โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) รวมพลังในการผลิตรถ Ford ด้วยกระบวนการ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จนสามารถฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลก ด้วยความสำเร็จในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในหลายๆเรื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา
จากวิสัยทัศน์ในการดำเนินการธุรกิจในประเทศไทยด้วยความเอาใจใส่ เพื่อประโยชน์สุขของคนรุ่นหลัง และโลกที่พวกเขาจะได้รับเป็นมรดกสืบทอดต่อไป Ford ได้ลงทุนอย่างมหาศาลในการดำเนินงานในประเทศไทยเพื่อให้มั่นใจว่าระบบการผลิตระดับโลกของบริษัทจะแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลก
ปัจจุบันประชากร 3,200 พันล้านคนหรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของประชากรโลกกำลังประสบปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศอย่างต่อเนื่อง เช่น การขาดแคลนน้ำดื่มที่สะอาด และปลอดภัย ซึ่งปริมาณน้ำทั้งหมดบนโลกใบนี้ มีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่มนุษย์สามารถบริโภคได้ โดยต้องปันส่วนกันกับคนอื่นๆ อีกเกือบ 8,000 ล้านคน
เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา Ford จึงมุ่งมั่นที่จะลดการใช้น้ำต่อการผลิตรถยนต์หนึ่งคันลงได้อย่างน่าทึ่งถึงร้อยละ 72 แม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวจะเป็นที่น่าพอใจ แต่ Ford ก็ยังพยายามทำสิ่งต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นด้วยการตั้งเป้าหมายระยะยาว ในการลดการใช้น้ำประปาในกระบวนการผลิตให้เหลือศูนย์
การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของ Ford ในประเทศไทย ยังมีเป้าหมายที่มากไปกว่าการใช้น้ำ โดยในการจำกัดปริมาณสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) และการปล่อยสารเคมีจากห้องพ่นสีนั้น Ford สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างน่าชื่นชมเพียง 25.1 กรัมต่อตารางเมตรในไตรมาสแรกของปี 2564 และนับตั้งแต่ปี 2556 โรงงานเอฟทีเอ็ม ได้ยกเลิกการกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ โดยจะทำการคัดแยกขยะทุกประเภทภายในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นขยะที่เกิดจากโลหะ บรรจุภัณฑ์ วัสดุที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต แท่นรองรับบรรจุภัณฑ์ชนิดทำจากไม้ ขยะทั่วไปและขยะอันตราย เพื่อส่งไปรีไซเคิล และส่งต่อไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง
นอกจากความสำเร็จของโรงงานเอฟทีเอ็ม ในการใช้น้ำต่อการผลิตรถยนต์หนึ่งคันที่ลดลงถึงร้อยละ 44 ยังมีความสำเร็จอื่นๆ อีกในกระบวนการผลิตตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งการลดขยะอันตรายลงกว่าร้อยละ 40 ลดปริมาณขยะทั่วไปต่อการผลิตรถหนึ่งคันลงร้อยละ 14 ลดปริมาณสารระเหยที่ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ลงร้อยละ 28 และการใช้พลังงานต่อการผลิตรถหนึ่งคันในอัตราที่ดีขึ้นถึงร้อยละ 21
โรงงานเอเอที ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีการลงทุนขนาดใหญ่ในด้านพลังงานแสงอาทิตย์ (ระบบแผงโซลาร์เซลล์ 11,000 แผง ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 5 เมกะวัตต์) ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 1 ใน 4 (ร้อยละ 28) ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในแต่ละวัน ซึ่งช่วยเสริมการผลิตที่ AAT ให้เป็นไปอย่างยั่งยืน
อังเดร คาวาลาโร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มตลาดนานาชาติ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าวว่า “Ford มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นหลัง และปฏิบัติตามแนวทางที่เคร่งครัดของ Ford ซึ่งมักจะเข้มงวดกว่าข้อกำหนดของหน่วยงานในท้องถิ่น การดำเนินงานของเรายังคงมุ่งเน้นไปที่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และคาดว่าจะขยายขอบเขตการใช้แหล่งพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในการรีไซเคิลน้ำจากกระบวนการผลิตในแต่ละวันของเราอย่างต่อเนื่อง”
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: ฟอร์ด ประเทศไทย
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.