Friendship Caravan Trip 2016 ย้อนรอยอดีตเส้นทางสายไหม เยือนอารยะธรรมชาวไต แม่สาย-เมืองลา-เชียงตุง
เส้นทาง R3B/W ที่ทอดตัวยาวจากแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง-เมืองลา ประเทศเมียนม่าร์ ยังเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่หอมหวานสำหรับนักเดินทางทั่วไป เนื่องจากมีความสวยงาม ธรรมชาติงดงาม และเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งอารยะธรรม รวมทั้งมีความปลอดภัยสูงในรัฐฉาน ซึ่งถือว่าเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดของเมียนม่าร์ รวมทั้งมีความวุ่นวายมากที่สุด เนื่องจากเป็นศูนย์รวมของชนเผ่าต่างๆ มากมายหลายชาติพันธุ์
ทางสมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทย จึงร่วมกับนิตยสารออฟโรด และพ้องเพื่อนเหล่าสมาชิก จัดทริป “ย้อนรอยอดีตเส้นทางสายไหม เยือนอารยะธรรมชาวไต เมืองลา-เชียงตุง” หรือ FRIENDSHIP CARAVAN TRIP 2016 ขึ้นเมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยการนำทีมของแม่โขง เดลต้า ทราเวลฯ โดยคณะทั้งหมด 15 คัน ออกเดินทางจากด่านพรมแดนไทย-พม่า อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งการเดินทางครั้งนี้นอกจากเป็นการท่องเที่ยวแล้ว ยังถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เมียนมาร์อีกด้วย โดยครั้งนี้ได้รับเกียตริจากผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็ก พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานราชการทั้งของพม่าและไทย มาร่วมทำพิธีตีธงปล่อยขบวนคาราวาน ะที่สำคัญการเดินทางครั้งนี้นอกจากเป็นการท่องเที่ยวแล้ว ยังถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เมียนม่าร์อีกด้วย โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการท่าขี้เหล็ก พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานราชการทั้งฝั่งท่าขี้เหล็กและฝั่งไทย มาร่วมปล่อยขบวนคาราวาน ท่ามกลางคณะสื่อมวลชนทั้งจากไทยและเมียนม่าร์ที่มารอรายงานข่างกันมากมายหลายสำนัก
เราไปด้วยภาพบรรยากาศการเดินทางวันแรกที่เมืองลา เขตปกครองที่ 4 ของเมียนม่าร์ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 258 กิโลเมตร แล้วค่อยๆ ย้อนกลับมาเที่ยวที่เชียงตุง ต่อในช่วงบ่ายของวันที่ 12 มีนาคม 2559 ออกเดินทางสู่ท่าขี้เหล็ก ก่อนจะแวะรับประทานอาหารกลางวันที่เชียงตุง และออกเดินทางต่อไปตามเส้นทาง R3B/W ซึ่งปัจจุบันถือว่าถนนหนทางเริ่มมีการพัฒนาและปรับปรุงจนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย แม้แต่รถเก๋งก็สามารถใช้ในการเดินทางได้
แม้บางช่วงจะอยู่ในระหว่างการก่อสร้างก็ตาม ระหว่างทางจะผ่านหมู่บ้านชาวไทลื้อ ชาวเขาเผ่าต่างๆ ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก็จะถึงยังเมืองม้า แหล่งคาสิโนแห่งใหม่ ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลาประมาณ 15 กิโลเมตร และเดินทางต่ออีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็จะเดินทางถึงเขตปกครองตนเองพิเศษที่ 4 พิเศษเมืองลา (Special Region 4) ทที่รัฐบาลพม่าสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการค้าขาย การลงทุน ในเขตปกครองพิเศษ และให้สิทธิในการปกครองตนเองและใช้สกุลเงินหยวน เพราะประชาชนและธุรกิจร้านค้า ส่วนใหญ่เป็นของคนจีนที่มาเช่าพื้นที่เพื่อขายของให้แก่ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมเมืองลา จากนั้นรับประทานอาหารค่ำแบบจีนยูนนาน และเดินชมเมืองยามค่ำคืนที่ตลาดค่ำ และช้อปปิ้งสินค้าที่ซุปเปอร์มาเก็ต อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า ขนมที่นำเข้าจากจีน ชิมอาหารประเภทปิ้งย่างต่างๆ และอาหารพื้นเมือง
เช้าวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2559 ถือว่าเป็นวันท่องเที่ยวอย่างจริงจังตามโปรแกรมในเมืองลา เริ่มจากเดินชมตลาดเช้าของเมืองลา หรือตลาดชายแดน จีน– พม่า ชมวิถีชีวิตชาวไทยลื้อ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นพืชผลที่ได้จากการเกษตร รวมทั้งของป่า หลังจากนั้นก็เคลื่อนขบวนสู่ด่านต้าล่อชายแดนพม่า-จีน พร้อมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฝิ่น และแวะนมัสการพระพุทธรูปยืนบนเจดีย์ชเวจินตอประจำเมือง พร้อมชมวิวเมืองลา ต่อด้วยการแวะไปนมัสการพระนอนเมืองลา ที่สร้างจำลองมาจากเมืองตะนาว
ขบวนทั้งหมดก็ออกเดินทางสู่เมืองเชียงตุงแบบสบายๆ หลังรับประทานอาหารกลางวันที่เมืองลาแล้ว ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงเมืองเชียงตุง เมืองที่มีคำขวัญว่า “เมืองสามจอม เจ็ดเชียง เก้าหนอง สิบสองประตู” เชียงตุงตั้งอยู่ห่างจากเมืองลาประมาณ 93 กว่ากิโลเมตร สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของเชียงตุงก็จะเป็นวัดวาอาราม ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและสมาชิกได้แวะเข้าไปเยี่ยมชม ก็ได้แก่ วัดอินวิหาร วัดจอมตอง พระยืนเมืองเชียงตุง ต้นยางยักษ์ รวมทั้งหนองน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางเมือง อย่างหนองตุง รวมทั้งวัดพระมหาเมียมุณี กว่ากิโลเมตร สถานที่ท่องเที่ยวของเชียงตุงส่วนใหญ่จะเป็นวัดวาอาราม ที่มีชื่อเสียงก็ได้แก่ วัดอินวิหาร วัดจอมตอง พระยืนเมืองเชียงตุง ต้นยางยักษ์ หนองตุง เป็นต้น ก่อนที่ขบวนจะเดินทางเข้าพักที่โรงแรมอเมซิ่งเชียงตุงในช่วงค่ำ
ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2559 ก็เดินชมตลาดเชียงตุง ซึ่งพลาดไม้่ได้กับก๊วยเตี๋ยวหมูทุบอันขึ้นชื่อ ก่อนจะเดินทางกลับมาที่ท่าขี้เหล็กเพื่อนมัสการเจดีย์ชเวดากองจำลอง และแวะช็อปปิ้งหาซื้อสินค้าในร้านปลอดภาษี และข้ามแดนสู่ประเทศไทยในช่วงบ่ายแก่ๆ
พระพุทธรูปปางมารวิชัย พระเศียรทำด้วย ทอง เงิน ทองแดง ลำตัวทำด้วย ทองแดงทั้งองค์ และตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงตุง หลังล่ำลาเมืองเชียงตุงด้วยการพากันไปเดินเที่ยวชม กาดเช้าหรือกาดหลวงเชียงตุง ขบวนทั้งหมดก็เดินทางย้อนกลับสู่ท่าขี้เหล็ก แต่ก่อนจะข้ามแดนสู่ไทย ทุกคนได้แวะนมัสการองค์เจดีย์ชเวดากององค์จำลอง ที่ตั้งอยู่ใจกลางท่าขี้เหล็ก ซึ่งพระเจดีย์แห่งนี้ย่อส่วนลงจากของจริงประมาณ 5 เท่า ตั้งอยู่บนเขาสูงมองเห็นทิวทัศน์ของฝั่งไทยและของพม่าได้อย่างชัดเจน ลักษณะเป็นเจดีย์สีทองทรงระฆังคว่ำ คำว่า “ชเวดากอง” เป็นคำที่ชาวพม่าใช้เรียกเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบนี้ และเนื่องจากชาวพม่ามีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ชาวพม่าจึงนิยมสร้างเจดีย์ชเวดากองเอาไว้แทบทุกเมือง
ปิดท้ายทริปการเดินทางที่แสนสนุกสนาน ด้วยการช็อปปิ้งสินค้ามากมายหลากหลายชนิด อาทิ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า สุรา และไวน์จากต่างประเทศ ที่ร้านปลอดภาษีในจังหวัดท่าขี้เหล็ก และที่ตลาดท่าล้อ ก่อนแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์และมิตรภาพเอาไว้ในความทรงจำ กับทริป ย้อนรอยอดีตเส้นทางสายไหม เยือนอารยะธรรมชาวไต แม่สาย-เมืองลา-เชียงตุง
เรื่อง/ภาพ กองบรรณาธิการนิตยสารออฟโรด