Lynk & Co 900 รถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริด เบาะ 3 แถว 6 ที่นั่ง
หลังจากเผยแพร่ภาพรถเอสยูวีรุ่นเรือธงซึ่งมีชื่อรหัส L946 ขณะทดสอบท่ามกลางหิมะออกมา ตอนนี้รถรุ่นนี้ถูกเผยโฉมออกมาแล้วในชื่อ 900 ที่มาในรูปแบบรถเอสยูวีเบาะ 3 แถว 6 ที่นั่งขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดก่อน โดยจะเริ่มขายรถในเดือนมีนาคม 2025 นี้
Lynk & Co 900 เป็นรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของแบรนด์ด้วยความยาว 5,240 มม. กว้าง 1,999 มม. สูง 1,810 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 3,160 มม. โดยภายนอกรถเน้นความเรียบไหลลื่นบนพื้นผิวตัวถังรถ ส่วนด้านหน้ามากับไฟหน้าในสไตล์เดียวกับรถรุ่นใหม่ๆ ของแบรนด์ที่มีไฟ Daytime Running Light ยาวมาจากฝากระโปรงหน้า ขณะที่ไฟหน้าอยู่ที่กันชนหน้า โดยกระจังหน้าแบบปิดของรถมีแถบสำหรับแสดงกราฟฟิกรูปแบบต่างๆ
รถยังมากับฐานกระจกข้างและเสารถสีดำรวมทั้งมีมือจับเปิดประตูรถซ่อนอยู่ในตัวถัง ขณะที่ด้านหลังรถมีไฟท้ายในลักษณะแถบยาวโดยมีชื่อแบรนด์ระหว่างไฟท้ายทั้งสองฝั่ง นอกจากนี้ฝาท้ายของรถถูกยังออกแบบให้แยกเปิดได้ 2 ส่วน สำหรับสีภายนอกของรถมีให้เลือก 5 สีระหว่างสีดำ เทา ฟ้า ขาว และเงิน
ห้องโดยสารของรถมีจอความละเอียด 6K ขนาด 30 นิ้วเหนือแผงแดชบอร์ดยาวจากตรงกลางไปถึงด้านหน้าผู้โดยสาร ซึ่งน่าจะสามารถแบ่งการแสดงข้อมูลบนจอสำหรับให้ความบันเทิงแก่ผู้โดยสารได้ ขณะที่จอแสดงข้อมูลการขับมีขนาด 12.66 นิ้ว รวมไปถึงมีการแสดงข้อมูล Head-up Display ที่กระจกหน้า โดยใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8295 คู่สำหรับการทำงานต่างๆ ในห้องโดยสาร นอกจากนี้คอนโซลกลางของรถยังมีแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายคู่
รถยังเน้นความสบายในการเดินทางสำหรับผู้นั่งเบาะหลังด้วยจอขนาด 30 นิ้วความละเอียด 6K พับลงมาจากหลังคาได้สำหรับความบันเทิง มีตู้แช่ระหว่างเบาะหน้าที่เลื่อนเปิดได้สะดวกโดยผู้นั่งในเบาะแถวที่ 2 รวมทั้งเบาะแถวที่ 2 ยังสามารถปรับเลื่อนได้ 550 มม. ในขณะที่เบาะแถวที่ 3 ปรับพนักพิงหลังได้ และปรับเลื่อนเบาะได้ 125 มม.
ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดของรถมีถึง 3 ทางเลือกเริ่มตั้งแต่ใช้เครื่องยนต์ 1.5T กับมอเตอร์หน้า 160 kW หรือ 214 แรงม้า และมอเตอร์หลัง 230 kW หรือ 308 แรงม้า ส่วนอีก 2 ทางเลือกระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดใช้เครื่องยนต์ 2.0T เริ่มต้นด้วยทำงานกับมอเตอร์หน้า 160 kW หรือ 214 แรงม้า มอเตอร์หลัง 230 kW หรือ 308 แรงม้า ขณะที่รุ่นท็อปสุดมาพร้อมกับ 3 มอเตอร์ไฟฟ้า โดยมอเตอร์เดี่ยวด้านหน้ามีกำลัง 123 kW หรือ 165 แรงม้า และมอเตอร์คู่ที่แต่ละมอเตอร์มีกำลัง 160 kW หรือ 214 แรงม้าแยกอยู่ที่แต่ละฝั่งของล้อหลัง
รถเอสยูวีเรือธงรุ่นใหม่ยังมากับฟังก์ชันต่างๆ อย่าง Waltz U-turn, Crab Mode รวมทั้งมีการทำงาน CDC ที่ปรับช่วงล่างแอคทีฟตามสภาพถนน นอกจากนี้ช่วงล่าง Dual Chamber Air Suspension สามารถสลับการทำงานระหว่าง Single หรือ Dual Chamber ได้สำหรับสถานการณ์ต่างๆ ส่วนราคารถยังไม่มีออกมา
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.