Land Rover Experience Tour Peru 2017

Land Rover Experience Tour Peru 2017 การเดินทางและประสบการณ์ในการขับขี่ออฟโรดกับแลนด์โรเวอร์ในปี 2017 ซึ่ง 1 ในผู้ผ่านการคัดเลือกคือประเทศ ไทยซึ่งตั้งเป้าหมายในสโลแกนที่ว่า “ Road to Peru ”


เรื่องราวการเดินทางและประสบการณ์ในการขับขี่ออฟโรดกับแลนด์โรเวอร์ในปี 2017 ได้เริ่มต้นขึ้นโดยทางแลนด์โรเวอร์ได้จัดกิจกรรมเช่นนี้ทุกๆ 2 ปีโดยจะคัดเลือกเส้นทางที่หฤโหดบวกกับสมรรถนะของแลนด์โรเวอร์ที่มีความพร้อมในการลุยในทางออฟโรดจากทั่วโลกมา 1 เส้นทางซึ่งในปีนี้คือ สาธารณรัฐเปรูซึ่งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ และคัดเลือกบุคคลที่จะเข้าร่วมกิจกรรมนี้จากทั่วทุกมุมโลกผ่านการแข่งขันทักษะและประสบการณ์การใช้รถยนต์แลนด์โรเวอร์โดยคัดเลือกในแต่ละภูมิภาคผ่านผู้แทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ ซึ่งในแต่ละประเทศผู้แทนจำหน่ายจะเป็นผู้จัดการแข่งขันซึ่งประเทศไทยคือบริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเป็นผู้จัดการแข่งขันโดยใช้กติกากลางจากทางแลนด์โรเวอร์เป็นตัวกำหนดรูปแบบเกมการแข่งขัน ฉะนั้นผู้ที่จะได้ไปร่วมกิจกรรม Land Rover Experience Tour Peru 2017 ต้องผ่านการแข่งขันระดับประเทศ และต้องติดอันดับ 1ใน 2 ระดับทวีป เพื่อเป็นตัวแทนในกิจกรรม Land Rover Experience Tour Peru 2017 ณ สาธารณรัฐเปรู และ 1 ในประเทศที่ได้เข้าร่วมคือ ประเทศไทย โดยมีกองบรรณาธิการ นิตยสารออฟโรด นายโชติศีล รัตนวราหะ เป็น 1 ในนั้นร่วมกับ นายเปรมศักดิ์ เพียรพาณิชย์ สื่อสายยานยนต์จาก Car Online

Land Rover Experience Tour Peru 2017 เป้าหมายของทริปนี้คือ สาธารณรัฐเปรูซึ่งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ เราขอใช้ สโลแกนในทริปนี้ว่า “Road to Peru” เพราะเส้นทางสู่เปรู ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ต้องฝ่าฟันจากการแข่งขันทักษะการขับขี่ออฟโรดแบบมืออาชีพทั้งในประเทศและต้องต่อสู่กับ 11 ประเทศในทวีปเดียวกันเรามาเริ่มจากในประเทศกันก่อน

การคัดเลือกในประเทศไทยถูกเริ่มต้นขึ้นช่วงปลายเดือนสิงหาคมโดยบริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเป็นผู้ดูแลจัดการแข่งขันโดยใช้กติกากลางเป็นตัวกำหนดรูปแบบเกมการแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น การเรียนรู้และทดสอบระบบการทำงานของ  All-New Land Rover  Discovery 3.0 TD6 Diesel HSE โดยมีสถานีการบิดตัวของช่วงล่าง สถานีเนินเอียง และ สถานีทักษะการขับ ความคล่องตัว และ ประสบการณ์การขับขี่ในพื้นที่แคบ หรือการกลับรถในพื้นที่จำกัดโดยใครทำเวลาได้เร็วที่สุดและไม่มีปรับโทษ

ซึ่งจะเป็นการขับขี่แบบใช้ทักษะในการใช้ระบบต่างๆในรถ All-New Land Rover  Discovery  และรวมคะแนนสูงสุด 2 ท่านจะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าสู่การแข่งขัน LAND ROVER EXPERIENCE TOUR REGIONA FINALS ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในช่วงปลายเดือนกันยายนซึ่งเป็นรอบชิงชนะเลิศ ซึ่ง นายโชติศีล รัตนวราหะ กองบรรณาธิการ นิตยสารออฟโรด ทำคะแนนมาเป็นอันดับที่ 1 และ นายเปรมศักดิ์ เพียรพาณิชย์ สื่อสายยานยนต์จาก Car Online ทำคะแนนมาเป็นลำดับที่ 2 ทั้ง 2 คนจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันต่อในระดับเอเชียแปซิฟิกกับอีก 11 ประเทศ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

LAND ROVER EXPERIENCE TOUR REGIONA FINALS  การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศเริ่มต้นขึ้น ณ เมืองเวียงจันทร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยในรอบชิงชนะเลิศโซนเอเชียแปซิฟิก ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มละ 8 ทีม รวม 16 ทีมจาก 11 ประเทศซึ่งทีมไทยอยู่ในกลุ่มที่ 2 นำโดยนักแข่งดีกรีแชมป์เทศไทย โชติศีล รัตนวราหะ ควงคู่ โคไดรเวอร์ เปรมศักดิ์ เพียรพาณิชย์ นักข่าวสายยานยนต์ผู้มีความชำนาญเรื่องการเดินทาง และไหวพริบในการแข่งขัน ร่วมกับ ทีม นิวซีแลนด์ 2 ทีม, ไตหวัน 2 ทีม, บูรไน 1 ทีม, มาเลเซีย 2 ทีม รวม 8 ทีมในกลุ่มที่ 2

โดยรูปแบบการแข่งขันการแข่งขันทั้งหมด 8 Challengeได้แก่ 1.Reverse Slalom  2. Tennis Balls  3. What’s Wrong with My Car? 4. QUESTIONNAIRE A-B-C  5.Blindfold Driver ปิดตาขับรถ  6. Camera Challenge หาตัวอักษรจากกล้องใต้กระจกมองข้าง 7. Flag It Up  8. Train Tracks และรถที่ใช้ในการแข่งขันคือ Land Rover  Discovery Sport  ที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้เป็นพวงมาลัยซ้าย โจทย์สำคัญของทีมไทย เพราะบ้านเราขับพวงมาลัยขวา แต่ก็สร้างความคุ้นเคยไม่นานเพราะการเดินทางไปแต่ละ Challenge จะต้องเดินทางรูปแบบคาราวาน ที่จะถูกแบ่งออกเป็นอีก 2 กลุ่มคือ A Alfa และ B Bravo ซึ่งทีมไทยอยู่กลุ่ม B

การแข่งขัน Challenge แรกเริ่มต้นขึ้นนั้นคือ Reverse Slalom  หรือถอยหลังซิกแซกตามเส้นทางที่กำหนดทีมไทยทำเวลาได้ดีมาเป็นอันดับที่ 3 จาก ทั้งหมด 8 ทีม Challenge ที่ 2 Tennis Balls  เป็นการแข่งขันที่ต้องใช้กระจกมองข้างตีลูกเทนนิสโดยห้ามตัวถังรถในส่วนหน้าแตะลูกเทนนิสเด็ดขาดและจำกัดความเร็วไม่เกิน 10 กม/ชมห้ามถอยหลัง มีลูกเทนนิส 10 ลูกโดยสามารถปรับฟั่งชั่นการทำงานภายในรถได้เต็มที่ ทั้งระบบเกียร์หรือปรับยกระดับความสูงของรถ ทีมไทยทำได้ 8/10 คะแนนมาที่ 7 ในการแข่งขันนี้

ผ่านครึ่งวันแรกรับประทานอาหาร ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในชนบทพร้อมกับทีมงานทั้งหมดได้มอบอุปกรณ์การเรียนให้กับนักเรียนแห่งนี้ซึ่งก่อนออกเดินทาง ในช่วงบ่ายอีก 1 Challenge คือ What’s Wrong With My Car? ในช่วงเวลาที่รับประทานอาหาร ทีมงานได้มาปรับแต่งรถของ ทีมแข่งทุกประเทศให้มีความผิดปกติ และไม่ปลอดภัย และให้เวลา 15 นาทีในการหาจุดผิดปกติของรถทั้งหมด 8 จุดตัวอย่างเช่น น๊อตล้อหาย , แตรไม่ดัง , กล้องมองหลังผิดปกติ , ตัวลากรถหาย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดคือความปลอดภัยในตัวรถ ซึ่งทีมไทยหาได้เพียง 4 จุด ได้ 10 คะแนน ถือว่าน้อยใน Challenge นี้ก่อนออกเดินทางกลับที่พัก

และChallenge สุดท้ายในวันนี้ระหว่างทางกลับคือการตอบคำถาม QUESTIONNAIRE A-B-C  ที่เกี่ยวกับระบบของรถยนต์ Land Rover ทักษะการขับขี่ออฟโรด ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับ สาธารณรัฐเปรู ซึ่งทีมไทยทำคะแนนได้ 20 คะแนน จบวันที่ 1 กับการแข่งขัน 4 Challenge แรกและเดินทางกลับโดยรูปแบบคาราวานในเส้นทางออฟโรดซึ่งผู้นำกลุ่มก็จะให้ความรู้ ทักษะการขับขี่ออฟโรดและระบบการทำงานต่างๆในม้าศึกของเรา ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ แบบ Mud Terrain หรือระบบความคุมความเร็วขณะลงเนิน ก่อนถึงที่พักและรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมือง

วันที่ 2 ของการแข่งขันเรารวมตัวเพื่อออกเดินทางในเวลา 7 โมงเช้า ประชุมกติกาในวันนี้และอธิบายเกมการแข่งขันวันที่  2 และบอกคะแนนรวมในวันแรกโดยทีมไทยคะแนนรวมอยู่ที่  6 จาก 8 ประเทศโอกาสคว้าตั๋วค่อนข้างมีน้อย แต่ด้วยควมมุ่งมั่นของทีมไทย จึงตั้งโจทย์ไว้ว่าจะต้องขึ้นอันดับที่ 1 ให้ได้อย่างน้อย 2 Challenge เพื่อลุ้นคะแนนสะสมรวม โดยทีมนำได้แก่ บรูไน และ นิวซีแลนด์

Challenge แรกในวันที่ 2 คือ Blindfold Driver หรือปิดตาขับรถ ต้องใช้ความไว้ใจและทักษะการหมุนพวงมาลัยแบบที่ไม่หลงพวงมาลัย ซึ่งชาวออฟโรดส่วนใหญ่เวลาเข้าป่าหรือเจออุปสรรคทางโคลนแล้วหลงพวงมาลัย นี้คือทักษะที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนแรกเมื่อทีมไทยสามารถทำเวลามาเป็นอันดับที่ 1 รับ 25 คะแนนเต็ม Challenge ต่อมาคือ Camera Challenge หาตัวอักษรจากกล้องใต้กระจกมองข้าง ซึ่ง Land Rover  Discovery Sport จะมีกล้อง 360 องศา สามารถมองขอบถนนเวลาจอดได้แต่ในการแข่งขันนี้ต้องใช้กล้องมองตัวอักษรแล้วมาตอบในกระดาษซึ่งทีมไทย ตอบถูก 6 จาก 8 รับไป 12 คะแนน

Challenge ต่อมา Flag It Up เป็นการจับคู่ 2 ทีมเพื่อสร้างเสาธงที่สูงที่สุด โดยทีมไทยจับคู่กับ ไตหวัน เสร็จก่อนทีมอื่นๆแต่วัดความสูงมาแล้วได้ที่  4 คะแนนรวม ณ ตอนนี้แทบหมดโอกาสไปเปรู แต่ยังคงเหลืออีก 1 Challenge ที่ทีมไทยหวังไว้ว่าจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้น จากนั้นเราก็เดินทางในเส้นทางออฟโรด ใช้ระบบการทำงานในรถ Land Rover  Discovery Sport ครบจนถึงที่พักและ Challenge สุดท้ายถูกจัดขึ้นที่โรงแรม คือ Train Tracks

Train Tracks ถือเป็นการแข่งขันที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทีมไทย เพราะเกมนี้คะแนนสูงสุด และยังคงต้องจับคู่ 2 ทีมโดยกติกาคือ ต้องขับรถขึ้นบนรางไม้ที่มีช่องว่าง 4 ขนาดและต้องนำไม้ที่มีความยาวไม่เท่ากัน 4 ท่อนมาวางในช่องว่างเพื่อให้รถผ่านไปโดยไม่ตกร่องไม้ ห้ามถอยหลัง ห้ามวางไม้ที่ไม่พอดีกับช่อง และห้ามรถร่วงตกจากรางไม้ ทั้งหมดคือ DNF ทีมไทยจับคู่กับนิวซีแลนด์ โดยทีมนิวซีแลนด์เป็นผู้ขับ และบอกทางส่วนทีมไทยเป็นผู้วางท่อนไม้ เราเริ่มเกมเป็นทีมแรกและทำเวลามาดีมากโดยไม่มีผิดพลาดโดยเวลามาเป็นที่ 1 ร่วมกับนิวซีแลนด์ รับคะแนนเต็ม 25 คะแนนแต่ทีมอื่น DNF เพราะตกรางบ้าง ถอยหลังบ้าง และแล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น ทีมไทยสามารถทำคะแนนรวม ทั้ง 2 วัน ที่ 125 คะแนน คว้ารองชนะเลิศในรอบชิงชนะเลิศ โดยทีมนิวซีแลนด์มาที่ 1 ทั้ง 2 ทีมคว้าตั๋วไป เปรู ได้อย่างสนุกสนานลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย กับ 8 Challenge ที่วัดทักษะการขับขี่ออฟโรด ระบบการทำงานต่างของ Land Rover  Discovery Sport และการวางแผนในการแข่งขัน

ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบคุณ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทีมไทยในการแข่งขันครั้งนี้จนได้สิทธิเดินทางต่อไปยังกิจกรรม LAND ROVER EXPERIENCE TOUR PERU 2017 ณ สาธารณรัฐเปรู และนี้คือเส้นทาง “Road to Peru” ของทีมไทย

แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ตอนหน้า การเดินทางและประสบการณ์ในดินแดนอินคา กับ All-New Land Rover  Discovery 10 วันบนเส้นทางที่หฤโหดจะเป็นอย่างไรต้องติดตามในตอนที่  2  ของ LAND ROVER EXPERIENCE TOUR PERU 2017 “Road to Peru” …… 

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save