Range Rover Velar เสริมความสดให้กับรูปลักษณ์ภายนอก
Land Rover ทำการปรับโฉมให้กับรถเอสยูวีหรู Range Rover Velar อัพเดตทั้งด้านรูปลักษณ์ ภายในห้องโดยสาร เทคโนโลยี รวมทั้งเปลี่ยนแบตเตอรีในรุ่นปลั๊กอินไฮบริดทำให้มีระยะการเดินทางเพิ่มขึ้น
Range Rover Velar เพิ่มความสดให้กับรูปลักษณ์ภายนอกด้วยการปรับการออกแบบกราฟฟิกไฟหน้า Pixel LED ใหม่ มีลายกระจังหน้าใหม่ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Range Rover ใหม่ ส่วนด้านหลังมีไฟท้าย Super LED พร้อมกับปรับในส่วนของ Diffuser และแผ่นกันกระแทกที่กันชนหลัง รวมทั้งมีการเพิ่มสีใหม่ให้เลือกคือ สีฟ้า Metallic Varesine Blue และสีเทา Premium Metallic Zadar Grey
ส่วนห้องโดยสารของรถมีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากทั้งด้านดีไซน์และเทคโนโลยี เพราะถอดจอทัชสกรีนคู่ที่มีในรุ่นเดิมออกไป แล้วออกแบบคอนโซลกลางให้มีความทันสมัยและสะอาดตามากขึ้น โดยมีจอโค้งขนาด 11.4 นิ้วใหม่ตรงกลางสำหรับทุกการควบคุมรวมทั้งระบบปรับอากาศโดยไม่มีปุ่มควบคุมจริงมาให้ใช้ ซึ่งทาง Land Rover ระบุว่า 80 เปอร์เซ็นต์การทำงานสามารถเข้าถึงได้ด้วยการแตะหน้าโฮมสกรีน 2 ครั้ง รวมทั้งจอใหม่ยังรองรับการอัพเดต Over-the-Air สำหรับระบบต่างๆ
นอกจากนี้ทางผู้ผลิตรถเอสยูวีหรูจากสหราชอาณาจักรยังระบุว่ารถรุ่นใหม่ของตนมีห้องโดยสารที่เงียบที่สุดในเซ็กเม้นต์จากการทำงาน Active Road Noise Cancellation เพื่อให้เต็มอิ่มไปกับระบบเสียงรอบทิศทาง 3D จาก Meridian และลำโพง 17 ตัว รวมทั้งยังมีระบบกรองอากาศ Cabin Air Purification Plus เพื่อให้อากาศที่สะอาดในห้องโดยสาร พร้อมมีออฟชันการเลือกใช้วัสดุที่ปราศหนังโดยใช้ผ้าขนสัตว์ Kvadat และโพลียูรีเธน Ultrafabrics หุ้มส่วนต่างๆ ในห้องโดยสารให้เลือก แต่หากยังคงใช้หนังในห้องโดยสารก็มี 3 สีใหม่ให้เลือก ส่วนวัสดุอื่นในการแต่งห้องโดยสารมีทั้ง Moonlight Chrome หรือ Satin Burnished Copper แต่งที่พวงมาลัยและแผงแดชบอร์ดขึ้นอยู่กับรูปแบบการแต่ง เช่นเดียวกับที่มีทั้งไม้ Shadow Grey Ash และอลูมินัมพร้อมพื้นผิว Technical Light Anodised หรือ Dark Anodised สำหรับแต่งที่คอนโซลกลาง
ในส่วนของการขับเคลื่อนรุ่นปลั๊กอินไฮบริด P400e ได้รับการอัพเกรดแบตเตอรีลิเธียมไอออนจาก 13.6 kWh เป็น 19.2 kWh ทำให้เดินทางโดยใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 11 กิโลเมตรเป็น 64 กิโลเมตร รวมทั้งแบตเตอรียังรองรับการชาร์จเร็วทำให้ใช้เวลา 30 นาทีเพื่อชาร์จไฟจาก 0-80 เปอร์เซ็นต์กับเครื่องชาร์จ 50 kW ส่วนการชาร์จไฟจนเต็มกับเครื่องชาร์จ 7 kW ใช้เวลา 2.5 ชั่วโมง
ในส่วนของขุมกำลังอื่นทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเกือบทั้งหมดมาพร้อมกับเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริด 48-Volt ยกเว้นรุ่นพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ซึ่งทุกรุ่นมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดในการส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อทั้ง 4 ของรถ นอกจากนี้รถที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบทั้งหมดรวมทั้งปลั๊กอินไฮบริดยังมาพร้อมกับช่วงล่างแอคทีฟ Adaptive Dynamics โดยมีช่วงล่าง Electronic Air Suspension เป็นออฟชันให้เลือก
รถเอสยูวีรุ่นใหม่เปิดรับจองแล้วทั้งที่สหราชอาณาจักร ยุโรป และออสเตรเลีย โดยที่สหราชอาณาจักรมีราคาเริ่มต้น 54,045 ปอนด์ไปจนถึง 79,825 ปอนด์
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ https://offroadmag-thailand.grandprix.co.th/
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.