อย่างที่เรารู้รถออฟโรดเป็นทั้งรถที่มีพื้นฐานมาแล้วในรูปแบบ SOFTROADER และรูปแบบของ OFFROADER ทุกแบบเมื่อมีการ เพิ่มเติมในส่วนของช่วงล่างจะมากจะน้อยซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้กับรถประเภทนี้ และนั่นเองก็เป็นที่มาของชุดช่วยบังคับผ่อนแรงพวงมาลัยหรือ “กันสะบัด พวงมาลัย” ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้สำคัญและมีคุณจึงต้องพูดถึงกันเพราะมันบอกว่า “อย่าลืมฉัน”…..
ของบางอย่างในรถยนต์ทั่วไปหรือเราเรียกว่ารถธรรมดามันก็อาจจะไม่จำเป็นเพราะภาพรวมของการทำงานในทุกระบบทุกส่วนของตัวรถมันจะส่งเสริมและสอดคล้องกันอยู่ในระดับมาตรฐานการใช้งานของรถคันนั้นอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงวาระหรือเวลาที่มันเกิดการเปลี่ยนแปลงในส่วนตัวรถสิ่งที่เป็นของเดิมๆ มันก็ต้องมีการเพิ่มเติมให้เท่าทันและรับกันกับการใช้งาน ซึ่งนั่นท่านอาจจะคิดว่ามันพอแต่มันยังต้องเผื่อได้อีกเพราะบางอย่างเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
สิ่งที่เราจะมาดูกันในเดือนนี้มันเป็นเรื่องของชิ้นส่วนเพิ่มเติมที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี สิ่งที่เราเรียกมันว่ากันสะบัดพวงมาลัย (STEERING STABILISER) ซึ่งตัวอุปกรณ์นี้มันมีที่มาแตกต่างกันประมาณว่าหลายแบบหลายยี่ห้อแต่หลักการทำงานมันจะอยู่บนสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นตัวช่วยให้การบังคับควบคุมพวงมาลัยนั้นเหมาะสมมากขึ้น ถามว่าไม่มีมันจะได้ไหมก็น่าจะได้นะเพราะมันก็ไม่มีมาก่อนแต่ว่าการใช้งานมันรับได้ระดับไหน พอพูดถึงคำว่าสะบัดสะบิ้งติ้งเลยเถิดไปถึงแรงกระทำจากความรวดเร็วในการขับขี่มาก่อนแต่แท้จริงแล้ว เส้นทางออฟโรดมันก็มีการตอบสนองเรี่ยวแรงส่งคืนพวงมาลัยได้ไม่ต่างไปจากการขับขี่ด้วยความเร็วเหล่านั้นเท่าไหร่หรอก “ไม่ต่างกัน”
ในระบบพวงมาลัยของรถยนต์พูดให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องไปดูชิ้นส่วนมากมายหลักการทำงานที่ยุ่งยากเรามองเข้าใจว่ามันเป็นตัวกลางถ้าเป็นสมัยสามก๊กระบบพวงมาลัยนี่มันก็คล้ายๆ กับ “โลซก” ของแคว้นกังตั๋งที่คอยรับส่งข้อความระหว่างจิวยี่กับขงเบ้งและเท่าที่เห็นท่านโลซกก็หมุนติ้วอยู่คนเดียว นั่นเองเป็นหลักการ ผู้ขับขี่บังคับควบคุมรถหรือทิศทางรถไปทางซ้ายทางขวาหรือรักษาอาการตัวรถ เลี้ยวรถด้วยการหมุนพวงมาลัย เพิ่มแรงการหมุนให้บังคับได้สะดวกด้วยกระปุกพวงมัยทำให้ได้เปรียบเชิงกลไม่ต้องออกแรงมากตรงนี้รวมชุดเพาเวอร์ไปด้วย แต่ทิศทางของการถ่ายทอดแรงจากพวงมาลัยไปสู่ล้อนั้นมันไม่ได้ตรงตลอด จึงมีชิ้นส่วนอย่างชุดคันชักคันส่งลูกหมากจุดหมุนต่างๆมาเป็นจุดหักเหถ่ายทอดแรงไปยังล้อซึ่งก็มีจุดหมุนเพื่อเคลื่อนที่ได้ ทั้งหมดคือชิ้นส่วนและหลักการทำงานแบบเข้าใจง่ายๆ ให้มองผ่านๆ เอาไว้ก่อน
เราจะเห็นว่าจากชุดล้อและพวงมาลัยจะมีการต่อเชื่อมถึงกันหมดถ้าเรายกตัวรถขึ้นสูงให้ล้อห่างพ้นพื้นเราจะสามารถผลักดันล้อให้ไปซ้ายขวาได้และพวงมาลัยมันก็จะหมุนตามทิศทางนั้น แปลว่ามันก็เป็นหลักการเดียวกันหมดในการถ่ายทอดแรงตามกฏของนิวตันแรงกิริยาจะเท่ากับแรงปฏิกิริยาแปลว่าอะไรก็แปลว่าถ้ามันเกิดแรงขึ้นเท่าไหร่แรงงที่ส่งผ่านไปย่อมเกิดขึ้นเท่านั้นและเมื่อมันผ่านไปได้มันก็ต้องผ่านกลับมาได้ มันจึงเป็นที่มาของการเกิดอาการสะบัดและดีดดิ้นของพวงมาลัยในรถ แล้วไอ้แรงนั้นมาจากไหนก็มาจากทั้งการบังควบคุมตามปกติและการการขับขี่ที่ผ่านเส้นทางหรืออุปสรรคทั่วไปทั้งออนโรดและออฟโรด ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียอาการของตัวรถจะมีเรื่องของน้ำหนักเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
น้ำหนักเป็นตัวร่วมส่วนหนึ่งซึ่งน้ำหนักนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการตกแต่งตัวรถออฟโรดส่วนหนึ่ง นั่นเป็นน้ำหนักต้นทุนและน้ำหนักบรรทุกอีกตรงนี้จะเพิ่มเข้ามามากน้อยก็อยู่ที่การใช้งาน นอกจากน้ำหนักแล้วยังมีเรื่องของความเร็วเข้ามาเกี่ยวข้องรวมไปถึงลักษณะของเส้นทาง ในส่วนของความเร็วนี้จะมีเงื่อนไขการตอบโต้ให้เกิดการสะบัดอยู่ในสองส่วนคือการสะบัดในช่วงย่านความเร็วสูงหรือวิ่งบนทางออนโรดหรือกับการสะบัดในช่วงความเร็วต่ำหรือยามปีนป่ายอย่างเวลาที่เข้าสู่ทางออฟโรดขึ้นลงเนินชัน
การสะบัดที่เกิดขึ้นในช่วงความเร็วสูงจะมาทั้งการสะบัดปกติเพราะล้อรถนั้นถึงมันจะเป็นลักษณะกลมแต่เมื่อหมุนด้วยความเร็วบวกกับน้ำหนักของล้อมันก็จะมีแรงสั่นสะท้านเกิดขึ้นแรงตรงนี้บางส่วนมันก็ถูกซึมซับรับมือด้วยชุดลูกหมากและจุดข้อต่อต่างๆ รวมไปถึงการเปลี่ยนทิศทางซึ่งมันจะเกิดยากกับส่วนประกอบของกระปุกพวงมาลัยจึงอยู่กันไปได้ ตรงนี้เมื่อชุดอุปกรณ์ส่วนประกอบลูกหมากหรือชิ้นส่วนพวงมาลัยหลวมคลอนจะเริ่มเห็นปัญหาและเกิดการรบกวนจิตใจขึ้นมา แต่มันจะน้อยด้วยเหตุที่ว่าแถมมันยังมีการตังศูนย์ถ่วงล้อประกบไว้ด้วยแล้วในเบื้องต้น
เมื่อยามใช้ความเร็วการโคลงเคลงตัวรถหรือเปลี่ยนทิศทางกะทันหันอาการพวงมาลัยก็จะเกิดจากแรงที่เกิดขึ้นแต่มันจะอยู่ในระบบของการควบคุมด้วยกลไกที่มีอยู่แต่ถ้าการสะบัดมันเกิดขึ้นจากแรงทันทีทันใดและมีปริมาณแรงมากๆ บางครั้งการบังคับควบคุมก็ทำได้ลำบากรถออฟโรดที่ตัวรถยกสูงเมื่อมีการจั๊มเนินคอสะพานหรือลงทางลาดแรงสะบัดที่เกิดขึ้นจะส่งมายังพวงมาลัยมากในเวลาอันรวดเร็ว และลักษณะแรงก็จะทำให้พวงมาลัยหมุนไปมาคล้ายการสะบัดซึ่งจะทำให้ยากต่อการควบคุม
ในยามที่ปีป่ายเส้นทางออฟโรดการขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงมุมล้อเนินเอียงเนินสลับ พวกก้อนหินที่ตัวรถต้องปีนป่ายรวมทั้งการต่างระดับของพื้นผิวก็เหมือนกับการสร้างแรงกระทำส่งมาที่พวงมาลัยจากพื้น ซึ่งแรงตรงนี้เป็นผลต่อเนื่องจากกลไกที่เชื่อมต่อกันอยู่พวงมาลัยก็จะเกิดการหมุนไปมาลักษณะเดียวกัน ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของสาเหตุของลักษณะการเกิดการสะบัด
ลักษณะการสะบัดของพวงมาลัยนั้นจะคล้ายๆ กับการเกิดการโคลงเคลงของตัวรถจากแรงกระทำที่เกิดขึ้นซึ่งมันจะมีในส่วนของระบบรองรับอย่างเช่นพวกโช้คอัพ คอยล์สปริง แหนบ ทอร์ชั่นบาร์อะไรก็ตามแต่มาเป็นตัวช่วยกำหนดการเดินทางของแรง ผ่อนแรงให้ลดหรือเดินทางช้าลงทำให้มีเวลาในการควบคุมที่เหมาะสมขึ้น
ในส่วนของการช่วยควบคุมและป้องกันการสะบัดพวงมาลัยนั้น อุปกรณ์อย่างชุดกันสะบัดพวงมาลัยซึ่งใช้หลักการเดียวกับชุดโช้คอัพมีกลไกควบคุมระบบไฮโดรลิกภายในมาเป็นตัวซึมซับผ่อนคลาย โอนถ่ายแรงให้มีระเบียบในการแสดงออก แรงกระทำแบบช็อคเวฟ (SHOCK WAVE) จะมีความลาดชันลดลงทำให้อยู่ในระดับที่เราควบคุมได้
แรงตรงนี้จะมีมากหรือน้อยมันก็อยู่ที่ปัจจัยที่ว่ามาเมื่อตอนต้น ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าถ้าแบบนี้ยิ่งติดตั้งส่วนเสริมอย่างกันสะบัดเข้าไปพวงมาลัยจะยิ่งนิ่งใช่ไหม มันก็ว่ากันไปที่ความเหมาะสมถ้าส่วนผ่อนแรงอย่างขนาดกระปุกพวงมาลัยและชุดเพาเวอร์มันมีการเผื่อมาเยอะการทำงานหรือการออกแรงการทำงานของกลไกก็จะไม่ทำงานหนักเพราะในเมื่อมันช่วยผ่อนแรงได้มันก็ต้องเพิ่มแรงส่วนอื่นไปด้วยในตัว อีกทั้งพื้นที่ในการติดตั้งจะเป็นตัวสำคัญ
รถทั่วไปจะมีหรือไม่อยู่ที่การเซ็ทรถแต่ออฟโรดแล้วมันจำเป็นด้วยประการละฉะนี้แล
เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร ออฟโรด : www.grandprix.co.th/offroadmagazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ไดที่ www.grandprix.co.th
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.