“Fortuner A Leader Journey”
อากาศหนาวเย็นแบบนี้ ทริปการผจญภัยกับกิจกรรมพิเศษๆ ของออฟโรดไลฟ์สไตล์คงพลาดไม่ได้ที่จะพาผู้อ่านทุกท่านเดินทางไปสัมผัสกับอากาศหนาวๆ กันที่ภาคเหนือของประเทศไทยกันอีกครั้ง ครั้งนี้เราจะร่วมเดินทางไปกับทริปสุดพิเศษ ส่งท้ายปลายปีกับ “ฟอร์จูนเนอร์ อะ ลีดเดอร์ เจอร์นี่ย์” ในทริปที่ 5 Exclusive Experience : ประสบการณ์เฉพาะของผู้นำเท่านั้น
การเดินทางในทริปนี้เราออกเดินทางจากกรุงเทพในช่วงเย็นวันศุกร์ด้วยสายการบินนกแอร์ เพื่อไปรวมตัวกันที่จังหวัดลำปาง ก่อนที่จะใช้เส้นทาง ลำปาง-เชียงใหม่ ร่วมๆ 100 กิโลเมตร เป็นเส้นทางสายผู้นำสำหรับทริปนี้ ในคืนที่อากาศหนาวกำลังดีซึ่งสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเท้าที่สนามบินลำปาง ร้านเสบียงคือเป้าหมายของมื้อค่ำ อาหารเมืองหลากหลายสร้างความประทับใจให้กับมือค่ำนี้ได้อย่างดี ร้านเสบียงนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางไม่ไกลนัก โดยขับรถบนถนนสายลำปาง-งาว มุ่งหน้าไปทางถนนพหลโยธิน เลยค่ายสุรศักดิ์มนตรี ไปประมาณ 500 เมตร จะเห็นร้านอาหารเสบียง อยู่ด้านซ้ายมือ เรียกว่าใครไปเมืองลำปางก็ต้องแวะไปชิมอาหารเมืองที่ร้านนี้ เมื่ออิ่มท้องกันแล้วเราก็เดินทางกลับมายังที่พัก แต่ด้วยเวลาที่ยังเป็นช่วงหัวค่ำอยู่ เราจึงออกมาเที่ยวชมเมืองลำปาง หรือเมืองเขลางค์นคร นครแห่งความสุขในยามค่ำคืน
เมืองลำปาง เมืองที่เพียงเวลาสองทุ่มก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงรถเครื่องวิ่งผ่านไปมาไม่ถี่นัก แต่บางมุมของเวลานั้นก็ยังซ่อนสีสันความสนุกสนานเอาไว้ ร้านรวงบางร้านยังเปิดให้คนนอนดึกได้ไปร่ำสุรา และขยับแข้งขากันได้ แต่ถ้าไม่อยากดื่ม ก็มีหนึ่งร้านโรตีขึ้นชื่อตรงแถวแยกโรงฆ่าสัตว์ เราเรียกรถเวียง (รถเมือง) แบบเดียวกับรถแดงที่เชียงใหม่ ต่างกันตรงที่ลำปางนี้เป็นสีเหลืองเขียว ราคาค่าโดยสารก็ถูกกว่ามาก จากโรงแรมนั่งไปไม่นานก็ถึง ตลอดสองข้างทางเราจะเห็นได้ว่าประตูบ้านและร้านค้าปิดหมดเสียแล้ว แต่เมื่อไปถึงหน้าร้าน ก็พบว่ายังมีคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นเหมือนพวกเราอยู่ เพราะหน้าร้านโรตีมีคนนั่งรอจำนวนมาก อาจเป็นเพราะเจ้าของร้านค่อยๆ ละเมียดละไมทำทีละแผ่น ร้านก็เป็นร้านไม่ใหญ่มาก มีพ่อแม่ลูกทำกันเป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว แต่แม้ว่าจะต้องนั่งรอนานสักหน่อย เราก็รอ เพราะมาถึงที่นี่แล้วต้องลองชิมให้ได้ เราสั่งเมนูโรตีธรรมดาๆ แต่มีให้เลือกระหว่างแป้งหนา แป้งบาง ก็เลยเลือกสั่งทั้งสองแบบ นั่งคุยกันเพลินๆ เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงนิดๆ เราก็ได้ลิ้มรสชาติของโรตี ซึ่งต้องบอกว่า แม้จะเป็นโรตีใส่ไข่ ใส่นมธรรมดา แต่เนื้อแป้งกลับไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะมีความหอม นุ่ม ที่สำคัญเราได้นั่งทานโรตีกับกลุ่มเพื่อนสนิท ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกของเมืองลำปาง หรือเขลางค์นคร เมืองแห่งความสุขที่ไม่หมุนไปตามกาลเวลาแห่งนี้ ก่อนที่เราจะกลับไปเข้านอนเพื่อเตรียมตัวสำหรับเช้าวันใหม่ของทริปนี้
วันที่สองนี้เราเริ่มเช้าวันใหม่กันแต่เช้าตรู่ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่ากรุงเทพฯ เกือบครึ่งหนึ่ง ที่ประมาณ 15 องศา เรียกได้ว่าแค่พูดก็ควันออกปากแล้ว ซึ่งเช้านี้เราออกจากโรงแรมกันเวลาหกโมงเช้าเพื่อไปรวมตัวกับเพื่อนร่วมเดินทางอีกจำนวนมากที่ศูนย์โตโยต้า นอร์ทเทิร์น จังหวัดลำปาง บรรยากาศเช้าวันนั้นเป็นไปอย่างครึกครื้น สมกับเป็นทริปปิดท้าย “โตโยต้า” เพราะจัดขึ้นได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อเปิดประสบการณ์เดินทางที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ “ชาคริต แย้มนาม” ฟอร์จูนเนอร์ พรีเซนเตอร์ ผู้นำที่พาผู้ร่วมทริปเดินทางไปพร้อมไฮไลท์สุดพิเศษในแต่ละทริป พิเศษเฉพาะลูกค้าฟอร์จูนเนอร์เท่านั้น ผู้ร่วมทริปได้พบกับลีดเดอร์ประจำทริปที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ที่ทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยบันทึกความประทับใจแห่งผู้นำ และได้สัมผัสความสุขแห่งการเป็นเจ้าของโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ อย่างแท้จริง
ซึ่งการเดินทางบนเส้นทางลำปาง-เชียงใหม่นี้ เป็นระยะทางราวเกือบ 100 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นลงเขา เราจะได้เห็นขบวนรถฟอร์จูนเนอร์เรียงกันเป็นแถวยาวสวยงาม โดยผู้นำทริปอย่าง “ชาคริต แย้มนาม” ได้พาคณะผู้ร่วมทริปเดินทางออกจากโชว์รูมโตโยต้านอร์ทเทิร์น จ.ลำปาง ตั้งแต่เช้าตรู่ โดยจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวในทริปนี้คณะผู้ร่วมทริปได้สัมผัสกับความน่ารักแสนรู้ของช้าง ณ ปางช้างแม่สา จ.เชียงใหม่
เมื่อไปถึงเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยอ้อมกอดของช้างสองเชือกที่ยืนต้อนรับราวกับเป็นพนักงานต้อนรับประจำโรงแรมที่เราคุ้นชินกัน หลังจากนั้นเราก็ได้ชมการเตะฟุตบอลจากช้างน้อย และไฮไลท์เด็ดคือการวาดภาพพร้อมเขียนอักษร “Fortuner” ประกอบภาพรถยนต์ที่ช้างน้อยสามารถวาดออกมาได้อย่างน่าเอ็นดู ซึ่งน่าทึ่งมากๆ ที่ช้างสามารถวาดและเขียนอักษรได้อย่างสวยงามและถูกต้อง นอกจากนี้ยังปิดท้ายความน่ารักและความประทับใจด้วยการให้ทุกคนได้ขึ้นขี่หลังช้างเที่ยวรอบปาง ภาพที่ออกมาจึงเป็นขบวนช้างที่เข้าแถวเดินเรียงกันสวยงาม
ซึ่งปางช้างแห่งนี้ ทางสถาบันกินเนสส์ ประเทศอังกฤษ ได้ยกย่องภาพกลุ่มของปางช้างแม่สา ให้เป็น “ภาพวาดโดยกลุ่มศิลปินช้าง ที่มีราคาที่แพงที่สุดในโลก” ซึ่งปัจจุบันปางช้างแห่งนี้มีช้างทั้งหมด 73 เชือก และเป็นปางช้างแห่งแรก ในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 version 2008 เนื่องจากมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอปางช้างยุคใหม่ที่นักท่องเที่ยวสามารถ สัมผัสได้ถึงการดูแลเอาใจใส่ที่ดีต่อ ช้างทุกเชือกและมีความมั่นใจว่าช้างทุกเชือกอยู่อย่างอิ่มท้องและมีความสุข พร้อมทั้งยังมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ ความสามารถและความฉลาดของช้างไทยรวมทั้งส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปตระหนักถึง ความสามารถของช้างไทย
หลังจากนั้นในช่วงบ่ายได้พาผู้ร่วมทริปเดินทางไปยังศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่สาใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนม้งขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ซึ่งการเดินทางไปยังศูนย์พัฒนาครั้งนี้ ทางโตโยต้าและผู้ร่วม ทริปยังได้นำมอบชุดอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แด่ หมู่บ้านม้งแม่สาใหม่ และยังได้ร่วมแชร์ประสบการณ์กับช่างภาพมืออาชีพอย่าง “คุณสรกฤต พงษ์ดี” พร้อมทั้งโพสต์ท่าสวยๆ ให้กับช่างภาพมืออาชีพได้บันทึกภาพแห่งความประทับใจ กิจกรรมบนนั้นเป็นไปอย่างคึกครื้น ท่ามกลางรอยยิ้มแห่งการรอคอยที่ปรากฏบนใบหน้าของชาวบ้านทุกคน เด็กๆ เตรียมการแสดงเต้นรำรอพวกเรา มีการแจกของรางวัลหลังจากได้ร่วมกันเล่นเกมเสร็จ มีการมอบของจากทีมฟอร์จูนเนอร์ สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมเดินทางทุกคน และสร้างความประทับใจให้แก่คนในหมู่บ้านอีกด้วย
และในค่ำคืนสุดท้ายก่อนที่จะหลับใหลไปในที่พักที่เต็มไปด้วยความเป็นล้านนาอย่างวีรันดา ไฮค์ รีสอร์ท ต้องบอกเลยว่าทีมงานมีการจัดเตรียม “กาดมั่ว” หรือตามตำนานตั้งแต่สมัยนานนมดล่าว่า “กาดมั่ว” เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นำของมาขาย มีอายุประมาณ 200-300 ปี โดยมีการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษมาจนถึงปัจจุบัน ลักษณะของกาดมั่วเป็นกาด ( ตลาด ) ในชุมชนที่มีขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ชาวบ้านจะนำผลผลิตทางการเกษตรมาขาย พ่อค้าวัวต่างจะนำไม้ขีด เกลือ ซึ่งเป็นสินค้าที่หายากทางภาคเหนือมาขาย ภาพของกาดมั่วจึงเป็นตลาดในช่วงเช้าตั้งแต่ตีห้า มาจนถึงเวลาช่วงสายๆ ของวัน
ลักษณะกาดไม่ค่อยมีแบบแผนสักเท่าใดนัก เป็นกาดแบบชาวบ้านๆ อุปกรณ์ที่จะใช้จะมี เปี้ยด ซ้า บุง ก๋วย หาบของมาขายรวมกัน ใช้จ้อง ( ร่ม ) สีแดงขนาดต่างๆ ทั้งใหญ่และเล็กในการกันแดด ของที่ใช้บรรจุห่อ มีตองกล้วย ตองตึง ผักผลไม้ที่นำมาขายมีหลายอย่าง เช่น ผักหวาน ผักกาดจ้อน ผักหละ ผักแหละ ผักฮี้ ผักเฮือด ผลไม้ก็มีอย่างพวก บ่าผาง บ่าหลอด บ่าขามป้อม และผลไม้พื้นบ้านทุกอย่าง ส่วนอาหารที่ขายจะเป็นอาหารประเภท แกง คั่ว ยำ จี่ ปิ้ง นึ่ง ป่าม อ็อก เช่น ขนมเส้น ปลาหลาม ไข่อ่อง ยำจิ้นไก่ แกงผักหวาน แอบปลา แอบจิ้น แอบอ่องออ ไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกต๋าแดง น้ำพริกแมงดา น้ำพริกฮ้าใส่บ่ากอก น้ำพริกน้ำปู๋ น้ำพริกอ่อง ( น้ำพริกบ่าเขือส้ม ) จิ้นส้มปลาส้ม ในส่วนขนมก็มี ขนมปาด ขนมวง ขนมจ้อก ขนมข้าวต้ม และขนมเกลือ
และระหว่างค่ำคืนอันแสนพิเศษนี้ทางโตโยต้าก็ได้จัดเตรียมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของชาวล้านนาไว้ให้กับลูกค้า และสื่อมวลชนที่ร่วมทริปทุกท่านได้รู้สึกประทับใจไปกับความงดงามแห่งล้านนา พร้อมร่วมกันลอยโคมก่อนที่จะกลับไปนั่งรับประทานอาหารค่ำภายใต้แสงเทียนท่ามกลางเสียงเพลงเพราะๆ จากดีว่าชื่อดัง “แอม เสาวลักษณ์” ที่มาเปิดมินิคอนเสิร์ตเพื่อสร้างสีสันแห่งความสุขเป็นการปิดท้ายทริปสุดท้ายปลายปีของกิจกรรม “ฟอร์จูนเนอร์ อะ ลีดเดอร์ เจอร์นี่ย์” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร ออฟโรด : www.grandprix.co.th/offroadmagazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ไดที่ www.grandprix.co.th
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.