RUN FOR LIFE วิ่งๆๆๆ

 

การออกกำลังกายนั้น ทุกคนรู้ดีว่ามีประโยชน์ แต่หากเราออกกำลังกายอย่างผิดวิธี การออกกำลังกายก็ไม่ส่งผลให้ร่างกายดีขึ้น แต่กลับทำให้ร่ายกายเสื่อมลงด้วย การออกกำลังกายโดยการวิ่งถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายที่สุด เพราะไม่ต้องมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง

 ดังพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแก่คณะกรรมการราชกรีฑาสโมรสร ใจความว่า “วิ่ง ก็นับว่าเป็นประโยชน์มาก เป็นการออกกำลังถูกหลักวิชาและถูกต้องที่สุด ที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ถ้าได้ลองค้นคว้าและเผยแพร่วิธีสำหรับให้ความเจริญทางด้านอนามัยของประชาชนทั่วไปก็จะเป็นประโยชน์มาก ขอให้ทุกคนสามารถที่จะบริหารร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอดไป แนะนำให้ผู้อื่นมีกำลังใจและชักชวนให้ทุกคนรักษาตัวให้มีกำลัง ถ้าประชาชนทั่วๆ ไปแข็งแรง ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ที่จะทำให้ประเทศชาติเราได้มีส่วนร่วมที่เจริญ”

การออกกำลังกายเป็นเสมือนยาวิเศษรูปแบบหนึ่ง เพียงแค่มีเวลาและขยันก็เพียงพอ คำแนะนำในการรักษาจากแพทย์ของต่างประเทศนั้น ส่วนมากจะใช้วิธีส่งเสริมสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในวัยเด็ก การออกกำลังกายมีส่วนช่วยสร้างความสุขให้แก่เด็กได้ และได้มีการวิจัยว่าหากมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ใช้เวลา ในการออกกำลังกายในแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 30 นาที จะทำให้ อายุยืนยาวขึ้น เพราะร่างกายได้เผาผลาญและมีระบบการทำงานที่ดี

การวิ่งนั้นส่งผลดีต่อร่างกายมาก หากทำอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม ผลที่ได้จากการวิ่งนั้นมีอยู่หลายอย่าง เช่น ระบบการเคลื่อนไหว ที่กระดูกและกล้ามเนื้อ ที่จะมีความหนาและแข็งแรงขึ้น ข้อต่อต่างๆ เอ็นช่วงข้อต่อจะมีความเหนียวและหนาขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันไม่ขัดข้อง ยิ่งหากเป็นผู้สูงอายุจะช่วยบำบัดไขข้อแล้วบริหารกล้ามเนื้อได้มาก

ระบบการหายใจ กล้ามเนื้อบริเวณช่วงซี่โครงและกระบังลม แข็งแรงขึ้น ปอดมีขนาดใหญ่ขึ้นนั้น ก็หมายความว่าการฟอกเลือดและการแลกเปลี่ยนแก๊สดีขึ้น ปริมาณของอากาศที่เพิ่มขึ้นจากการหายใจนั้น ทำให้หัวใจทำงานดีขึ้นเพราะมีเลือดเพียงพอ ในผู้ที่เป็นโรคหอบหืดสามารถออกกำลังกายโดยการวิ่งจะช่วยอาการหอบหืดเบาลง

ระบบการไหลเวียนโลหิต การวิ่งนั้นจะต้องใช้ร่างกายแทบทุกส่วนโดยเฉพาะ “หัวใจ” ที่ต้องทำงานหนักเพื่อให้เลือดหล่อเลี้ยงทุกส่วนได้ อีกทั้งหัวใจยังทำงานหนักเป็นเวลานาน การวิ่งจึงทำให้หัวใจมีปริมาตรในการสูบฉีดเลือดมากขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น เลือดมีการสร้างฮีโมโกลบินหรือเม็ดเลือดมากขึ้นเพราะมีออกซิเจนมาช่วยกระตุ้น และที่สำคัญไขมันในเส้นเลือดถูกเผาผลาญไป ทำให้ไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หากท่านใดมีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง การวิ่งอย่างเหมาะสมจะช่วยความดันลดลง (ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาหาร สุขภาพ การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม)

ระบบประสาท  ระบบไฟฟ้าสถิตในร่างกายที่เรียกกันว่าระบบประสาท หากร่างกายถ้าไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆ จะทำงานได้ไม่เต็มที่ เช่น การหลั่งเหงื่อ การไหลเวียนโลหิต การย่อยอาหาร ระบบต่างๆ ในร่างกายล้วนแต่ต้องใช้ระบบประสาทควบคุมทั้งสิ้น การวิ่งหรือการออกกำลังกายแบบอื่น สามารถช่วยเพิ่มสมาธิได้

Runs for reduced fat.

 หลายครั้งที่เราต่างได้ยินกันว่า การวิ่งสามารถลดความอ้วนได้  ซึ่งก็เป็นจริง แต่การวิ่งเพื่อลดน้ำหนักนั้นมีข้อเสียคือ ปัญหาทางร่างกายที่ต้องรับน้ำหนักมาก โดยส่วนมากแล้วคนที่มีน้ำหนักมากมีส่วนมาจากการไม่ออกกำลังกาย ทำให้เมื่อวิ่งไปสักพักจึงรู้สึกเหนื่อย พอเหนื่อยจึงวิ่งเพื่อฝืนความรู้สึกนั้น เพื่อที่จะหวังน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะเกิดการบาดเจ็บได้

วิธีการวิ่งเพื่อลดน้ำหนักควรเริ่มจาก การเดิน ในช่วงแรกนี้การวิ่งควรจะเริ่ม 3 ถึง 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 25-30 นาที และในสัปดาห์ต่อไปให้เพิ่มเวลาในการวิ่งเป็น 30-40 นาทีต่อครั้ง และเพิ่มเวลาในสัปดาห์ต่อๆ ไป ทำอย่างนี้ติดต่อกันประมาณหนึ่งเดือน ร่างกายจะเริ่มตอบรับสภาพการวิ่ง ซึ่งจะสังเกตได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น จากการวิ่งในสัปดาห์แรกที่วิ่งแล้วเหนื่อยหอบ แต่ตอนนี้อาการเหนื่อยน้อยลงหรือไม่มีก็ได้

ต่อด้วยการ เช็กหรือตรวจการเต้นของหัวใจ การเช็กการเต้นของหัวใจนั้น สามารถเช็กได้ทุกวัน เพราะช่วยให้เรารู้ระบบหัวใจของเราได้ดียิ่งขึ้น การวิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับระบบหัวใจโดยตรง ดังนั้นการเช็กการเต้นของหัวใจช่วยลดอาการบาดเจ็บได้แน่นอน

หลายคนคิดว่าหัวใจที่ดี จะต้องเต้นอย่างต่อเนื่อง หัวใจเต้นแรง หัวใจเต้นเร็วได้นาน เพราะจะสูบฉีดเลือดได้มากขึ้น ความจริงหากหัวใจแข็งแรงขึ้น การเต้นของหัวใจจะช้าลง แต่จะเต้นแรงขึ้นเพราะกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงมากขึ้นทำให้สูบฉีดโลหิตมีประสิทธิภาพดีกว่า ดังนั้นการเช็กการเต้นของหัวใจ ทำให้เราสามารถออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมได้อย่างถูกต้อง

การพักฟื้น สำหรับการวิ่งนั้นสำคัญมาก หากเป็นโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจ หอบหืด หรือความดันโลหิตสูง เพราะหากไม่ให้เวลาในการพักผ่อนกับร่างกายอย่างเพียงพอ แน่นอนว่าแทนที่จะวิ่งแล้วได้สุขภาพกลับเป็นเสียสุขภาพแทน มีผู้ที่ออกกำลังกายโดยการวิ่งอยู่ไม่น้อยที่เคยคิดว่าการพักฟื้นหรือให้ร่างกายพักผ่อนนั้นเป็นเรื่องรอง จนได้รับบาดเจ็บจากการวิ่งกันมานักต่อนักแล้ว

การวิ่งโดยให้ร่างกายได้พักฟื้นไปด้วยนั้นคือการวิ่งสลับกับการเดิน เช่น วิ่ง 1 กิโลเมตร แล้วสลับกับการเดิน 500 เมตร จากนั้นจึงวิ่งอีกครั้ง วิธีนี้จะทำให้การวิ่งนั้นสามารถวิ่งได้นานขึ้นและร่างกายได้พักขณะวิ่ง สำหรับผู้ที่มีร่างกายสมบูรณ์อาจจะใช้การวิ่งแบบวันเว้นวัน เพื่อให้ร่างกายพักฟื้นเรียกได้ว่า “ช้าแต่มั่นคง”

 

What should be done.

 การวิ่งที่ดีนั้น ต้องวิ่งอย่างถูกต้องและทำตามข้อพึงปฏิบัติ สิ่งที่ควรทำในการวิ่งได้แก่ การวิ่งอย่าใช้ปลายเท้า เพราะการเขย่งวิ่งปลายเท้านั้นเป็นการออกแรงไม่ถูกจุด ซึ่งหลายคนบอกว่าการวิ่งทำให้ขาใหญ่ เป็นเพราะการออกแรงที่กล้ามเนื้อน่องและหน้าแข้งนั้นเอง การวิ่งปลายเท้าส่งผลต่อกล้ามเนื้อหน้าแข้ง กล้ามเนื้อน่อง เอ็นร้อยหวายที่สามารถอักเสบได้ง่าย และกระดูกนิ้วเท้า สำหรับการวิ่งแล้ว ควรใช้กล้ามต้นขาหรือโคนขา เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่มีกำลังมาก

รองเท้าวิ่ง ที่ไม่ใช่รองเท้าวิ่งหรือรองเท้าวิ่งของผู้อื่น เพราะการวิ่ง เท้านั้นต้องรับแรงกดมหาศาลจากร่างกาย บวกกับแรงโน้มถ่วง ทำให้การใช้รองเท้าสำหรับวิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

การวอร์มอัพหรือการยืดกล้ามเนื้อ ก่อนการวิ่งทุกครั้ง เพราะเวลาปกติร่างกายคนเรากล้ามเนื้อจะไม่ได้ใช้ทุกส่วน ทำให้เมื่อร่างกายใช้กล้ามเนื้อหรือการขยับอย่างรวดเร็วจะเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นในการวิ่งหากรู้ว่าร่างกายบาดเจ็บแล้ว อย่าพยายามฝืน ควรจะหยุดพัก เพราะการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยอาจจะลามเป็นการบาดเจ็บเรื้อรังได้

เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ควรจะสวมใส่ให้เหมาะสม อันตรายจากการวิ่งนั้นมีมากมาย ทั้งจากตนเองและผู้อื่น ส่วนมากการออกกำลังกายโดยการวิ่ง จะทำกันในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นจนถึงพลบค่ำ ดังนั้น การสวมเสื้อผ้าสีสว่างจะทำให้เห็นได้ชัดเจนหรืออาจจะมีแถบสีสะท้อนแสงเห็นได้ชัดเจน หลายครั้งที่เห็นข่าวจากสื่อต่างๆ ว่ารถชนคนวิ่งออกกำลังกาย เหตุเพราะมองไม่เห็นและไม่คิดว่าจะมีคนอยู่บริเวณนั้น

การบอกหรือขีดเขียนให้คนอื่นรับทราบ ว่าเราจะไปออกกำลังกายโดยการวิ่ง โดยให้ระบุว่าไปที่ไหน กลับเมื่อไหร่ ออกไปตั้งแต่ช่วงไหน สวมเสื้อผ้าแบบใด เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ ทางบ้านหรือคนที่รู้จะออกตามหาได้ง่ายยิ่งขึ้น

ไม่ควรฟังเพลงหรือสวมหูฟัง เพราะทำให้เสียสมาธิในการวิ่ง ยกเว้นการวิ่งอยู่กับที่ การฟังเพลงโดยใส่หูฟังขณะวิ่ง เปรียบเหมือนกับการคุยโทรศัพท์เวลาขับรถ หากมีรถที่แล่นมาเราจะรู้สึกตัวช้าและต้องใช้เวลาในการคิดหาทางหลบหลีกเพิ่มขึ้น

Trauma from runs.

การปวดเมื่อยที่เกิดจากการวิ่ง มีทั้งแบบปวดกล้ามเนื้อ และปวดที่ข้อต่อ แต่โดยส่วนมากการวิ่งจะเกิดการปวดเมื่อยที่กล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการปวดนี้เกิดจากการออกำลังกายนานเกินกว่าที่กล้ามเนื้อส่วนนั้นจะรับไหว

กล้ามเนื้อส่วนที่มีอาการปวดนั้น เป็นการฉีกของเนื้อเยื่อจากการยืด หด เกร็ง กล้ามเนื้อในส่วนนั้น สาเหตุเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย ทั้งการวิ่งที่ผิด รองเท้าที่สวมใส่ไม่เหมาะสม สภาพเส้นทางที่ไม่เหมาะสมในการวิ่ง อาการนี้ไม่ว่านักวิ่งที่เป็นนักกีฬาทีมชาติหรือผู้ที่ออกกำลังกายอยู่เป็นนิจ ต่างก็สามารถเป็นได้เหมือนกัน

การวิ่งอาจจะเป็นแค่การออกกำลังกายอย่างหนึ่ง แต่หากเรามองดีๆ แล้ว การวิ่งนั้นเป็นยาวิเศษชั้นเลิศ เพราะเราได้ใช้ร่างกายครบทุกส่วน ทำให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ในปัจจุบันเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพมักจะได้รับการตอบรับดี แต่ไม่ค่อยมีใครปฏิบัติกัน หลายคนจะใช้ข้ออ้างต่างๆ นานา ซึ่งหากต้องการออกกำลังเพื่อสุขภาพแล้ว เพียงแค่ 5 นาที ของทุกวันก็สามารถมีสุขภาพที่ดีได้