น้ำมันเบรกมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเช่นเดียวกัน ตามเวลา ระยะทางหรือ ความต้องการ เพราะการใช้งาน ความร้อนอุณหภูมิสูง จากการเบรก เสียดสีถูกถ่ายทอดมายังน้ำมันเบรก สภาพแวดล้อม ความชื้นในอากาศ สะสมตัวผสมอยู่ในน้ำมันเบรก ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทนแรงดันและอุณหภูมิสูงได้น้อยลง น้ำมันเบรกเดือด เหยียบจม เบรกหาย หรือที่เข้าใจว่า เบรกแตก
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามกำหนด แต่ว่าวิธีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกนั้น คือเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ วิธีการแบบเดิมที่ใช้การคลายน็อตเปิดวาล์วไล่ลม แล้วเหยียบแป้นเบรก ย้ำหลายๆ ครั้ง พร้อมกับเติมน้ำมันเบรกใหม่เข้าไปทดแทนด้วย เพื่อป้องกันการแทรกตัวของอากาศ จนกระทั่งน้ำมันเบรกเก่าออกจนหมดนั้น เป็นวิธีการที่ยังใช้ได้ แต่มันมีผลกับชิ้นส่วนภายในระบบ
เมื่อเหยียบแป้นเบรก ลูกสูบเบรกจะเคลื่อนที่ ซึ่งหากเป็นการทำงานปกติระยะของการเคลื่อนตัวของลูกสูบเบรกจะไม่มาก แต่ในขณะที่ไล่น้ำมันเก่าออกมีการคลายน็อตไล่ลมให้น้ำมันเบรกเก่าออกมา ลูกสูบจะเคลื่อนที่ในระยะที่มากขึ้นกว่าปกติ นอกจากการเสียดสีที่จะเกิดขึ้นระหว่างลูกสูบและกระบอกสูบในแม่ปั๊มเบรกแล้ว ซีลยางก็อาจจะเกิดการรั่วได้จากการเคลื่อนที่ อาจส่งผลต่อการรั่วของแรงดันในระบบเบรกได้
เราสามารถที่จะเลือกวิธีการเปลี่ยนน้ำมันเบรกด้วยตัวช่วยอย่างเครื่องมือสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ หรือแบบที่สร้างขึ้นเอง แต่ไม่ว่าแบบไหนจะลดปัญหาการเกิดผลกระทบต่อชิ้นส่วนภายในระบบเบรกลงได้เยอะ เพราะการทำให้น้ำมันเบรกออกมาจากระบบด้วยเครื่องมือ ลดการเหยียบเบรกให้ลูกสูบเคลื่อนที่ลง ลูกสูบ ซีลยาง จึงมักจะไม่เกิดปัญหารอยขีดข่วนกับกระบอกสูบ ไม่เสี่ยงต่อการรั่วของระบบเบรกในอนาคต
เครื่องมือที่ใช้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก มีทั้งแบบใช้แรงดันลมดึงน้ำมันเบรกออกระบบ หรือแบบที่ใช้กลไกสร้างสุญญากศดึงน้ำมันเบรกออกมา นอกจากช่วยให้เกิดความสะดวกสบายแล้วยัง ทำให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ในระบบเบรก มีอายุการใช้งานที่เหมาะสมไม่เกิดความเสียหายหรือมีผลกระบบจากการเปลี่ยนน้ำมันเบรก…
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.