Driver state monitoring …..สเต็ปต่อไปสำหรับความปลอดภัยในการใช้รถยนต์
วิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์นั้น นอกจากจะเพื่อเสริมสร้างให้รถยนต์มีสมรรถนะที่สูงขึ้น และมีความสมบูรณ์แบบทางด้านการใช้งานแล้ว เทคโนโลยีสำหรับส่วนอื่นๆ มันก็ยังมีความเกี่ยวเนื่องกันไปทั้งหมดอีกด้วย และเมื่อความปลอดภัยมันเป็นเรื่องใหญ่ การนำเอาเทคโนโลยีที่หลากหลายมาเกี่ยวข้องเชื่อมต่อกันจึงเกิดขึ้น ต่อไปไม่เพียงแต่มนุษย์จะสามารถเลือกรถยนต์ได้เท่านั้น รถยนต์เองมันก็สามารถที่จะถูกกำหนดมาให้เลือกมนุษย์ที่จะขับมันได้ด้วย Driver state monitoring ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจด้วยเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัย…….
ปัจจุบันรถยนต์ถือเป็นยานพาหนะที่มีบทบาทสำคัญ เพราะเป็นพาหนะหลักในการเดินทางสำหรับผู้คนเพื่อไปทำงาน ทำธุระหรือเดินทางพักผ่อน ด้วยความสะดวกและความจำเป็นตรงนั้นทำให้รถยนต์เป็นยานพาหนะที่ได้รับการพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีให้กับมันอย่างมากมาย
เหตุผลในการพัฒนารถยนต์ในช่วงแรก จะเน้นไปที่การเสริมสร้างสมรรถนะให้รถยนต์คันนั้น เป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะที่สูงหรือดีขึ้นจากรุ่นก่อน เพราะมองเห็นการใช้งานรถยนต์แค่เพียงผู้ขับขี่ ผู้โดยสารเท่านั้น และตัวของรถยนต์เองก็เป็นเพียงสิ่งตอบสนองให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเท่านั้น ในเรื่องของการใช้งาน เปรียบไปแล้วมันก็เป็นเพียงเครื่องจักรที่ทำงานตามหน้าที่เท่านั้น
แต่มุมมองนี้กำลังจะเปลี่ยนไป เพราะการพัฒนารถยนต์มันผนวกเอาเทคโนโลยีหลายรูปแบบเข้ามาไว้ในตัวของมัน จากเดิมแต่ก่อนที่ใช้เพียงกลไกในการบังคับควบคุม แต่ปัจจุบันระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้มีบทบาทในรถยนต์อย่างมากแบบที่ปฏิเสธไม่ได้ การเข้ามามีบทบาทของระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ทำให้มันสามารถที่จะเชื่อมต่อกับสิ่งอื่นได้ นอกจากผู้ขับขี่และผู้โดยสารเท่านั้น มันถูกพัฒนาให้ติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นที่อยู่ห่างไกลออกไป แถมมันยังสามารถรับคำสั่งและปฏิบัติตามจากบุคคลหรือสิ่งที่อยู่ระยะไกลโดยการเชื่อมต่อกันของระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจัยของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารไร้สายนั่นเอง
มีหลายเทคโนโลยีที่ใช้การติดต่อสื่อสารไร้สาย มารวมกับการรับและไม่รับคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยการประมวลผลของระบบอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับการตัดสินใจของคนหรือแบบอัตโนมัติ ซึ่งในวันนี้มีตอบสนองมากขึ้นในหัวข้อของความปลอดภัย ซึ่งความปลอดภัยนี้อาจจะไม่ได้เป็นเพียงแต่ความปลอดภัยจากอุบัติเหตุเท่านั้น มันอาจจะให้ผลกระทบกับชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกด้วย ก็เป็นได้ในบางกรณี แต่ความปลอดภัยที่เพิ่มเติมเข้ามาจากส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีนี้ก็คือ ความปลอดภัยต่อตัวรถนั่นเอง ซึ่งนั่นก็เป็นผลพลอยได้ที่มีประโยชน์เช่นกัน
เทคโนโลยี Driver state monitoring ประกอบไปด้วยรายละเอียดที่หลากหลาย ซึ่งจะอาศัยการเชื่อมต่อของเทคโนโลยีหลายส่วน ทั้งที่อยู่ภายในรถและนอกรถมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือให้มันทำหน้าอิสระต่อกันก็ได้ อยู่ที่ว่าจะวางรูปแบบของหน้าที่มันเอาไว้ตรงไหน คราวนี้เราจะหยิบยกเอาแบบหนึ่งของเทคโนโลยีนี้มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นมาใช้ในรถยนต์ต้นแบบของ ฮุนไดมอเตอร์ (HYUNDAI) และเกีย (KIA) ตรงนี้คือการนำเอามาเป็นตัวอย่างหนึ่งเพราะมีการพัฒนาอยู่ในหลายค่าย
สำหรับการพัฒนาใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อความปลอดภัย จะมีการเริ่มต้นตั้งแต่การตรวจสอบผู้ที่จะมาทำการขับขี่รถ โดยรายละเอียดการตรวจสอบใช้ระบบกล้องจับภาพในรถ ซึ่งอาจจะมีการติดตั้งไว้ในที่ซึ่งสามารถจับภาพใบหน้าของผู้ที่มานั่งในตำแหน่งขับขี่ได้อย่างชัดเจน อย่างเช่นที่คอพวงมาลัย ซึ่งกล้องจับภาพนี้จะส่งภาพไปยังมอนิเตอร์ที่อาจจะมีหรือไม่ในรถยนต์ เพื่อให้ผู้ขับขี่เห็นหรือไม่เห็น โดยมีการประมวลลักษณะของภาพที่จับคือ ใบหน้าของผู้ขับขี่ว่าถูกต้องกับที่ได้มีการบันทึกเอาไว้ในการเซ็ตอัพหรือไม่
จุดที่กล้องจับภาพและประมวลผลโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ก็คือ ลักษณะของดวงตา จมูก ปาก ผิวหน้าและการแสดงอารมณ์บนใบหน้า โดยที่ข้อมูลที่ได้มันก็ถูกนำไปใช้ได้หลายอย่าง ตั้งแต่การโปรแกรมให้เครื่องยนต์หยุดการทำงาน หรือเริ่มการทำงานไม่ได้ถ้าคนขับขี่ไม่ใช่คนที่มีรายละเอียดอยู่ในโปรแกรม มันสามารถป้องกันการโจรกรรมได้ในทางเลือก ซึ่งดีกว่าการระมัดระวัง หรือติดตั้งสัญญาณที่ควบคุมจากภายนอก โดยที่ข้อมูลที่ได้ยังสามารถสื่อสารส่งไปยังแหล่งที่ต้องการที่ตั้งเอาไว้ในโปรแกรมอย่างเช่น บริษัทรถยนต์หรือสถานีตำรวจ หรือหน่วยงานทางราชการเกี่ยวกับการโจรกรรม ซึ่งเมื่อรวมกับเทคโนโลยีการบอกตำแหน่งของรถยนต์ก็สามารถติดตามรถได้ และเมื่อรวมกับเทคโนโลยีรับส่งข้อมูลไร้สายก็สามารถหยุดรถได้จากระยะไกล และจากเดิมที่เราเคยรับรู้ได้แต่เพียงว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหน ขับขี่ในลักษณะอย่างไรเช่นรถขนส่งสินค้าหรือรถขนส่งสาธารณะทำผิดกฎจราจร และขับขี่ไม่สุภาพถึงจะมีข้อมูลการขับขี่อย่างไร แต่ถ้าไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นคนขับ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ มันก็จะถูกกำจัดลงไปเพราะมันสามารถที่จะดูภาพที่ส่งกลับมาหรือถูกบันทึกเอาไว้ได้
จากเทคโนโลยีนี้ที่รวมเอาหลากหลายเทคโนโลยีมาร่วมกันทำงาน และผสมผสานคุณสมบัติเข้าด้วยกัน มันยังสามารถที่จะทำให้รถยนต์มีความสะดวกสบายมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และที่สำคัญเป็นจุดทางแยกของการพัฒนา ซึ่งไม่แน่ว่าต่อไปรถยนต์มันอาจจะถูกพัฒนาให้คิดได้เอง โดยที่ไม่ต้องรอการประมวลผลหรือคำสั่งจากโปรแกรมหรือในระยะไกล เพราะบางครั้งการใช้พื้นฐานของการจับภาพใบหน้าถูกแก้ไขให้มีทางเลี่ยงได้
สุดท้ายความปลอดภัยมันต้องย้อนกลับมาที่วินัย และจิตสำนึกของผู้ขับขี่และใช้รถยนต์เป็นสุดยอดเทคโนโลยีแห่งความปลอดภัยอย่างแท้จริง ไม่ต้องรอการพัฒนาในวันข้างหน้าที่ยาวนาน แต่พัฒนาและลงมือปฏิบัติได้ในทันทีด้วยตัวของเราเองตั้งแต่วันนี้……
เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร ออฟโรด : www.grandprix.co.th/offroadmagazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ไดที่ www.grandprix.co.th
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.