Kia เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 14 รุ่นภายในปี 2570 รวมปิ๊กอัพ 2 รุ่น และรุ่นเริ่มต้น 1 คัน
Kia ประกาศแผนการในอนาคต พร้อมนำเสนอ BEV จำนวน 14 รุ่นภายในปี 2027
แบรนด์เกาหลีตั้งเป้ายอดขายต่อปีที่ 4 ล้านคันทั่วโลกภายในปี 2030 โดยครึ่งหนึ่งจะเป็นยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจำนวน 1.2 ล้านคัน นอกจากนี้ Kia ยังต้องการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของโลกในตลาดยานยนต์รถโดยสารสาธารณะ Purpose Built Vehicle หรือ PBV ภายในปี 2030
สำหรับกลุ่มรถที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ Kia จะเปิดตัวรถยนต์ BEV ใหม่อย่างน้อย 2 รุ่นต่อปี เพื่อให้มีรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกครบทั้ง 14 รุ่นภายในปี 2570 และในบรรดารถยนต์รุ่นใหม่ของ Kia ยืนยันว่าจะมีรถกระบะไฟฟ้าอีก 2 รุ่น
สำหรับ Kia EV9 ซึ่งเป็นรถยนต์เอสยูวีพลังไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่จะเปิดตัวในปี 2023 จะเป็นรุ่นที่สำคัญมากสำหรับทางค่ายที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด โดยทาง Kia ยืนยันว่า EV9 จะเปิดตัวเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติแบบใหม่ที่เรียกว่า “AutoMode” รวมถึงฟีเจอร์ Highway Driving Pilot ที่จะช่วยให้การขับขี่บนทางไฮเวย์เป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีการแทรกแซงของผู้ขับขี่
นอกจากนี้ EV9 ยังจะเป็นรุ่นแรกของ Kia ที่จะได้รับการอัปเดตแบบ over-the-air (OTA) และ feature-on-demand (FoD) ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อฟังก์ชันซอฟต์แวร์ได้ ตามที่ตัวเองต้องการ เทคโนโลยีดังกล่าวจะกระจายไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Kia ภายในปี 2025 ในขณะที่เทคโนโลยี “AutoMode” จะพร้อมใช้งานในทุกรุ่นในตลาดหลักภายในปี 2026
ในแง่ของเป้าหมายทางการเงิน Kia ต้องการบรรลุรายได้รวม 120 ล้านล้านวอน (ประมาณ 3.22 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2026 และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030
ประเทศเกาหลีจะยังคงเป็นศูนย์กลางหลักของ Kia ในด้านการวิจัย การพัฒนา การผลิต และการจัดหายานยนต์ไฟฟ้า
- Kia จะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กและขนาดกลางในยุโรปตั้งแต่ปี 2025
- รถเอสยูวีขนาดกลางและรถปิคอัพผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2024
- ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าระดับเริ่มต้นและขนาดกลางผลิตในประเทศอินเดียตั้งแต่ปี 2025
- ตั้งแต่ปี 2023 จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลางในประเทศจีน
ความต้องการแบตเตอรี่ของ Kia จะเพิ่มขึ้นจาก 13 กิกะวัตต์ชั่วโมง เป็น 119 กิกะวัตต์ชั่วโมง ในปี 2030 เนื่องจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะจัดหาแบตเตอรี่จากการร่วมทุนในประเทศอินโดนีเซียและพันธมิตรระดับโลกอื่นๆ ซึ่ง Kia มีความต้องการแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์และลดต้นทุนลงให้ได้ราว 40 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.