BMW เปิดตัว X7 รุ่นประกอบในประเทศพร้อม New MINI Countryman 2021
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ต่อยอดความสำเร็จจากการคว้าตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ตลาดรถยนต์พรีเมียมในปี 2020 ด้วยการเปิดตัวโมเดลใหม่ New BMW X7 xDrive30d M Sport รถยนต์ตระกูล SAV ที่นำเข้ามาประกอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมด้วยคอมแพ็กต์เอสยูวียอดนิยมของแบรนด์ MINI New Cooper S Countryman Entry และ Cooper S Countryman Hightrim
NEW BMW X7 xDrive30d M Sport (รุ่นประกอบในประเทศ)
ราคาจำหน่าย: 5,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
New BMW X7 xDrive30d M Sport รถยนต์หรูในเซกเมนต์รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) เผยโฉมรุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรก โดยสมาชิกรุ่นใหญ่ที่สุดในตระกูล X รุ่นนี้ หลอมรวมทั้งความคล่องตัว ทรงพลัง และความโอ่อ่าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนชั้นเลิศ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายด้วยตัวรถที่กว้างขวางในทุกมิติ
X7 xDrive30d M Sport มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบพร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุด 265 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000–2,500 รอบต่อนาที พร้อมโลดแล่นสู่ความเร็วสูงสุดที่ 227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์นี้ทำงานสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive จึงมอบความนุ่มสบายเหนือระดับ การควบคุมที่เฉียบคม และความปราดเปรียวอันทรงพลัง ขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro เสริมความมั่นใจด้วยเสถียรภาพที่เหนือกว่าในทุกจังหวะการขับขี่
ดีไซน์ที่สง่างามของ BMW X7 xDrive30d M Sport ใหม่ ได้รับการถ่ายทอดผ่านปรัชญาการออกแบบที่ล้ำสมัยและเป็นเอกลักษณ์ของ BMW พร้อมเสริมรูปลักษณ์สปอร์ตทรงพลังด้วยชุดแต่ง M Sport ขณะที่ระบบไอเสีย M Sport มอบเสียงเครื่องยนต์กังวานสอดประสานกับพละกำลัง และความสง่างามของตัวรถ และเติมบุคลิกความแรงอย่างลงตัวด้วยเบรก และพวงมาลัย M Sport
รูปลักษณ์ภาพนอกประกาศถึงความทรงพลังบนท้องถนนด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยไฟหน้าล้ำสมัย BMW Laserlight เส้นสายการดีไซน์ที่เฉียบคมบนตัวถังขนาดใหญ่สะท้อนถึงความปราดเปรียว เรียบง่ายและบึกบึน มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบา BMW Individual ลาย Y-spoke แบบสลับสีขนาด 22 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งแบบสามแถว รวม 7 ที่นั่ง ทุกที่นั่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร เบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ Merino เนื้อละเอียดจาก BMW Individual หรูหราขึ้นไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งห้องโดยสารด้วยลายไม้สีดำเงา ‘Fineline’ แบบ Metal Effect มอบความภูมิฐานสง่างาม ตกแต่งภายในด้วยผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’ พร้อมชุดไฟ Ambient light ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เพดานแบบ Panorama Glass Roof Sky Lounge ที่เพิ่มความโปร่งอย่างโอ่อ่าเหนือระดับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 5 โซน และระบบความบันเทิงพร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังรุ่น Professional อีกสองจอ ส่วนห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุ 300 ลิตร และเพิ่มได้สูงสุดถึง 2,120 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 3 และแถว 2 ตามลำดับ ออกแบบมาเพื่อตอบทุกโจทย์การขับขี่
New BMW X7 มอบความล้ำสมัยและความปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ล่าสุดไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus (Parking Assistant Plus) ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และระบบความบันเทิงและสื่อสารรุ่นล่าสุดอย่าง BMW Live Cockpit Professional พร้อมจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ BMW ConnectedDrive และระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งสามารถควบคุมผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงได้อย่างง่ายดาย มอบความสะดวกสบายตามความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง
นอกจากนี้ BMW ยังมุ่งมั่นในการปูรากฐานสู่อนาคตแห่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ด้วยฟังก์ชั่นอย่าง Reversing Assistant ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติ เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดายแม้จะมีมุมมองที่จำกัด โดยฟังก์ชั่นดังกล่าวจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยขณะขับเข้าไปยังพื้นที่แคบความเร็วไม่เกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนจะถอยรถออกมาตามเส้นทางเดิมได้เป็นระยะทางสูงสุด 50 เมตร ซึ่งระบบจะสามารถจดจำองศาการเลี้ยวดังกล่าวไว้ได้เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากที่จอดรถได้ แม้จะจอดทิ้งไว้ข้ามคืนหรือเป็นระยะเวลาหลายวัน
New BMW X7 xDrive30d M Sport ใหม่ มาให้เลือกในห้าสี ได้แก่ สีเทา Arctic Grey Brilliant Effect, สีดำ Black Sapphire Metallic, สีดำ Carbon Black Metallic, สีขาว Mineral White Metallic และสีน้ำเงิน Phytonic Blue
New MINI Cooper S Countryman Entry
ราคาจำหน่าย: 1,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
New MINI Cooper S Countryman Hightrim
ราคาจำหน่าย: 2,529,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
ดีไซน์ที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างประณีตอุปกรณ์เสริม และชุดแต่งที่สะดุดตา และเทคโนโลยีระดับนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนการทำงานในทุกส่วนของตัวรถ ส่งให้ New MINI Cooper S Countryman เหนือชั้นยิ่งกว่าใครในเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพกต์ แนวคิดในการออกแบบที่ครบเครื่อง พร้อมด้วยพื้นที่ภายในสารพัดประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวม 5 ที่นั่ง ต่างเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นรถอเนกประสงค์ตัวจริงที่เปี่ยมด้วยสีสัน และความสนุกในสไตล์มินิอยู่เสมอ ไม่ว่าจะโลดแล่นบนท้องถนนในชีวิตประจำวัน ออกเดินทางสู่จุดหมายไกล หรือลุยผจญภัยบนทุกสภาพพื้นผิว
ดีไซน์ของ New Cooper S Countryman เน้นย้ำเสน่ห์อันแข็งแกร่งของรุ่นรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของมินิ โครงสร้างใหม่ของครอบกันชนที่มาในสีเดียวกับตัวถัง ส่งให้ตัวรถมีรูปลักษณ์ที่หมดจดและหรูหรายิ่งกว่าเคย ส่วนกระจังหน้าในดีไซน์ใหม่ มาในกรอบทรงหกเหลี่ยมในแบบฉบับ MINI ล้อมรอบด้วยกรอบโครเมียมบาง โดดเด่นด้วยลวดลายกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมที่เสริมความโดดเด่นด้วยอักษร S สีแดง ล้อมด้วยขอบโครเมียม ด้านหน้ารถที่ออกแบบใหม่ มาพร้อมไฟหน้า LED ในทรงกลมมน และไฟวงแหวนที่ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟส่องสว่างระหว่างวัน และไฟเลี้ยวในตัวเดียวกัน New MINI Cooper S Countryman ในชุดแต่งมาตรฐานมาพร้อมกับไฟตัดหมอก LED โดยที่ไฟวงแหวนครึ่งวงบนของไฟตัดหมอกทำหน้าที่เป็นไฟจอด
ส่วนกันชนท้ายดีไซน์ใหม่มีแผงใต้กันชนที่เสริมให้ New MINI Cooper S Countryman ดูทรงพลัง และทันสมัยเป็นพิเศษ ไฟท้ายแนวตั้งในกรอบโครเมียมเสริมความเอ็กซ์คลูซีฟและเอกลักษณ์ตามแบบฉบับแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ฟังก์ชั่นไฟหน้า และท้ายทั้งหมดมาพร้อมกับเทคโนโลยี LED คุณภาพสูงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่ไฟท้ายโดดเด่นด้วยดวงไฟในลวดลายของธงยูเนียนแจ็ค โดยมาพร้อมกับล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลาย Pair Spoke และล้อขนาด 18 นิ้ว ลาย Black Pin Spoke ในรุ่น Cooper S Countryman Hightrim
New MINI Cooper S Countryman ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที ขับขี่สนุกตามสไตล์มินิด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ Steptronic 7 จังหวะ และแบบ Paddle Shift ในรุ่น Hightrim โดยเครื่องยนต์มาพร้อมกับท่อร่วมไอเสียที่ผสานกับฝาสูบและเทอร์โบชาร์จเจอร์ จึงช่วยให้สามารถลดอุณหภูมิของไอเสียและระบบอัดอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบฉีดตรงในเครื่องยนต์เบนซินตัวนี้ยังสามารถทำงานด้วยแรงดันสูงสุดที่เพิ่มขึ้นจาก 200 เป็น 350 บาร์
New MINI Cooper S Countryman ผสานสมรรถนะที่รองรับการขับขี่หลากหลายรูปแบบเข้ากับการออกแบบห้องโดยสารเพื่อการใช้งานที่หลากหลายไม่แพ้กัน โดยมาพร้อมกับเบาะหลังที่กว้างเต็ม 3 ที่นั่ง เบาะนั่งแถว 2 ยังสามารถปรับพับในแบบ 40:20:40 เพื่อขยายปริมาตรความจุสัมภาระจาก 450 ลิตรเป็นสูงสุดถึง 1,390 ลิตร ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุผิวหน้าในสีดำ Piano Black โดยในรุ่น Hightrim ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยเส้นสาย Chrome Line สีเงิน ขณะที่ชุดแต่ง MINI Excitement Package และไฟโลโก้ MINI ที่ฉายออกจากกระจกมองข้างลงสู่พื้นถนน เติมเต็มความหรูหราให้ New MINI Countryman โดดเด่นยิ่งขึ้น
ระบบแสดงผล MINI Head-Up Display ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากห้องนักบินของเครื่องบินเจ็ท จะแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ เช่น ความเร็วของรถ ให้ผู้ขับขี่เห็นได้โดยไม่บดบังทัศนียภาพบนท้องถนน ส่วนหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว บริเวณกลางแผงคอนโซล มาพร้อมกับระบบ MINI Connected ซึ่งเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่พร้อมสนับสนุนผู้ขับขี่บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทางหรือข้อมูลอื่น ๆ ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน มอบความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง
ทั้งสองรุ่นย่อยของ New MINI Cooper S Countryman จะเปิดตัวผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อพาเหล่าแฟน ๆ มินิ โลดแล่นไปกับการเดินทางที่เหนือทุกความคาดหมายภายใต้แคมเปญ #MeAndMINI48Hours ที่จะเปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ อย่างเต็มที่ ด้วยการยืดระยะเวลาการทดสอบรถเป็น 48 ชั่วโมง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www.mini.co.th
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: BMW Group Thailand
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.