“Kiteboarding…Freedom Adventures”
เชื่อว่า “อิสระ” คือ สิ่งที่ทุกคนใฝ่หา หากแต่ในความเป็นจริงของชีวิตคนเรา มีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นตัวจำกัดความอิสระในการใช้ชีวิตให้ลดน้อยลง ทำให้หลายคนต่างต้องหากิจกรรมเพื่อบรรเทาข้อจำกัดเหล่านั้น บ้างออกเดินทางท่องเที่ยว บ้างท่องไปในโลกของตัวอักษร และมีบ้างบางคนที่ชอบนำร่างกายไปท้าทายอยู่กับกีฬาที่สามารถสร้างความรู้สึก เสมือนหนึ่งว่าได้ลอยล่องอยู่ในอากาศอย่างมีอิสระ
กีฬาทางน้ำที่เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในยุคนี้ นั่นคือ Kiteboarding หรือที่หลายคนอาจคุ้นเคยในชื่อ Kitesurfing กีฬาที่สร้างความอิสระ ไร้พันธนาการ เพียงแค่เอาใจกับร่างกายผสานไปกับบอร์ด ว่าว เข็มขัด โดยอาศัยแรงลม และความชำนาญเฉพาะตัวเพื่อที่จะดีดตัวเองขึ้นจากน้ำให้ไปลอยอยู่กลางอากาศในท่วงท่าต่างๆ ซึ่งอาจเรียกได้ว่านี่คือหนึ่งในกีฬาทางน้ำที่ให้ความอิสระ สร้างความรู้สึกตื่นเต้นท้าทายให้กับผู้เล่นได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่รักในกีฬาแนวเอ็กซ์ทรีม
Kiteboarding ถือเป็นกีฬาเอ็กซ์ทรีมทางน้ำ ที่ผสานเอาทักษะของการเล่นเซิร์ฟ สโนว์บอร์ด และเวคบอร์ดเข้าไว้ด้วยกันกับการเล่นว่าว ซึ่งว่าวที่ว่านี้ก็ไม่ใช่ว่าวที่คนไทยเล่นกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เป็นว่าวที่ใช้สำหรับกีฬาชนิดนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องมีความแข็งแรง และทนทาน เนื่องจากจะต้องเป็นตัวส่งกำลังเพื่อช่วยให้นักไคท์บอร์ดสามารถเล่นเซิร์ฟผ่านผิวน้ำด้วยความเร็วสูงและสามารถลุกขึ้นยืนเหนือผิวน้ำ กระทั่งดีดตัวขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับทำท่วงท่าที่สวยงามได้ จึงมักถูกเรียกกันว่าเป็นกีฬาเอ็กซ์ทรีมแบบสามมิติ ที่ช่วยหลั่งสารอะดรีนะลีนในตัวของผู้เล่นได้อย่างดี
หากถามถึงที่มาที่ไปของกีฬาชนิดนี้ ก็ต้องบอกว่าเริ่มมีเข้ามาแพร่หลายในประเทศไทยได้กว่าสิบปีแล้ว แต่เพิ่งจะมาได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยทั้งชาย และหญิง ผู้ที่มีช่วงอายุราว 15- 45 ปี และรักความตื่นเต้นท้าทายกับกิจกรรมทางน้ำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเล่นเพื่อความเพลิดเพลินและเพื่อความตื่นเต้น การที่ใครสักคนจะตัดสินใจเข้าไปเริ่มเล่นจริงจังนั้น ถือว่าเป็นการวัดใจ วัดความกล้าของคนในระดับหนึ่ง เพราะนอกจากต้องว่ายน้ำเป็นและว่ายแข็งพอสมควรแล้ว ยังต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกาย และหัวใจที่กล้าหาญ เพราะขณะดีดตัวขึ้นเหนือน้ำจะเป็นความรู้สึกที่โลดโผนตีลังกาเหวี่ยงไปมา ราวกับว่าเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก สร้างความมันส์ให้กับทั้งผู้ดูและผู้เล่นได้ไม่น้อย
การเริ่มเล่นกีฬาชนิดนี้ไม่ใช่ว่าคิดอยากจะเล่นก็ไปจับว่าว ใส่บอร์ด สวมเข็มขัด แล้วจะลงสนามเล่นกันได้เลย แต่จะต้องเรียนรู้วิธีการเล่นและเทคนิคต่างๆ ก่อน มิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายต่อผู้เล่นได้ ซึ่งการฝึกขั้นพื้นฐานสำหรับกีฬาประเภทนี้ก็ไม่ยากอีกต่อไปสำหรับยุคนี้สมัยนี้ เนื่องจากเมื่อกีฬานี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และได้รับความนิยมจนกระทั่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก จนคณะกรรมการของโอลิมปิกมีความเห็นตรงกันในการนำเสนอให้กีฬา ไคท์เซิร์ฟ หรือไคท์บอร์ดดิ้งนี้ บรรจุลงไปเป็นหนึ่งประเภทกีฬาในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2016 ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ประเทศบราซิล ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันดูว่า 1 ใน 10 เหรียญสำหรับกีฬาเรือใบในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอีกสองปีข้างหน้านี้จะมีสีสันของว่าวจากกีฬาไคท์เซิร์ฟ หรือไคท์บอร์ดดิ้งให้เราได้ชมกันหรือไม่ และด้วยเหตุนี้เองทำให้มีโรงเรียน หรือสถานที่ในการสอนกิจกรรมการเล่นกีฬาประเภทนี้เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในทำเลที่ใกล้กับทะเล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “Kite Cable Thailand” จุดที่เหล่านักล่าความท้าทายบนเกลียวคลื่น ต่างรู้สึกชื่นมื่นทุกครั้งที่ได้ไปเยือน
“Kite Cable Thailand” ตั้งอยู่ที่อำเภอปรานบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำเลที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ สายลม และผืนน้ำ ปัจจัยสำคัญที่ช่วยรังสรรค์ความมันส์ให้กับตัวคุณได้โลดแล่นไปอย่างอิสระ การเดินทางก็ไม่ยาก ขับรถจากเส้นเพชรเกษม ตรงเข้ามาทางมาปากน้ำปราณ ก่อนถึงปากน้ำ จะต้องผ่านโค้งที่มีศาลพระภูมิเยอะๆ ให้สังเกตซ้ายมือ จะเขียนว่า “บ้านพักริมน้ำ” และมีป้ายเขียนว่า “Kite cable” ก็เลี้ยวเข้ามาได้เลย คุณก็จะพบกับการต้อนรับอันอบอุ่นจากชาวต่างชาติผู้เป็นเจ้าบ้านชื่อว่า “วิลลี่” ที่คอยต้อนรับทุกคนด้วยรอยยิ้ม และมิตรไมตรีที่ดีราวกับว่าเขาคือคนไทยคนหนึ่ง
วิลลี่ เป็นชาวไอร์แลนด์ที่รักในการเล่นเซิร์ฟ และมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยกว่า 13 ปีแล้ว ด้วยความหลงใหลในธรรมชาติอันงดงามของท้องทะเลไทย เขาจึงเลือกใช้ชีวิตอยู่ใน จ.ภูเก็ต และเลือกที่จะเปิดธุรกิจร้านไคท์เซิร์ฟ เพื่อรองรับชาวต่างชาติ และคนไทยที่มีใจให้กับการกีฬาประเภทนี้ แต่ด้วยข้อจำกัดของการเล่นไคท์เซิร์ฟ หรือไคท์บอร์ดดิ้งจำเป็นต้องใช้แรงลมเป็นตัวแปรสำคัญในการเล่น แต่ที่ภูเก็ตในหนึ่งปีจะมีแรงลมที่สามารถเล่นได้อยู่เพียงประมาณ 6 เดือนเท่านั้น ทำให้วิลลี่เริ่มมองหาทำเลใหม่ๆ กระทั่งเขาได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่หัวหิน และมาพบกับที่นี่ บวกกับกระแสลมในย่านนี้จะมีระยะเวลายาวนานกว่าที่ภูเก็ต คือเป็นทำเลที่มีกระแสลมประมาณ 9 เดือน ต่อปี ประกอบกับเป็นทำเลที่คนไม่พลุกพล่าน มีความสวยงาม และที่สำคัญมีความเป็นส่วนตัว ทำให้วิลลี่ตัดสินใจย้ายธุรกิจจากภูเก็ตมาตั้งถิ่นฐานอยู่ ณ ปากน้ำปราณแห่งนี้ โดยใช้ชื่อว่า “Kite Cable Thailand” สถานที่สำหรับคนรักการเล่นไคท์บอร์ดภายใต้คอนเซ็ปต์เก๋ๆ ที่ว่า “No wind? No ploblem!”
ซึ่งที่ได้ชื่อว่า “Kite Cable” นี้ก็เพราะมีการใช้แรงดึงของสายเคเบิ้ลมาทำหน้าที่แทนว่าวในช่วงเวลาที่ไม่มีกระแสลมเพียงพอให้ใช้ว่าวเล่นได้ ทำให้ผู้ที่ต้องการฝึกเล่นไคท์เซิร์ฟ หรือไคท์บอร์ด สามารถแวะมาเรียนรู้ทักษะ หรือมาฝึกฝนพัฒนาทักษะในการเล่นท่าได้ตลอดปี ภายใต้การควบคุมดูแล และผู้ฝึกสอนที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์การเล่นไคท์เซิร์ฟมาคอยให้คำแนะนำอย่าง “คุณกำพล” ที่ประจำอยู่ที่นี่และคอยแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์ตลอดจนการเริ่มต้นเล่นอย่างถูกวิธีให้ผู้ที่ไปเรียนได้เข้าใจในทักษาะเบื้องต้น หรือการควบคุมท่วงท่าต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะเอาเท้าใส่บอร์ดแล้วกระโดดลงน้ำโชว์ลีลาการเล่นที่สวยงามและน่าตื่นเต้นในครั้งต่อๆ ไป
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับกีฬาไคท์บอร์ด
1. ว่าว : อุปกรณ์สำคัญที่สุดอันดับแรก เพราะหากไม่มีว่าว ร่างกายและบอร์ดที่เท้าเราจะไม่ สามารถขัเคลื่อนไปตามกระแสลมได้
2. บาร์ หรือโครงเหล็กที่ใช้ยึดสายว่าว: หรือนักกีฬาไคท์เซิร์ฟทั้งหลายเรียกว่า Harness ก็เป็น อุปกรณ์ชิ้นสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยประสานตัวเรากับว่าวให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้แรงลมเป็น ตัวขับเคลื่อน ซึ่งการเลือก Harness นั้นจะต้องคำนึงถึงความแข็งแรง ปลอดภัยในการใช้งานเป็น หลัก ซึ่งผู้เล่นจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า Harness แบบใดที่ใช้สำรับการเล่นไคท์เซิร์ฟ
3. บอร์ด : บอร์ดมีด้วยกันหลายแบบ หลากสีสัน แตกต่างแบรนด์กันไป แบรนด์ดังที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มของผู้เล่น ซึ่งสามารถคลิกเข้าไปชมรายละเอียดได้ดังนี้ www.69slam.com , www.crazyflykites.com, www.ronixwake.com, www.flyozone.com, www.slingshotsports.com, www.bbtalkin.com
4. หมวกกันน็อก : หลายคนคิดว่าหมวกกันน็อกไม่จำเป็นสำหรับกีฬาประเภทนี้ แต่แท้จริงแล้วแรงกระแทกจากความเร็วของแรงลมอาจทำให้ศีรษะไปกระแทกกับน้ำ หรือสายลาก หรือแม้กระทั่งการพลิกตัวแล้วกระแทกกับบอร์ดตัวเองก็ตาม ซึ่งหมวกกันน็อกจะช่วยป้องกันอันตรายจากเหตุการณ์เหล่านี้ได้
5. เสื้อชูชีพ : ควรเลือกเสื้อที่มีขนาดพอดีตัว ไม่หลวม และไม่รัดแน่นจนอึดอัด เพราะจะต้องมีการดึงรั้งจากแรงกระชากของว่าว และยังต้องกระชับเพื่อให้คล่องตัวเวลาที่ต้องการโชว์ลีลาส่วนตัวเหนือผิวน้ำ
เตรียมตัวก่อนเริ่มลงสนามจริง
ก่อนอื่นต้องมีการเรียนรู้การใช้ว่าว การใช้บอร์ดให้เป็นก่อน และรู้จักสร้างทุกอย่างในสัมพันธ์กันกับตัวผู้เล่น ซึ่งใครที่เรียนรู้ขั้นพื้นฐานแล้วไปลองเล่นในทะเลจริงๆ บางครั้งอาจจะยังควบคุมบอร์ด และว่าวได้ยังไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นเมื่อมาฝึกเล่นที่ Kitecable แห่งนี้ ผู้เล่นก็จะได้ทำความรู้จัก และเรียนรู้ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้นอย่างแท้จริง ทำให้เมื่อกลับไปเล่นในทะเลอีกครั้งจะช่วยให้ผู้เล่นสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ดี ทำให้สนุกกับกีฬาชนิดนี้มากยิ่งขึ้น
รูปแบบการเล่นไคท์บอร์ด
1. Free Style: การโชว์ท่วงท่าและลีลากลางอากาศ เมื่อดีดตัวเองและบอร์ดขึ้นทะยานอยู่เหนือน้ำ
2. Wave-riding: เป็นการโลดแล่นท้าเกลียวคลื่น คล้ายกับการเล่นเซิร์ฟ โดยอาศัยทักษาะการทรง ตัวอยู่เหนือน้ำ
3. Racing: เป็นการแข่งขันในเรื่องของความเร็ว โดยอาศัยการอ่านทิศทางลม และบังคับว่าวให้ ถูกทิศ
หากเดินทางไปเที่ยวปราณบุรีและอยากทดลองกีฬาเอ็กซ์ทรีมทางน้ำประเภทนี้ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-8952-9205-0 อีเมล์ willy@kitecable.com หรือ https://kitecable.com
คำแนะนำ
- ผู้เล่นควรว่ายน้ำแข็งพอสมควร
- ควรเรียนรู้ทักษะการเล่นเบื้องต้นมาก่อนที่จะเริ่มเล่นจริง ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ
- เช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์ก่อนลงเล่นจริง
- ทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีที่จะทำร้ายผิว
- เสื้อผ้าที่ใช้ควรเป็นเสื้อผ้าที่เบาบาง กระชับแนบเนื้อ แห้งไว
- เมื่อเล่นเสร็จควรตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง และทำความสะอาดอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร ออฟโรด : www.grandprix.co.th/offroadmagazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ไดที่ www.grandprix.co.th
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.