AAS เปิดจอง New Porsche 911 Dakar ราคาเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท
ออปชั่นชุดแต่ง Rallye Design Package ราคาเริ่มต้น 2.56 ล้านบาท
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย AAS Group ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ประกาศราคา New Porsche 911 Dakar โดยเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท มีจำนวนจำกัด 2,500 คันทั่วโลก พร้อมออปชั่นชุดแต่ง Rallye Design Package ราคา เริ่มต้น 2.56 ล้านบาท โดยเปิดรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้
Porsche เปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นพิเศษ The new Porsche 911 Dakar ครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์ ลอส แอนเจลิส ออโต โชว์ โดยรถสปอร์ตสุดพิเศษที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะทั้งบนเส้นทางออฟโรด (Off-road) และไฮเวย์ (Highway) จำกัดจำนวนการผลิตเพียง 2,500 คันทั่วโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Porsche 911 ในวิถีที่หลายคนคาดไม่ถึง และเป็นการคารวะต่อชัยชนะ Overall ครั้งแรกของพวกเขาในรายการแข่งขันทางฝุ่น Paris-Dakar Rally 1984 ซึ่งถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel Drive ในรถสปอร์ต Porsche 911 โดยสามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่ง Rallye Design Package แนวทางเดียวกับรถแข่งแรลลี่ตัวแรงอันเป็นเอกลักษณ์
ความประทับใจแรกสุดที่พบเห็นได้จากปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) คือระดับความสูงของตัวรถ ซึ่งได้รับการปรับเพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตรจาก Porsche 911 Carrera ที่ติดตั้งช่วงล่างแบบสปอร์ต ด้วยระบบ Lift System ยังสามารถสั่งการยกความสูงทั้งด้านหน้า และด้านหลังเพิ่มขึ้นอีก 30 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าเทียบเคียงกับรถยนต์ SUV ทั่วไปได้อย่างมีชั้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นความสูงใต้ท้องรถ หรือประสิทธิภาพในการปีนไต่ทางลาดชัน ระบบ Lift system ไม่เพียงช่วยในการเอาชนะอุปสรรคที่ขวางทาง แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วงล่างสมรรถนะสูงที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ การใช้งานที่ระดับ ‘High level’ นำพารถยนต์พุ่งผ่านเส้นทาง Off-road ที่ความเร็วไม่เกิน 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ความเร็วเกินกว่านั้น ระบบจะปรับลดระดับความสูงลงมาในตำแหน่งปกติโดยอัตโนมัติ
อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เสริมสปอร์ตออฟโรด Off-road ได้อย่างเต็มพิกัด คือยางรถยนต์ Pirelli Scorpion All Terrain Plus (ขนาด 245/45 ZR 19 ที่ด้านหน้า และ 295/40 ZR 20 ที่ด้านหลัง) ซึ่งออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ
ลายดอกยางพร้อมลุยจากความลึกถึง 9 มิลลิเมตร และแก้มยางเสริมความแข็งแกร่ง มั่นใจในความทนทานด้วย Threads ของยางที่ผลิตจากผ้าใบเสริม Carcass Plies จำนวน 2 ชั้น
ทั้งหมดคือปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์ของปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) เหมาะสมที่สุดสำหรับการบุกตะลุยทุกเส้นทางที่ท้าทาย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งยางรถยนต์ Pirelli P Zero เวอร์ชั่นปกติ และยาง Winter สำหรับฤดูหนาวได้ตามความต้องการ
ยางทั้งหมดมาพร้อมผ้าใบเสริม Carcass Plies 2 ชั้นเช่นกัน โดยยาง All-terrain สามารถรองรับการขับขี่ความเร็วสูงบนทางเรียบ ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
พละกำลังที่อยู่ภายใต้การควบคุมในทุกสภาพเส้นทาง
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พละกำลังสูงสุด 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) แรงบิดมหาศาลกว่า 570 นิวตันเมตร ถ่ายทอดสมรรถนะชั้นยอด พร้อมเสียงคำรามกระหึ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของขุมพลังบ็อกซ์เซอร์
รถสปอร์ต รุ่นล่าสุดคันนี้สามารถออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ไปถึงระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ภายในระยะเวลาเพียง 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากการใช้ยางแบบ All-terrain
ในรุ่นมาตรฐาน เครื่องยนต์จะถ่ายทอดกำลังไปยังระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่อัจฉริยะ PDK 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel Drive
ส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง Rear-axle Steering จุดยึดแท่นเครื่องที่ยกมาจากปอร์เช่ 911 GT3 และ PDCC Anti-roll Stabilisation เมื่อทุกอย่างข้างต้นผสานการทำงานร่วมกัน ส่งผลให้ 911 Dakar โลดแล่นได้อย่างรวดเร็วในทุกสภาพพื้นถนน ไม่ว่าจะบนผืนทราย หรือผิวทางเปียกลื่น
สมรรถนะการขับขี่เหนือชั้นไม่ต่างจากการขับขี่ในสนาม Nürburgring Nordschleife สร้างความมั่นใจด้วยสมรรถนะสไตล์ Off-road ได้เต็มพิกัดจาก Driving Modes ใหม่ถึง 2 รูปแบบ ซึ่งสามารถสั่งการใช้งานฟังก์ชั่นได้จากปุ่มควบคุม Rotary Switch บนพวงมาลัย โดย Rallye mode เหมาะกับทางลื่น หรือเส้นทางที่ต้องการเน้นประสิทธิภาพจากระบบ All-wheel Drive ในส่วนของ Off-road Mode จะปรับระดับใต้ท้องรถขึ้นโดยอัตโนมัติ ดีไซน์เพื่อถ่ายทอดกำลังขับเคลื่อนสูงสุด สำหรับเส้นทางทุรกันดาร หรือเนินทราย ทั้งสองรูปแบบใน Driving Modes สามารถทำงานร่วมกับระบบ Rallye Launch Control ใหม่ล่าสุด ให้อัตราเร่งอันยอดเยี่ยมแม้บนผิวทางเปียกลื่น และระบบจะอนุญาตให้เกิดก ารลื่นไถลของล้อได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
อุปกรณ์พิเศษ Roof Basket พร้อมนาฬิกาข้อมือ Porsche Design Chronograph
เสริมบุคลิกเฉพาะตัวให้กับ Porsche 911 Daka ด้วยอุปกรณ์พิเศษที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ สปอยเลอร์หลังน้ำหนักเบาแบบ Fixed ผลิตจากวัสดุ CFRP รวมทั้งฝากระโปรง CFRP พร้อมช่องดักอากาศสไตล์สปอร์ตตัวแรงที่ยกมาจากปอร์เช่ 911 GT3 นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับชิ้นงาน Off-road มากมายที่ติดตั้งเป็นมาตรฐาน อาทิ ขอเกี่ยวลากรถอลูมิเนียมสีแดง บริเวณกันชนหน้า และหลัง
ซุ้มล้อขยายขนาดความกว้าง และชายล่างผลิตจาก Stainless Steel กันกระแทกรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง ช่องรับอากาศด้านข้างดีไซน์ใหม่เสริมความดุดันให้มุมมองหน้ารถ พร้อมกระจัง Stainless Steel ป้องกันกรวดหินที่อาจดีดขึ้นมาจากผิวทาง
หลังคาของ 911 Dakar ติดตั้งช่องจ่ายกระแสไฟ 12 โวลท์ สำหรับชุดไฟส่องสว่าง และแร็คหลังคาซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษ สามารถรับน้ำหนักได้ 42 กิโลกรัม ตัวแร็คเสริมฟังก์ชั่นด้วยการติดตั้งเครื่องมือสำหรับการแข่งขันแรลลี่ ได้แก่ ถังน้ำมันเชื้อเพลิง และถังน้ำสำรอง พลั่วอเนกประสงค์แบบพับเก็บได้ และแผ่นรอง Traction Boards อุปกรณ์เสริมสำหรับจัดเก็บสัมภาระบนหลังคา ทั้งหมดจัดวางได้อย่างเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งติดตั้งเต็นท์หลังคาเพิ่มเติมให้กับ 911 Dakar ได้อีกด้วย
ภายในห้องโดยสาร 911 Dakar ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศของความเป็นรถสปอร์ตสายพันธ์แรงในทุกอณู ด้วยเบาะนั่งมาตรฐาน Full Bucket Seats รวมทั้งถอดเบาะหลังออก กระจกรอบคัน และแบตเตอรี่น้ำหนักเบา จากการลดภาระน้ำหนังดังกล่าวมาส่งผลให้ 911 Dakar มีน้ำหนักรวม 1,605 กิโลกรัม หรือหนักกว่า Porsche Carrera 4 GTS ที่ติดตั้งระบบเกียร์ PDK เพียง 10 กิโลกรัมเท่านั้น
อีกหนึ่งความพิถีพิถันที่ปรากฏภายในห้องโดยสารมาตรฐานของรุ่น Dakar คือการตกแต่งด้วยวัสดุ Race-Tex พร้อมเดินตะเข็บด้วยสีเขียว (Shade Green)
นอกจากนั้นยังสามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ Metallic Exterior Finish สำหรับ 911 Dakar รวมไปถึงชุดตกแต่ง Rallye Sport Package พร้อม Roll-over bar เข็มขัดนิรภัย 6 จุด และเครื่องมือดับเพลิง
ชุดแต่ง Rallye Design Package สะท้อนภาพรถแข่งแรลลี่ตัวแรง เจ้าของแชมป์การแข่งขัน Paris-Dakar ปี 1984
หัวใจสำคัญของอุปกรณ์พิเศษ ชุดแต่ง Rallye Design Package จาก Porsche Exclusive Manufaktur คือสีตัวถัง Two-Tone ที่มาในเฉดสีขาว ตัดด้วยสีน้ำเงิน Enzian Blue Metallic นับเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่บรรจุสีตัวถังแบบ Bi-colour Paint และการตกแต่งลวดลายลงในรถจากสายการผลิตปกติ
ด้านข้างรถลูกค้าสามารถเลือกติดหมายเลขได้โดยอิสระตั้งแต่ 0 ถึง 999 ตามด้วยลายคาด Rally stripes สีแดง และสีทอง Porsche 911 Dakar ที่ติดตั้งชุดแต่ง Rallye Design Package มีความโดดเด่นสง่างามจากพื้นฐานที่อ้างอิงรถแข่งเจ้าของตำแหน่งแชมป์เปี้ยนชนะเลิศจากการแข่งขันแรลลี่ Paris-Dakar ปี 1984
รวมไปถึงตัวอักษร “Roughroads” ที่ประทับลงบนบานประตู อีกหนึ่งเครื่องหมายอันเปรียบเสมือนตราสัญลักษณ์ประจำตัวของ 911 Dakar และรถแข่งสายพันธ์ Off-road จากปอร์เช่ ขอบล้อสีขาว และแผงไฟท้ายสีแดง สร้างความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานในทันทีที่สังเกต โดยไฮไลต์อื่นๆ สามารถพบเห็นได้จากภายในห้องโดยสาร ซึ่งรายรอบด้วยวัสดุ Race-Tex และชิ้นงานหนังแท้ รวมทั้งเข็มขัดนิรภัยสีน้ำเงิน Sharkblue
นาฬิกาข้อมือ Porsche Design Chronograph
ผู้ครอบครอง The new Porsche 911 Dakar สามารถสั่งซื้อนาฬิกาข้อมือ Porsche Design Chronograph 1 – 911 Dakar หรือ Chronograph 1 – 911 Dakar Rallye Design Edition ที่เข้ากับตัวรถ นับเป็นครั้งแรกที่ตัวเรือนนาฬิกาผลิตจากวัสดุป้องกันรอยขีดข่วน Scratch-resistant และ Light Titanium Carbide
The new Porsche 911 Dakar: ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9.5 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 10.5 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย: 239 กรัมต่อกิโลเมตร; ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 8.8 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 11.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย: 256 กรัมต่อกิโลเมตร
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: Porsche Thailand
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.