ลัดเลาะ ล่องประจวบฯ กับ HONDA WR-V

ชีวิตกับการเดินทางเป็นของคู่กัน ยิ่งถ้าอยากให้การเดินทางในทุกๆ วัน เป็นเหมือนวันพิเศษ แบบ DRIVE MY DAY ต้องลองเทใจให้กับ HONDA WR-V รถเอสยูวีที่มาพร้อมขุมกำลัง และฟังก์ชั่นมากมาย ให้เราเลือกใช้งานได้หลากหลายในทุกๆ เส้นทาง

ขับไปเส้นทางไหน ก็โดดเด่น สะกดสายตา

ด้วยดีไซน์การออกแบบของ WR-V ที่มาพร้อมความแปลกใหม่ในรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งทรงที่ดูสปอร์ต มองมุมไหนก็เท่ โฉบเฉี่ยว สไตล์เอสยูวี ที่ดูคล่องตัว เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของนักเดินทาง ไม่ว่าจเป็นหลังคาสีดำ ทูโทน ตัดกับตัวรถ พร้อมเส้นสายรอบคัน ทั้งกระจังหน้าโครเมียม ไฟตัดหมอก ไฟหน้าและไฟท้าย ไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential รวมไปถึงล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่ให้อารมณ์สปอร์ตสุดๆ ทุกมุมมอง

ขับสะดวก นั่งสบาย ในทุกเส้นทาง

นอกจากภายนอกจะโดดเด่นแล้ว ตลอดการเดินทางไกลของเราในทริปนี้ นั่งยาวสามร้อยกว่ากิโล กับเวลาราวห้าชั่วโมง ไม่ใช่อุปสรรค เพราะห้องโดยสารของ WR-V กว้างขวาง ทั้งช่วง Leg Room และ Head Room เบานั่งกระชับ เย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มีช่องจ่ายไฟถึง 2 ตำแหน่ง พร้อมช่อง USB อีก 2 ตำแหน่ง จะซื้อกาแฟ หรือวางแก้วน้ำส่วนตัว ก็สะดวก เพราะมีช่องวางแก้วให้เราถึง 6 ตำแหน่ง

 

เลือกพาหนะที่เหมาะ แล้วเดินทางไปกับ Travel Guide ในฉบับนี้ด้วยกัน ซึ่งเราเลือกเดินทางไปยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แบบ 3 วัน 2 คืน ด้วยระยะทางไกลสุดที่ 350 กิโลเมตร ไปสัมผัสธรรมชาติแบบ Unseen พร้อมพาตัวเองไปพบกับความเงียบ สงบ ในที่พักเปิดใหม่ถึง 2 แห่ง เปลี่ยนให้ทริปพักผ่อนธรรมดาๆ กลายเป็นวันพิเศษ แบบ DRIVE MY DAY ไปกับ HONDA WR-V

 

• แวะถ่ายภาพที่ ป่าสนเหมืองแร่

ป่าลับ เมืองทับสะแก ที่สวยงามราวกับไปเที่ยวต่างประเทศ เรียกว่าเป็น Unseen ของเมืองนี้ และยังไม่ค่อยมีใครแวะเข้าไปถ่ายภาพมากนัก ด้วยความที่ไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพียงแต่สวยจนโดนใจสายคอนเทนต์ที่รักการถ่ายภาพเอาเสียมากๆ

ที่นี่อยู่ห่างจากอำเภอหัวหินราว 2 ชั่วโมง เป็นถนนสองเลนส์ที่โอบล้อมด้วยป่าสนสองข้างทาง ระยะยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ให้เราได้เสพธรรมชาติสีเขียว พร้อมลมพัดเย็นสบายที่พัดเข้ามาปะทะหน้า ถนนเส้นนี้ เป็นทางเล็กๆ ที่ชาวบ้านใช้สัญจรเข้าไปยังที่พักอาศัย เวลาจอดรถถ่ายภาพอาจจะต้องคอยระวังรถชาวบ้านสักหน่อย แต่ทุกคันจะค่อยๆ ขับผ่านเราไปพร้อมรอยยิ้ม เพราะชินกับการที่มีคนแวะเวียนเข้ามาถ่ายภาพบนถนนเส้นนี้

ซึ่งนี่ก็เป็นจุดแรกที่เราแวะเข้าไปเก็บภาพความประทับใจในยามเย็น ช่วงที่พระอาทิตย์อัสดง จะมีแสงเล็ดลอดออกมาตามช่องว่างของต้นสน จนเกิดเป็นเงาราวกับภาพวาด และแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว แต่ด้วยความที่ไม่พลุกพล่าน ความเงียบสงบ และสวยงามของธรรมชาติก็ฮีลใจเราได้อย่างดี

• นอนพักแบบส่วนตัวที่ THE BLOC AT SEA

ที่พักคืนแรกของเรา อยู่ห่างจากป่าสนเหมืองแร่ไปเพียงแค่ 10 นาที ทริปนี้เรายังคงคอนเซ็ปต์เรื่องความสงบ ไม่พลุกพล่าน ได้ความเป็นส่วนตัว เราจึงเลือกมาพักที่นี่

THE BLOC AT SEA เป็นที่พักเปิดใหม่ในอำเภอทับสะแก ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ ตั้งอยู่ริมชายหาด บรรยากาศส่วนตัวมาก แบ่งห้องพักเป็นสัดส่วน แยกเป็นสองฝั่ง กั้นกลางด้วยสระว่ายน้ำ เดินเข้าไปฝั่งขวาจะเป็นห้อง พรีเมียร์ บีชฟร้อน และมองไปทางซ้ายจะเป็นห้อง ดีลักซ์ บีชฟร้อน และดีลักซ์ บัลโคนี่ บีชฟร้อน

ภายในห้องกว้างขวาง แบ่งสัดส่วนห้องนอน ห้องน้ำ และห้องแต่งตัวไว้ชัดเจน พร้อมดีไซน์ด้วยการเน้นผนังปูนเปลือย ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้อย่างลงตัว ด้านหน้าห้องเป็นประตูกระจกบานเฟี้ยม เพื่อให้เราได้ชมวิว หรือจะเลือกเปิดนั่งรับลมทะเลได้จากภายในตัวห้องพัก

บรรยากาศภายนอก ถ้าใครชอบทะเลต้องบอกว่าเหมาะมาก เพราะคุณสามารถเดินเล่นริมชายหาดได้สบายๆ จะเล่นน้ำทะล หรือพายซับบอร์ดก็ได้ ส่วนใครที่ชอบเล่นน้ำในสระ สระว่ายน้ำที่นี่นอกจากจะวิวดีแล้ว ก็ยังกว้างมากอีกด้วย

คืนแรกเรานอนกันแบบสบายๆ ตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น กินเบรคฟาสต์ที่ห้องอาหาร นั่งมองวิวทะเล ได้เดินริมหาดยามเช้า เคล้ากับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง ก่อนกลับไปอาบน้ำ เก็บของ เพื่อเตรียมกลับเข้าตัวเมืองหัวหิน ถิ่นตากอากาศที่เราคุ้นเคย

ก่อนออกจากอำเภอทับสะแก เราแวะขับรถเล่นที่ถนนเลียบหาด เพื่อไปดูสะพานปลา และแวะเก็บภาพสวยๆ ก่อนเดินทางต่อ โดยระหว่างทาง จากทับสะแก กลับเข้ามาหัวหิน เราจะผ่านกุยบุรี และเราหาข้อมูลมาว่ามีร้านกาแฟอยู่หนึ่งร้านที่บรรยากาศดี น่านั่ง ที่สำคัญกาแฟเขาอร่อย กลมกล่อม ทำให้เราปักหมุดจาก ที่พักที่ทับสะแก ไปแวะที่ร้านกาแฟ MAKE A DAY ก่อน ซึ่งระยะทางตรงนี้ ราว 95 กิโลเมตร และเป็นทางตรงยาว ทำให้เราได้ใช้เทคโนโลยีที่มากับเจ้า HONDA WR-V อย่างเต็มที่ รวมไปถึงการได้ทดสอบสมรรถนะของพาหนะที่เราใช้คันนี้ด้วย

 

ขับสนุก โฉบเฉี่ยว มั่นใจในทุกเส้นทาง

ด้วยขุมพลัง 1.5 ลิตร i-VTEC DOHC 121 แรงม้า ที่ผสานเข้ากับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ช่วยตอบสนองการขับขี่ของเราบนถนนที่ตรงยาวในระยะนี้ ตอบสนองได้ดั่งใจ มั่นใจตลอดการขับขี่ ด้วยช่วงล่างแบบรถเอสยูวียกสูง ที่สำคัญพอได้ขับเจ้า WR-V คันนี้แล้ว ไม่ว่าจะใช้ความเร็วสูงสุดที่กฏหมายกำหนด แล้วสัมผัสได้ถึงความคล่องแคล่วในการขับขี่แล้ว ยังรู้สึกปลอดภัย และมั่นใจยิ่งขึ้น เพราะเขามีระบบ HONDA SENSING ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่ทางฮอนด้าใส่ใจใส่มากับตัวรถ

 

และไม่ว่าเส้นทางในการเดินทางของเราจะไกลแค่ไหน ก็หมดกังวลเรื่องความง่วง หรือความเบื่อหน่ายจากระยะเวลาในการเดินทางไปได้เลย เพราะ ภายใน WR-V มี Features สันทนาการต่างๆ ให้เราเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ของเราเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถได้เพียงปลายนิ้มสัมผัส ทั้งหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียง พร้อมรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto อีกด้วย

 

หลังจากที่เรา แวะจอดหย่อนใจ ไปกับบรรยากาศของคาเฟ่ กับรสชาติของเมล็ดกาแฟในแบบที่เราชอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็สตาร์ทรถเดินทางต่อไปยังจุดหมายของเราในคืนที่สองกันต่ออีก 45 กิโลเมตร โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง

 

• สัมผัสการพักผ่อนที่แตกต่าง ณ RESORT DE PASKANI

ปลายทางในคืนที่สองของเราคือ RESORT DE PASKANI ซึ่งเป็น Hidden Place สุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งใหม่ในหัวหิน เปิดให้บริการการพักผ่อนในรูปแบบที่แตกต่างจากรีสอร์ทอื่นๆ ที่สำคัญเงียบสงบ เป็นส่วนตัวมากๆ เมื่อเทียบกับความศิวิไลซ์ และความพลุกพล่านตามแบบฉบับเมืองหัวหิน

ที่นี่ ถูกออกแบบมาในสไตล์ Coastal Ethnic Chic ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านชาวประมงเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  ภายใต้แนวคิด  White Village by The Sea หรือ “หมู่บ้านสีขาวริมทะเล”

โดดเด่นด้วยโทนสีฟ้า ขาว ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา โดยสีขาวของอาคารเปรียบได้กับหาดทรายขาว และเน้นสีของธรรมชาติ เช่น  สีไม้ซีด สีน้ำตาลของเชือกมนิลา และสีฟ้าน้ำทะเลบนประตูหน้าต่าง

การตกแต่งโดยรอบ มีการแต่งแต้มด้วยสีสดใสบ้างเล็กน้อย เช่น สีแดง สีส้ม สีเหลือง เพื่อทำให้รีสอร์ทดูสดชื่นมีชีวิตชีวามีการเล่นระดับทางเดิน และเปลี่ยนมุมมองต่างๆ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ ทั้งจุดแวะพักนั่งชมวิว ถ่ายรูป  การประยุกต์ใช้วัสดุจากธรรมชาติหรืองานแฮนด์เมดฝีมือคนท้องถิ่น  เช่น ท่อนไม้ เชือก เครื่องจักสาน ผ้าทอมือ เปลือกหอย ปะการัง กิ่งไม้และข้าวของเครื่องใช้ของหมู่บ้านที่อยู่ริมทะเล มาประดับตกแต่งอย่างลงตัว

สำหรับ รีสอร์ท เดอ พาสคานี ให้บริการห้องพักจำนวน 30 ห้อง แบ่งเป็น 7 รูปแบบ ได้แก่   ดีลักซ์ หรือ ดีลักซ์ รูม เทอร์เรส, พูลไซด์, พูลวิว, พูลแอคเซส, โอเชี่ยน วิว, และห้องสวีท พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

สิ่งสำคัญที่เราเลือกมาพักที่นี่ เรายึดคอนเซ็ปต์เดิมคือ ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ยังได้ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพียงพอให้เราไม่ต้องเดินทางออกไปที่ไหนอีก และที่นี่ก็มีทั้งห้องอาหาร Salloon de Paskani ที่อาหารอร่อยมากๆ ในทุกๆ มื้อ ส่วนตอนกลางคืน ยังมี The Bar Talk ที่ให้เราได้นั่งจิบเครื่องดื่ม พร้อมพูดคุยกับผู้ชำนาญการเรื่องเครื่องดื่มของบาร์แห่งนี้ได้ตลอดคืนอีกด้วย

การเดินทางใน 3 วัน 2 คืน สำหรับ Travel Guide ในฉบับนี้ เราสามารถเปลี่ยนให้ทริปพักผ่อนธรรมดาๆ กลายเป็นวันพิเศษ แบบ DRIVE MY DAY ได้ เพราะเราเลือก HONDA WR–V มาเป็นพาหนะในการเดินทางที่สามารถตอบโจทย์ได้ในทุกไลฟ์สไตล์ และทริปหน้าเราจะพาคุณเดินทางไปที่ไหน กับพาหนะคันใด ติดตามได้ในฉบับเดือนตุลาคม