KHONLOY !ndeed VS ENDORO ในวันฟ้าฉ่ำฝนบนเส้นทางบ้องตี้บน-เหมืองสมพร
“ขอนลอยอินดีด… โฉมใหม่…ภายใต้สโลแกน ” ค่อยๆ ก้าว ค่อยๆ เดิน เพลิดเพลินละเมียดละไม ตะวันรอนช่างปะไร “
ซึ่งช่วงเวลาและประสบการณ์ที่ผ่านมาในการท่องเที่ยวออฟโรดของพวกเราเริ่มตกผลึก…สมาชิกที่มีศรัทธาแนวทางอารมณ์และความรู้สึกเดียวกันได้มารวมตัวกันอีกครั้ง…โดยแยกกลุ่มออกมาจากขอนลอยเดิม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแนวทางที่ต้องการของพวกเรา…และต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมออฟโรดและสังคมทั่วไปในปัจจุบัน…เปรียบเสมือนกล้วยเครือเดียวกันแต่คนละหวีแต่กล้วยหวีนี้แตกหน่อออกผลเป็นไปอย่างธรรมชาติ และนอบน้อมต่อธรรมชาติ…พวกเรายังคงท่องเที่ยวแบบออฟโรดและออนโรด ถ่ายภาพ เสาะหาประสบการณ์ และอยากพบเจอวิถีชีวิตผู้คนต่างๆ…รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และแบ่งปันสิ่งของให้กับผู้ด้อยโอกาสในชนบทหรือถิ่นทุรกันดารต่างๆ ตามความเหมาะสม…และประสบการณ์ทั้งหมด ก็จะนำมาถ่ายทอดเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ที่เข้ามาเยี่ยมบ้านหลังนี้รับรู้อารมณ์ความรู้สึกไปด้วยกัน…”
ท่อนแรกเป็นสโลแกนบนหน้าเว็ปไซต์ ตามติดมาด้วยท่อนที่สองเป็นคำขยายความของสมาชิกชมรมน้องใหม่กลุ่มเล็กๆ (แต่หน้าเก่า) ที่ได้บรรยายความรู้สึกเอาไว้อย่างชัดเจน และเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ผมรู้จักและมักคุ้นกันเป็นอย่างดีเกือบ10 ปี ทั้ง อุดม มะพล, ธีรเดช ขอนลอย, พงษ์ศักดิ์ ชัยรัตน์ลี้ตระกูล, ชรินทร์ ข้องหลิม รวมทั้ง น้ากบ พ่อครัวใหญ่ ของชมรม จากการเดินทางไปท่องเที่ยว ทำกิจกรรม หรือแม้แต่วันว่างๆ ก็มักจะนัดพบปะสังสรรค์กันอยู่บ่อยครั้ง อบอุ่นและอบอวลด้วยกลิ่นไอแห่งมิตรภาพ บนพื้นฐานที่เรียบง่าย สบายๆ ตามประสาพี่ๆ น้องๆ
ในโอกาสที่ชมรมขอนลอยอินดีดเปิดตัว ก็เลยมีการชักชวนกันไปเที่ยวป่า ตามประสาคนออฟโรดที่มักจะเกิดอาการคันไม้คันมืออยู่ไม่เป็นสุข โดยวางแผนกันคร่าวๆ ว่า จะไปเที่ยวป่าเมืองกาญจน์ฯ เนื่องจากไม่ไกลจากกรุงเทพฯเท่าไรนัก มีเส้นทางให้ขับรถออฟโรดกินลมชมธรรมชาติหลายเส้นทางด้วยกัน แต่ปัญหาใหญ่มีอยู่ว่า “แล้วจะไปที่ไหนดี” ด้วยว่าในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ หลายๆ เส้นทางก็ถูกปิดเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว เส้นทางที่เหลือบางแห่งก็ยากและอันตรายเกินไป
ทางขอนลอยอินดีดจึงประสานกับเจ้าของพื้นที่ ซึ่งก็คือ กิตติพงศ์ สุทธิ อดีตนักแข่งรถยนต์ออฟโรดที่มีดีกรีเป็นถึงรองแชมป์ประเทศไทย และนักท่องป่าตัวยงของกาญจนบุรี ที่ช่วงหลังๆ มานี้ แม้ว่าจะเลิกราวงการแข่งขันไปแล้ว แต่ก็ยังคงท่องเที่ยววนเวียนอยู่กับป่าเช่นเดิม ด้วยการควบรถ ENDORO ไปกับสมาชิกในกาญจนบุรี หรือวันดีคืนดีก็ขับรถ TOYOTA LAND CRUISER VX60 คันเก่งข้ามฟากไปยังประเทศเมียนม่าร์ที่เมืองทวายโน้น
ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า ทั้งหมดจะเดินทางไปยัง ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค โดยไม่ต้องขับกันไปไกลถึง อ.ทองผาภูมิหรือสังขละบุรี เพราะที่ป่าไทรโยคมีเส้นทางให้ได้ขับรถท่องเที่ยวแบบสนุกๆ หลายเส้นทางด้วยกัน มีตั้งแต่ง่ายๆ ไปจนถึงเส้นทางที่ต้องลงแส้ลากวินช์กันเหงื่อตก โดยทาง กิตติพงศ์ สุทธิ ได้กำหนดเส้นทางเอาไว้ที่ดงสัก-เหมืองสมพร เป็นเส้นทางแบบไปเช้า เย็นย้อนกลับมาสังสรรค์กันที่รีสอร์ทในไทรโยคได้แบบสบายๆ
ถึงวันเดินทางกลางเดือนกันยายนในวันฟ้าฉ่ำฝน เราออกเดินทางด้วยจำนวนรถยนต์ 4 คัน จากทั้งหมด 6 คัน พร้อมด้วยทีม ENDURO จากกาญจนบุรีเป็นพี่เลี้ยงนำทางอีก 10 คัน เริ่มออกเดินทางจากตัวอำเภอไทรโยค ผ่านบ้านไทรทอง สู่บ้านเขาช้าง ต.บ้องตี้ ซึ่งตำบลบ้องตี้นี้ ประกอบด้วยหมู่บ้าน จำนวน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1 บ้านบ้องตี้บน หมู่ที่ 2 บ้านบ้องตี้ล่าง หมู่ที่ 3 บ้านท้ายเหมือง หมู่ที่ 4 บ้านทุ่งมะเซอย่อ โดย ต.บ้องตี้นี้ ทิศเหนือตั้งอยู่ติดกับ ต.วังกระแจะ ทิศใต้ติดกับ ต.ศรีมงคล ส่วนทิศตะวันออกติดกับ ต.ลุ่มสุ่ม ส่วนด้านทิศตะวันตกนั้นตั้งอยู่ติดกับประเทศเมียนม่าร์ บ้านบ้องตี้นี้ได้ชื่อว่า “ประตูสู่อันดามัน” เนื่องจากในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อเส้นทางจากทวายผ่านมายังบ้านบ้องตี้ และจะกลายเป็นจุดผ่านแดนและย่านเศรษฐกิจใหม่ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย หากว่าโครงการทวายโปรเจ็กซ์เดิรนหน้าต่อโดยไม่ติดขัดอะไร
ในส่วนของเส้นทางออฟโรดนั้น หากว่าเป็นนักท่องเที่ยวรุ่นเก่าๆ จะรู้จักเส้นทางของบ้องตี้กันเป็นอย่างดี เพราะในอดีตนั้นบ้องตี้เป็นเส้นทางชักลากไม้เก่า หลังจากมีการยกเลิกสัมปทานไม้ไปแล้วก็ถูกปล่อยให้รกร้าง จนต่อมาก็มีการปรับปรุงอีกครั้งหลังจากเปิดด่านที่ฐานปฎิบัติการห้วยโมง เพื่อให้ชาวบ้านที่อยู่ริมชายแดนได้ติดต่อค้าขาย รวมทั้งบางส่วนก็เข้าไปทำไร่ปลูกพืชผลทางการเกษตรบริเวณริมชายแดน
เราใช้เวลาเดินทางจากไทรโยคมาประมาณครึ่งชั่วโมงเศษๆ กับระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ก็ถึงบ้านเขาช้าง และเลี้ยวซ้ายที่ด้านข้างโรงเรียนบ้านเขาช้างสู่ที่หมายแรกก็คือ เขตปลูกป่าสัก ตามโครงการ ปลูกป่าวังใหญ่ แม่น้ำน้อย ที่ปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ.2533-2536 ของกองบัญชาการทหารสูงสุด โดยมีชมรม ENDURO เป็นม้าเร็วนำหน้าไปเครียร์ทางก่อน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น ฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องทำให้มีต้นไม้และกอไผ่ล้มขวางทางอยู่เป็นช่วงๆ
เส้นทางของดงสักนี้ ถือว่าเป็นเส้นทางที่เหมาะมากกับการขับรถท่องเที่ยวป่า ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร สภาพเส้นทางค่อนข้างลื่นๆ เลอะๆ เต็มไปด้วยบ่อโคลน ร่องน้ำและเนินชันเล็กๆ และเนินเอียงที่ชวนให้หวาดเสียวเล็กๆ แต่ก็ถือว่าไม่ยากเท่าไรนัก มือใหม่หรือรถสแตนดาร์ดก็สามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาทะลุออกยังบ้านทุ่งมะเซอย่อ ขับต่อไปยังบ้องตี้ล่าง ก่อนจะเดินทางก่อนจะเดินทางต่อไปยังฐานปฏิบัติการห้วยโมงซึ่งสังกัดกองร้อย ตชด.136 และขึ้นควบคุมยุทธศาสตร์กับ ฉก.ร.9/ฉก.พชด.กจ. ซึ่งเป็นเส้นทางที่เคยโด่งดังในอดีต และได้ชื่อว่าโหดที่สุดอีกเส้นทางหนึ่งของกาญจนบุรี
แต่ปัจจุบันอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า มีการปรับปรุงเส้นทางใหม่ ลาดยางไปจนถึงตีนเขา ครั้นเมื่อถึงเชิงเขาแล้ว สภาพเส้นทางก็คล้ายๆ กับอดีตดั่งเดิม คือ เป็นทางดินลูกรังผสมโคลนในช่วงแรกๆ จากนั้นไปก็จะเป็น ร่องลึกและบ่อโคลนยาว เส้นทางจะค่อยๆ ไต่ขึ้นความสูงของขุนเขาที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนม่าร์ไปเรื่อยๆ ชั่วระยะทางประมาณกิโลเมตรเศษๆ หากไม่ไปติดอยู่กลางทางเสียก่อน ก็ถึงฐานปฏิบัติการห้วยโมง จุดผ่านแดนสู่ประเทศเมียนม่าร์
หลังจากทางกลุ่ม ENDURO กาญจนบุรี ซึ่งคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี เข้าไปขออนุญาตใช้พื้นที่ในการพักขบวนชั่วคราว เราจึงพักทานอาหารกลางวันกันที่ฐานแห่งนี้ ก่อนจะเดินทางย้อนกลับลงมายังบ้านบ้องตี้บน เพื่อเดินทางต่อสู่เส้นทางโรงแร่ของ หจก.เพชรมงคลเหมืองแร่ หรือคนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ เหมืองสมพร ซึ่งเป็นเหมืองแร่ที่ยังเปิดทำกิจการอยู่ ซึ่งเหมืองแห่งนี้ได้รับประทานบัตรแร่ดีบุก วุลแฟรม ก่อนที่จะส่งต่อไปถลุงที่ จ.กาญจนบุรี
ฝนที่ตั้งเค้ามาแต่ไกลฝั่งตะวันตก เริ่มเทเม็ดลงมาปอยๆ ชั่วไม่นานก็เริ่มหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รถทั้ง 4 คัน รวมถึงรถ ENDURO อีก 10 คัน เข้าสู่เส้นทางเหมืองสมพร ลักษณะของเส้นทางเหมืองสมพรนั้น หากใครที่เคยเดินทางไปยังเหมืองเต่าดำ (ซึ่งก็อยู่ไม่ห่างกันนัก) นั่นก็คือ ขึ้นเขา ลงเนิน ข้ามลำห้วยมากมาย ห้วยแล้วห้วยเล่าจนนับไม่ถ้วน ตลอดเส้นทางมีต้นไม้ กอไผ่ ล้มขวางทางอยู่เป็นช่วงๆ
สรุปแล้วเป็นเส้นทางที่น่าท่องเที่ยวเส้นทางหนึ่ง รวมทั้งไม่ยากเท่าไรนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องท่องเที่ยวเสาะแสวงหาธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่เปรียบเสมือนพื้นที่ส่วนบุคคล หากว่าจะเดินทางเข้าไป ก็ต้องมีขออนุญาติจากเจ้าของพื้นที่ คือ หจก.เพชรมงคลเหมืองแร่ ก่อนตามมารยาท เนื่องจากเป็นพื้นที่ขอประทานบัตร จึงห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต รวมทั้งห้ามบุกรุก ตัดต้นไม้และล่าสัตว์
ก่อนพลบค่ำขบวนรถทั้งหมดก็ทะลุออกจากราวป่า ย้อนกลับออกมาที่บ้านหนองแจง ลักษณะเป็นรูปวงกลมมาออกที่ อ.ไทรโยค จบทริปการเดินทางของ KHONLOY !ndeed กับ ENDORO กาญจนบุรี พร้อมๆ กับที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยของเรา คว้าแชมป์เอเซียได้เป็นสมัยที่ 2 อะไรจะพอดิบพอดีขนาดนั้น…
จบทริปการเดินทางท่องเที่ยวแบบสาบๆ ในบรรยากศแห่งธรรมชาติในป่าฝน บนเส้นทางบ้องตี้บน-เหมืองสมพรโดยสมบูรณ์แบบ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.