เผยโฉม Chevrolet Blazer EV รถอเนกประสงค์พลังไฟฟ้าจากแดนมะกัน พร้อมรุ่นตัวแรงในรหัส ‘SS’
Chevrolet เผยโฉมรถเอสยูวีไฟฟ้า Blazer EV ออกมาซึ่งมีครบทุกการขับเคลื่อนทั้งด้วยล้อหน้า ล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ รวมทั้งยังมีรุ่นแรง SS มาให้เลือก ซึ่งเป็นครั้งแรกในเวลาเกือบ 20 ปีที่รถเอสยูวีจาก Chevrolet มีรุ่น SS ออกมา รวมทั้งยังเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกที่มีรุ่น SS ให้เลือก
Chevrolet Blazer EV มี 4 รุ่นให้เลือกคือ 1LT, 2LT, RS และ SS ซึ่งนอกจากมีการแต่งที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น อย่างรุ่น LT มีตัวรถภายนอกสีโมโนโครมพร้อมล้อขนาด 19 นิ้ว ส่วนรุ่น RS มาพร้อมกับความสปอร์ตมากขึ้นด้วยกระจังหน้าสีดำ แต่งด้วยวัสดุสีดำเงา มีสเกิร์ตข้าง มาพร้อมล้อขนาด 21 นิ้วรวมทั้งมีโลโก้ Bowtie เป็นไฟสว่างพร้อมแถบไฟตรงกลาง ในขณะที่รุ่น SS ถูกเสริมความสปอร์ตเพิ่มขึ้นด้วยหลังคาและเสา A-Pillar สีดำ ติด Splitter ใต้กันชนหน้า มีล้อขนาด 22 นิ้วพร้อมระบบเบรก Brembo ที่ล้อหน้าแล้ว Blazer EV แต่ละรุ่นยังมีกำลังขับเคลื่อนและระยะการเดินทางที่แตกต่างกันด้วย
Blazer EV SS ซึ่งเป็นรุ่นที่กำลังขับเคลื่อนมากที่สุดมาพร้อมกับมอเตอร์ที่ให้กำลัง 565 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 878 นิวตัน-เมตร พร้อมมีโหมด Wide Open Watts ซึ่งจะทำให้รถเอสยูวีพุ่งทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ด้วยเวลาไม่ถึง 4 วินาที
Blazer EV ทุกรุ่นมาพร้อมกับช่องชาร์จที่บริเวณซุ้ทล้อของรถซึ่งจะเปิดอัตโนมัติเมื่อกดลงไป โดยทาง Chevrolet ระบุว่านักออกแบบของตนให้ความใส่ใจในส่วนนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ใช้รถจะใช้งานส่วนนี้มากกว่าฝาปิดช่องเติมน้ำมันของรถทั่วไป จึงต้องทำให้เปิดสะดวกได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับระยะการเดินทางต่อการชาร์จทางผู้ผลิตระบุว่า Blazer EV 1LT เดินทางได้ 398 กม. ส่วน 2LT เดินทางได้ 472 กม. สำหรับ RS เดินทางได้ 515 กม. และ SS เดินทางได้ 467 กม. โดยรถทั้งหมดรองรับการชาร์จไฟ 11.5 kW Level 2 และการชาร์จเร็ว 190 kW ซึ่งจะทำให้สามารถเดินทางได้ 126 กิโลเมตรด้วยการชาร์จไฟ 10 นาที
Blazer EV ยังมีหลากหลายการขับเคลื่อนให้เลือก โดยรุ่น 1LT และ 2 LT มีการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมกับมีระบบขับเคลื่อนด้วยทุกล้อให้เลือก ในขณะที่ RS มีระบบขับเคลื่อนมาตรฐานให้เลือกทั้งด้วยล้อหน้าหรือล้อหลังรวมทั้งมีการขับเคลื่อนด้วยทุกล้อเป็นออฟชันให้เลือก ส่วน Blazer EV SS มีระบบขับเคลื่อนด้วยทุกล้อเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ส่วนในห้องโดยสารของ Blazer EV ทุกรุ่นมาพร้อมกับจอแสดงข้อมูลผู้ขับขนาด 11 นิ้ว และจอระบบ Infotainment ขนาด 17.7 นิ้วที่ทำมุมเอียงเข้าหาผู้ขับ ในขณะที่การแต่งห้องโดยสารถูกระบุว่ามีสไตล์ Heritage-inspire จึงมีการออกแบบส่วนต่างๆ เป็นวงกลมอย่างช่องระบบปรับอากาศ นอกจากนี้ยังมีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Super Cruise ที่ทำให้ผู้ขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ในถนนที่รองรับการทำงาน
อย่างไรก็ตามแม้จะเปิดตัวออกมาในช่วงนี้ซึ่งเป็นกลางปี 2022 แต่กว่า Chevrolet จะขาย Blazer EV ก็เริ่มในช่วงฤดูร้อนปี 2023 กับรุ่น 2LT และ RS ก่อน ตามด้วยรุ่น SS ในช่วงปลายปี 2023 ขณะที่รุ่น 1LT ซึ่งมีราคาถูกที่สุดต้องรอถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2024
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.