Maxus eTerron 9 รถปิกอัพไฟฟ้าบนแพลตฟอร์ม Interstella GST
Maxus บริษัทรถยนต์ในเครือ SAIC ร่วมกับ MG ซึ่งเน้นการทำรถเอ็มพีวี รถเพื่อการพาณิชย์ รถปิกอัพ และรถใช้งานเฉพาะด้านเปิดตัวรถเปิกอัพไฟฟ้ารุ่น eTerron 9 ในงาน IAA ที่เยอรมนี เพราะนอกจากจะขายในจีนแล้วยังเตรียมส่งขายยุโรปในช่วงปลายปีนี้ พร้อมกับที่ทางผู้ผลิตอ้างว่านี่คือรถปิกอัพไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีการผลิตต่อเนื่องโดยถูกสร้างบนแพลตฟอร์มสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะรุ่นแรกในยุโรป
Maxus eTerron 9 ถูกระบุว่าอยู่บนแพลตฟอร์ม Interstella GST และเป็นรถปิกอัพไฟฟ้าขนาดกลางถึงใหญ่รุ่นแรกจากจีนที่จะมีการส่งออกไปทำตลาดต่างประเทศ โดยรถมีความยาว 5,500 มม. ด้านหลังห้องโดยสารสามารถเปิดเพื่อให้สามารถขยายพื้นที่บรรทุกสิ่งของจากกระบะหลังสำหรับสิ่งที่มีความยาวได้ถึง 2,400 มม. ขณะที่ฝากระโปรงหน้าของรถมีพื้นที่เก็บของความจุ 236 ลิตร
ด้านการออกแบบรถมาในสไตล์ที่ถูกเรียกว่า New Electrified Mecha ด้านหน้ามีกระจังหน้าปิดขนาบข้างด้วยไฟหน้าแนวตั้งพร้อมมีไฟ Daytime Running Light รูปตัวซี และมีแถบไฟยาวเหนือกระจังหน้า นอกจากนี้รถยังมีซุ้มล้อทรงเหลี่ยม พร้อมมีทั้งกันชนหน้า กันชนหลัง ซุ้มล้อ และคิ้วประตูสีดำรวมทั้งมีบันไดข้าง
ห้องโดยสารของรถให้ความรู้สึกทันสมัยด้วยจอแสดงข้อมูลการขับและจอ Infotainment ลอยตัวยาวต่อเนื่องในกรอบเดียวกัน รวมทั้งมีคอนโซลกลางแบบลอยตัว พวงมาลัย 2 ก้าน และใช้วัสดุเมทัลลิกแต่งในห้องโดยสารที่ใช้สีทูโทน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานอย่าง 20 ช่องเก็บของ เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบายอากาศได้และมีฟังก์ชันนวด รวมทั้งยังสามารถปรับเบาะหน้าได้เกือบแบนราบเพื่อเปลี่ยนเป็นพื้นที่สำหรับนอนพักที่มีความยาว 1,700 มม.
ระบบขับเคลื่อนของรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่สำหรับการขับเคลื่อน 4 ล้อ มีกำลังรวม 442 แรงม้า ทำให้รถใช้ความเร็ว 5.8 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ส่วนพลังงานในการขับเคลื่อนมาจากแบตเตอรีลิเธียมไอออนฟอสเฟต 102 kWh ให้ระยะเดินทางได้ 430 กิโลเมตร เมื่อชาร์จไฟแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC 115 kW สามารถชาร์จไฟจาก 20-80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลา 40 นาที พร้อมมีฟังก์ชัน V2L เพื่อชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่นได้ผ่านปลั๊กไฟ 2.2 kW และ 6.6 kW
รถปิกอัพไฟฟ้าถูกระบุว่ามีโครงสร้างเซมิ-โมโนค็อกที่รวมข้อดีของโครงสร้างยูนิบอดี้และ Body-on-frame ไว้ด้วยกัน รองรับน้ำหนักบรรทุก 620 กิโลกรัม และลากจูงได้ถึง 3,500 กิดลกรัม ส่วนโหมดขับมีให้เลือกระหว่าง Normal, Sand, Mud และคัสตอม พร้อมมีช่วงล่าง Air Suspension ปรับความสูงได้มากับรถ
ราคาของรถยังไม่มีออกมา ส่วนการขายในยุโรปที่รถเพิ่งถูกเปิดตัวไปจะเริ่มในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2024 นี้
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.