Ford Escape ST-Line เพิ่มความสดใหม่ด้วยตัวเลือก 3 เกรด
รถคอมแพกต์เอสยูวี Ford Escape รุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นเจเนเรชันที่ 4 ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 ได้รับการปรับโฉมใหม่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้มาพร้อมกับการปรับเพิ่มความสดใหม่หลายส่วนของรถ รวมทั้งยังถูกเพิ่มเกรดสปอร์ต ST-Line มาให้เลือกถึง 3 เกรด
Ford Escape ST-Line มีให้เลือก 3 เกรดประกอบด้วย ST-Line พื้นฐานซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ EcoBoost 1.5 ลิตร 180 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ก็มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นออฟชันให้เลือก ส่วนอีก 2 เกรดของ ST-Line คือ ST-Line Select และ ST-Line Elite มาพร้อมกับเครื่องยนต์ EcoBoost 2.0 ลิตร มีกำลัง 250 แรงม้า โดยที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยนอกจากเครื่องยนต์สันดาปปกติแล้ว Escape ST-Line ทั้งหมดมีระบบไฮบริดเป็นออฟชันให้เลือก
Escape เกรด ST-Line ทั้งหมดจะมีความสปอร์ตแตกต่างจากเกรดอื่นด้วยอุปกรณ์ภายนอกอย่างการใช้ Mesh ลายรังผึ้งสีดำเฉพาะสำหรับ ST-Line ทั้งที่กระะจังหน้าและช่องดักอากาศที่กันชนหน้า มีแผ่นกระกระแทกด้านหลังเฉพาะ รวมทั้งมีสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ นอกจากนี้คิ้วแต่งซุ้มล้อยังเป็นสีเดียวกับตัวรถเพื่อให้รถดูมีพลังมากขึ้น โดยมีล้ออลูมินัมขนาด 18 นิ้วสี Rock Metallic เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในเกรด ST-Line พื้นฐานและ ST-Line Select ส่วน ST-Line Elite มาพร้อมกับล้ออลูมินีมขนาด 19 นิ้ว Machine-Faced Ebony
ส่วนในห้องโดยสารของ Escape ST-Line เน้นความสปอร์ตด้วยการใช้วัสดุสีดำ Ebony รวมทั้งเดินด้ายสีแดงตามส่วนต่างๆ ทั้งแผงปนะตู เบาะ ที่ท้าวแขนระหว่างเบาะหน้า พรมปูพื้น และพวงมาลัยซึ่งเป็นทรงท้ายแบน
ในขณะที่การปรับโฉมของ Escape ทำให้รถทุกเกรดมาพร้อมกับไฟหน้า LED ใหม่พร้อมไฟซิกเนเจอร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดย Escape บางเกรดรวมทั้ง ST-Line ทุกเกรดจะมีแถบไฟ LED ยาวเชื่อมต่อระหว่างไฟหน้าทั้ง 2 ฝั่ง ขณะที่ภายในห้องโดยสารเบาะหลังของรถที่สามารถเลื่อนได้ถึง 6 นิ้วเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลังหรือเพิ่มพื้นที่ช่วงขาของผู้นั่งเบาะหลัง รวมทั้งมีจอตรงกลางขนาด 13.2 นิ้ว ซึ่งระบบ Infotainment SYNC4 มาพร้อมกับระบบนำทางบนพื้นฐานจากคลาวด์ ส่วนจอแสดงข้อมูลผู้ขับแบบดิจิตอลมีขนาด 12.3 นิ้ว และมีแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายมาให้ใช้
Escape รุ่นปรับโฉมยังเต็มไปด้วยระบบช่วยขับต่างๆ อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน ระบบเบรกเมื่อมีรถผ่านด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ระบบช่วยเบรกเมื่อถอยหลัง รวมไปถึงเซ็นเซอร์หลังช่วยจอดรถ และกล้องมองภาพ 360 องศารอบตัวรถ
ส่วน Escape รุ่นปรับโฉมที่มาพร้อมกับระบบปลั๊กอินไฮบริดจะมีระยะการเดินทางโดยใช้เฉพาะไฟฟ้า 60 กิโลเมตร มีช่องชาร์จไฟกระแสสลับ Level 1/Level 2 โดยหากชาร์จไฟ 110-Volt Level 1 จะใช้เวลา 10-11 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จไฟ 240-Volt Level 2 จะใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง
ทาง Ford จะเริ่มส่ง Escape ใหม่ไปตามดีลเลอร์ในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2023 แต่เปิดรับออร์เดอร์แล้วตั้งแต่ตอนนี้
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.