HYUNDAI H-1…..อเนกประสงค์ 12 ที่นั่ง สำหรับการใช้งานที่ครอบคลุม
บนวัตถุประสงค์ของการใช้งาน คือ พื้นฐานหนึ่งในการเลือกประเภทของรถที่จะมารองรับ แต่เมื่อวัตถุประสงค์กว้างขวาง ครอบคลุมไปทุกมิติ การมีรถยนต์ที่รองรับการใช้งานได้อย่างครบถ้วนมันก็คือ ปัจจัยในการตอบความต้องการนั้น คุณสมบัติของตัวรถที่มีทั้งพื้นที่ใช้สอยซึ่งนอกจากรองรับการใช้งานได้แล้ว ยังพร้อมสำหรับการดัดแปลงเพื่อการโดยสารแบบรถอเนกประสงค์อย่างแท้จริง HYUNDAI H-1…….
รถยนต์ประเภทรถอเนกประสงค์ที่เน้นพื้นที่การใช้งาน รวมไปถึงพื้นที่โดยสารที่มากกว่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ย่อมที่จะได้เปรียบทางด้านของการใช้งาน แต่ในเรื่องของการใช้งานนั้นยังจำเป็นที่จะต้องมีส่วนอื่นประกอบเข้าไปด้วย ในรถประเภทบอดี้แบบ VAN หรือ MPV พวกนี้ได้เปรียบอยู่แล้วในเรื่องของพื้นที่การใช้งาน แต่รูปทรงของตัวรถ สมรรถนะการขับขี่และการนำไปต่อยอดในการใช้งานและความคุ้มค่ากับการใช้งานได้บ่อยในชีวิตประจำวัน นั่นน่าจะเป็นประเด็นสำคัญส่วนหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง
DESIGN….เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยรายละเอียด
ดีไซน์ภายนอกที่มันอยู่ในร่างของรถอเนกประสงค์ แต่แตกต่างไปจากรุ่นอื่นๆ ตรงที่มันมีความเรียบง่ายอยู่ในตัวเอง เส้นสายที่ใส่มาตามตัวรถจะเป็นการตกแต่งตามแนวการเดินทางของกระแสลมด้านข้างตัวรถ มุมหักเหของการวางตำแหน่งกระจกบานหน้าตามความลาดเอียงของเสาเอนอกจากจะได้ทัศนะวิสัยที่กว้างไกล ซึ่งมันเหมาะสมกับรถประเภทนี้แล้วความพยายามที่จะลดมุมชันของฝากระโปรงด้านหน้าลงไปด้วยพร้อมๆ กัน แต่ก็เลี่ยงความชันได้ยากในพื้นที่ของกระจังหน้าขนาดใหญ่ ที่ต้องการกระแสลมอย่างเต็มที่ในการไหลเข้าห้องเครื่องยนต์รวมไปถึงช่องรับลมด้านล่างแนวเดียวกับไฟตัดหมอกที่ออกแบบให้มีสวิทช์แยก แบบกดสำหรับการเปิด-ปิด
การแยกสวิทช์เปิด-ปิดไฟตัดหมอก เป็นสิ่งที่แฝงรายละเอียดของสิ่งที่เรียกว่าใช้ในยามจำเป็นหรือตามสถานการณ์ นั่นเป็นคำตอบที่ลงตัว การออกแบบหลายอย่างเหมือนจงใจทำมาสำหรับผู้โดยสารหรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานอย่างแท้จริง ลักษณะการติดตั้งกระจกบานเลื่อนที่ประตูสไลด์ ซึงไม่จำเป็นต้องเปิดประตูทั้งบานเพื่อทำการสื่อสารหรือพูดคุย ทั้งนี้ประตูสไลด์ยังออกแบบมาทั้งสองด้านของตัวรถ และกับรถระดับนี้ระบบไฟหน้านำทาง (ESCORT LAMP) จะติดส่องสว่างเป็นเวลา 20 วินาทีหลังจากดับเครื่องยนต์และล็อกรถแล้วเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยในยามค่ำคืน
การที่จะเข้าสู่พื้นที่ภายในตัวรถ โดยมันถูกแบ่งด้วยลักษณะของตัวรถออกไว้ในสองส่วนคือส่วนหน้าที่เป็นพื้นที่ของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า กับอีกส่วนซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหลังกับเบาะนั่งชุดเดิมติดรถ 12 ที่นั่ง 3 แถวตามการออกแบบและด้านท้ายบานประตูแบบเปิดขึ้น ทั้งสองส่วนจะมีชุดระบบปรับอากาศแยกหน้าหลัง โดยสวิทช์ความคุมที่ด้านหน้า
การตกแต่งภายในด้วยวัสดุแบบทูโทน สีเข้มด้านบนลดการสะท้อนแสงในยามขับขี่เพื่อความปลอดภัย แผงคอนโซลตกแต่งด้วยลายไม้ในรุ่น ELITE ถึงจะมองว่าเป็นรถที่มุ่งเน้นสำหรับการใช้งานหรือผู้โดยสารแต่การตกแต่งวางอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็มีมาอย่างครบครัน อีกทั้งในพื้นที่สำหรับการเพิ่มเติมอุปกรณ์สำหรับความบันเทิงก็มีอย่างเพียบพร้อม
ชุดเบาะนั่งด้านหน้าออกแบบมาให้นั่งได้อย่างเหมาะสมพร้อมที่พักแขนแบบที่ปรับเก็บได้เมื่อรวมกับลักษณะของท่านั่งสูงทำให้การขับขี่ลดอาการเมื่อยล้าลงไปอีกทั้งการใช้งานอุปกรณ์ก็มีความสะดวก หน้าปัดเรือนไมล์มองเห็นชัดเจน
ENGINE&SUSPENSION…..ดีเซลคอมมอนเรลพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน
H-1 ใช้ระบบเครื่องยนต์แบบดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจกชั่น A2.5 CRDi VGT รหัส D4CB 4สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมป์ชาร์ฟ เทอร์โบแปรผันและอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 2,497 ซี.ซี. ความกว้างกระบอกสูบxระยะชัก 91.0×96.0 อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 16.4:1 ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 2,000-2,250 รอบต่อนาที พร้อมด้วยมาตรฐาน EURO 4
ถ้าดูตามลักษณะการออกแบบพร้อมกับการขับขี่ จะเห็นว่าคำตอบมันอยู่ในหลายจุด ด้วยการเป็นรถที่มีขนาดมิติที่ใหญ่พร้อมด้วยขนาดน้ำหนักรถที่ประมาณ 2,265 กิโลกรัม แต่มันไม่รู้สึกอึดอัดเพราะการตอบสนองค่อนข้างเหมาะสม ด้วยการมีแรงบิดที่สูงถึง 441 นิวตัน-เมตร ทั้งจากการออกแบบเครื่องยนต์ให้มีระยะชักของลูกสูบที่ยาว ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างแรงบิดจากเครื่องยนต์ในรอบจังหวะกำลัง อีกทั้งการที่มีระบบแปรผันของเทอร์โบ จึงช่วยให้การทำงานสร้างแรงบิดนั้นต่อเนื่อง การตอบสนองในลักษณะแบบนี้นอกจากจะช่วยในเรื่องของการใช้งานในแต่ละครั้งแล้ว มันยังเป็นรถที่สามารถใช้งานได้ในแบบชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว เพราะเท่าที่ดูจากอัตราสิ้นเปลืองที่แสดงอยู่ก็เห็นว่าเป็นระดับที่เหมาะสมในการใช้งาน
ช่วงล่างของตัวรถด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท (MCPHERSON STRUTS) ส่วนที่ด้านหลังเป็นแบบ 5 LINKS RIGID AXLE ระบบเบรกด้านหน้าและหลังเป็นแบบดิสก์เบรกในรุ่น ELITE และ DELUXE ส่วนล้อเป็นแบบอัลลอยด์ขอบ 16 นิ้ว สำหรับช่วงล่างที่ออกแบบมาจะเห็นว่าคงมีความตั้งใจที่จะเน้นการขับขี่บังคับควบคุมที่แม่นยำ พร้อมทั้งการทำงานที่ค่อนข้างครบถ้วน การใช้ช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้านอกจากจะประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งชิ้นส่วนแล้วยังมีผลต่อการทรงตัวและการบังคับเลี้ยวกับตัวรถที่มีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 5.6 เมตร ด้านหลังก็เน้นไปที่การทรงตัวกับลักษณะของการทำงานของช่วงล่างแบบ 5 LINKS ตรงนี้ย่อมเห็นความแตกต่างได้อย่างแน่นอนในยามที่ต้องใช้ความเร็วสูง
HANDLING&RIDE…..ได้ลองแล้วต้องอยากลองอีก
คำว่าได้ลองแล้วต้องอยากลองอีกนั้น น่าจะหมายถึง ทั้งในส่วนของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร จากการที่ได้สัมผัสทั้งจากผู้ขับขี่หลายคนในการทดสอบครั้งนี้ สิ่งที่ได้ตามมาคือรถมันมีเสน่ห์ทางด้านการขับขี่ ด้วยท่านั่งขับขี่ พื้นที่ใช้สอยในบริเวณห้องโดยสารด้านหน้าซึ่งมันมีความเหมาะสมกับประเภทของรถ ตัวรถที่ใหญ่แต่ขับขี่คล่องตัวทั้งจากทัศนะวิสัยและจากกำลังแรงบิดเครื่องยนต์ที่มาในรอบต่ำซึ่งก็เป็นรอบของการใช้งานที่มากที่สุดอยู่ด้วย ด้วยพื้นที่ของรถประเภทนี้เรื่องของความอึดอัดในการที่ต้องอยู่ในตัวรถจึงหมดไปได้ในระดับที่น่าประทับใจ
ท่านั่งกับการปรับเบาะนั่งและการปรับพวงมาลัยที่ให้ได้ซึ่งตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการขับขี่ของแต่ละคนยังเป็นความน่าสนใจของการออกแบบในพื้นที่ของห้องโดยสารด้านหน้า อีกทั้งมันยังเหลือพื้นที่สำหรับการเอนพนักพิงได้อีก ส่วนด้านหลังนั้นที่นั่งซึ่งมีระยะห่างกันทำให้มีพื้นที่สำหรับการวางเท้าและวางสัมภาระอย่างเพียงพอ ระบบปรับอากาศด้านหลังก็มีฟังก์ชั่นตู้แอร์แยกและปรับระดับความแรงของลมได้อีกด้วย
ถ้าไม่นับเรื่องของความสะดวกในการขับขี่ใช้งานและการใช้งานพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังแล้ว ภาพลักษณ์ของรถประเภทนี้จะเหมือนเป็นตราติดตัวในยามที่มันเดินทางไป เมื่อเปรียบเทียบกับรถเอนกประสงค์อย่างรถตู้ทั่วไปซึ่งมันก็จะอยู่ในจุดหนึ่งแต่ในระดับของรถที่ก้าวขึ้นมาอีกระดับ H-1 ก็ดูจะเป็นหนึ่งในกลุ่มระดับบนนั้นสำหรับรถอเนกประสงค์
การตอบสนองของเครื่องยนต์และช่วงล่างเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ อย่างที่บอกว่าการขับรถที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ถ้ากำลังที่ขับเคลื่อนแสดงได้อย่างสมบทบาทผู้ขับขี่ก็จะไม่เหนื่อยและไม่ต้องลุ้นกับการใช้งานอย่างที่คันนี้ตอบสนอง บางครั้งมันก็ดูว่าจะเหลือเฟือไปด้วยซ้ำยามวิ่งตัวเปล่า จะมีบ้างก็ตรงลักษณะการตอบสนองของช่วงล่างสไตล์เกาหลีที่มันจะเน้นความแข็งแรงแต่ก็เป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างสูงสำหรับทางเลือกในรถประเภทนี้ ยิ่งถ้าจะมองไปที่การดัดแปลงพื้นที่ใช้สอยกับเบาะนั่งแบบ VIP ด้วยแล้ว ตัวเลือกนี้คือสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณากันเลยทีเดียว…..
ขอขอบคุณ
บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด www.hyundai-motor.co.th
HYUNDAI H-1 ELITE ราคา 1,449,000 บาท (โปรดตรวจสอบราคาล่าสุดจากตัวแทนจำหน่าย)
เรื่อง/น้าอ่ำ บ้านนาเคียงดอย ภาพ/OHLEAF
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.