 9 โมงเช้าเราออกเดินทางเข้าป่ากันทันที  โดยเราขับรถเลาะไปตามอ่างเก็บน้ำประมาณ 500 เมตร เราก็มาเจอกับลำห้วยจุดแรก ซึ่งทุกคันก็ผ่านไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก รถขับตามกันมาเรื่อยๆ ผ่านลำห้วยที่สอง ลำห้วยสาม รวมทั้งห้วยสี่และห้วยห้า อุปสรรคต่างๆ ก็ยังไม่สามารถสร้างปัญหาอะไรกับขบวนรถทั้งหมดมากนัก

เรามาจอดขบวนกันที่ห้วยที่หก เนื่องจากเป็นจุดที่มีหน่อไม้มาก โดยพาะบังได้จอดรถและไปตัดหน่อไม้  เป็นเสบียงเอาไว้ในช่วงเย็น หลังจากนั้นพวกเราก็ขับตามลำธารที่เป็นทรายสวนกระแสน้ำขึ้นไป  ถึงตรงนี้ผมลืมไปว่าเรายังไม่ได้ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ผมวิทยุบอกให้รถทุกคันหยุดรถอีกรอบ และลงไปไหว้เจ้าที่เพื่อขออนุญาตเข้าป่าเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่พวกเรา

เสร็จแล้วพวกเราก็เดินทางกันต่อ ข้ามห้วยหก ห้วยเจ็ด ไปเรื่อยๆ เราก็มาเจอกับล่องลึกรถกนกผ่านไปคันแรก  ตามด้วย หมู OB, ชาติ มีนบุรี ผ่านได้ 3 คันโดยไม่ต้องใช้วินซ์  ส่วนที่เหลือ เอนก จ๋า  หน่อง ช่างมอ และสันติชัย  ต้องวินซ์ผ่านร่องลึกกัน จากนั้นก็เดินทางกันต่อ

ตอนนี้ก็เดินทางมาประมาณ 8 ก.ม แล้ว  พอมาถึง ก.ม.ที่ 10  พวกเราก็มาเจอล่องตัวเอสสลับ คันแรกกนกผ่านไปได้รวมทั้ง หมู OB  ชาติ  จ๋าและเอนก ก็ผ่านเช่นกัน ส่วน สันติชัย ต้องใช้วิ้นช์ช่วย บังและช่างมอใช้ทางเบี่ยงซ้าย  เราขับกันต่อแต่เราหาทางไม่เจอ ต้นไม้ขึ้นรกมาก พวกเราจะข้ามเขาไปลงอีกฝั่งหนึ่งคือบ้านด่านจันทร์ แต่ก็หาทางไม่เจอตอนนี้ก็เวลาบ่ายสองโมงแล้ว เราตกลงกันว่าจะกลับทางเดิม  แต่ตอนนี้ทุกคนก็หิวแล้วก็เลยต้มมาม่าหม้อใหญ่รองท้องกัน

หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อขับมาได้ประมาณ 4 ก.ม เราก็มาเจอที่พักติดลำธาร คืนนี้ต้องนอนที่นี้แล้วเพราะเย็นมากแล้ว และทุกคนก็หิวกันด้วย ต่างคนต่างจัดที่ของตัวเอง เสร็จแล้วก็มาช่วยกันทำกับข้าว ผู้ชายออกหาฟืน พวกผู้หญิงทำกับข้าวและพวกเด็กๆก็ลงเล่นน้ำกัน  แต่น้ำก็มีไม่มากแค่หัวเข่า พอได้เล่นกันตามประสาเด็กๆ  บรรยากาศการแรมคืนของพวกเราในเย็นนี้มีความสุขกันมาก เนื่องจากเราไม่ได้ไปใช้ชีวิตกลางแจ้งในป่ากันนาน ในป่าความมืดคืบคลานเข้ามาเยือนไวกว่าปกติ ชั่วไม่นานรอบด้านก็ถูกมืดปกปิด พร้อมๆ กับวงดนตรีแห่งพงไพร หริ่ง หรีด เรไร เริ่มประสานเสียงกึกก้องทั่วราวป่า เราช่วยกันก่อกองไฟใจที่กลางลานแค้มป์ พร้อมกับตั้งวงร่วมกันทานอาหารค่ำอย่างออกรส ประเภทเอาภัตตาคารระดับ 5 ดาวยังสู้ไม่ได้ พร้อมๆ กับพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นป่าเขา ธรรมชาติ รวมทั้งวางโปรแกรมวันเด็กปี 2561 จะไปแจกของที่ไหนกันดี ซึ่งก็ได้บทสรุปว่า จะไปแจกที่ จ.กำแพงเพชร บ้านเกิดหมู OB

ราวสี่ทุ่มอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ โชคดีที่วันนี้ฟ้าปลอดฝน ทำให้การตอนเต็นท์ในวันนี้ค่อนข้างได้อรรถรส เด็กก็เข้าเต็นท์นอนกันหมดแล้ว ส่วนผู้ใหญ่ก็นั่งดื่มนั่งคุยกันสบายอารมณ์ จนดึกจึงทะยอยแยกย้ายกันเข้านอน

เสียงไก่ป่าก็ปลุกให้พวกเราตื่น หลังทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ก็มาช่วยแม่บ้านเก็บถ้วยชามไปล้างที่ลำธาร และดูแลความสะอาดของสถานที่ ซึ่งเราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ถือหลังจะไม่ทิ้งอะไรไว้ นอกจากรอยล้อและรอยเท้า และความทรงจำ เราทานอาหารเช้ากับแบบสบายๆ จากนั้นก็ตั้งขบวนเดินทางกลับออกจากป่า โดยที่จ๋าและเอนก แยกย้ายกลับชลบุรี  ส่วน กนก  อาจารย์นำ ช่างมอ บัง หน่อง กลับไปที่อ.วังน้อย ผมและ หมู OB ชาติ อาจารย์นัด กลับกรุงเทพ 

 

 

 

เรื่อง : อารีย์ ส.ประเสริฐ

ภาพ : หมู OB

เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save