Mazda สหรัฐอเมริกา นำเสนอครอสโอเวอร์ที่ใช้ระบบไฮบริดจาก Toyota
ตอนนี้ Mazda มียอดขายลดลง 21 เปอร์เซนต์ และขาดทุนจากการดำเนินงานกว่า 52,900 ล้านเยน (ประมาณ 15,182 กว่าล้านบาท) จึงต้องทำให้ Mazda เข้าสู่สถานการณ์รัดเข็มขัด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเร่งลดต้นทุน และ ยกระดับพันธมิตรกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น
Mazda ยังต้องการเพิ่ม“ มูลค่าแบรนด์” ด้วยการลงทุนในผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ จากความพยายามนี้ทางค่ายกำลังลงทุนในสถาปัตยกรรมเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงที่กำลังจะมาถึง การนำเสนอยังแสดงให้เห็นว่าจะมีเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซลและ Skyactiv-X รุ่นที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้
แพลตฟอร์มดังกล่าวจะรองรับระบบขับเคลื่อนทุกล้อ เช่นเดียวกับระบบส่งกำลังแบบ mild-hybrid และ plug-in hybrid รถรุ่นเล็กจะใช้ “เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าหลายรูปแบบโดยใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์โรตารี” แทน
ในระยะยาว Mazda จะใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาแพลตฟอร์มพิเศษ เพื่อรองรับรถยนต์ของค่ายทุกโมเดล Mazda จะให้ความสำคัญกับระบบการขับขี่อัตโนมัติ และการเชื่อมต่อยานพาหนะที่มากขึ้น
ในสหรัฐอเมริกา Mazda ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายต่อปีเป็น 450,000 คัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามนี้จึงมีการขยายตัวแทนจำหน่าย “next-gen” หรือ ตัวแทนรุ่นใหม่ นอกจากนี้การร่วมมือกับ Toyota จะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวอเมริกัน ด้วยโรงงานผลิต Mazda-Toyota แห่งใหม่ในรัฐแอละแบมา
รถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ของ Mazda จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 150,000 คันต่อปี โดยทางค่ายยืนยันแล้วว่าจะนำเสนอด้วยระบบ hybrid ที่มาจาก Toyota
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.