Audi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มโมเดล “Sphere” ที่เป็นยานยนต์แนวคิดภายใต้ชื่อ “Urbansphere” โดยรถยนต์ล่าสุดเป็นมินิแวนแห่งอนาคตที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในเมืองใหญ่ที่ทันสมัย โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในรถยนต์ของผู้โดยสาร ซึ่งโปรเจกต์ Urbansphere ควรจะเปิดตัวในงาน Beijing Auto Show ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากงานถูกเลื่อนออกไปจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 จึงต้องเปิดตัวผ่านทางออนไลน์แทน
หลังจาก Skysphere (โรดสเตอร์) และ Grandsphere (ซีดานขนาดใหญ่) ได้เผยโฉมไปเมื่อปีที่แล้ว Urbansphere (มินิแวน) มีการออกแบบที่ได้รับความร่วมมือกับสตูดิโอของ Audi ประเทศจีน และประเทศเยอรมนี เป้าหมายคือการสร้างยานพาหนะสำหรับมหานครของจีน โดยนักออกแบบจะนำไอเดียที่ได้จากลูกค้าในประเทศจีนมาพัฒนาเป็นรูปร่างที่เราเห็นกันตอนนี้
Urbansphere มีความโดดเด่นที่ความยาวของตัวรถ วัดได้ 5.5 เมตร (Cadillac Escalade มีความยาว 5.4 เมตร ) กว้าง 2 เมตร และสูง 1.78 เมตร โดยมีระยะฐานล้อยาว 3.4 เมตร
ตัวรถของ Urbansphere มีการออกแบบกระจังหน้าที่ทันสมัย แนวหลังคาแอโรไดนามิก ตัวถังดีไซน์ลู่ลม ล้อขนาดใหญ่ 24 นิ้ว แต่ความโดดเด่นอยู่ที่พื้นที่ด้านหน้าและด้านหลังของตัวรถที่ใช้ชุดไฟดิจิทัลขนาดใหญ่ เป็นลูกเล่นที่ใช้งานได้จริงและได้รับการออกแบบมาเพื่อสื่อสารกับสภาพแวดล้อมผ่านระบบแสง LED แบบพิกเซล ที่สร้างรูปทรงและสีที่แตกต่างกัน และไฮไลท์ของ Urbansphere อยู่ที่ส่วนหน้ารถพร้อมการตีความใหม่ของกระจังหน้าที่เรียกว่า Digital Singleframe ที่มีกาารออกแบบคล้ายกับ Skysphere Concept ให้กับมินิแวนคันนี้
Audi อธิบายแนวคิดของ Urbansphere ว่าเป็น “เลานจ์บนล้อและสำนักงานเคลื่อนที่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นที่ใช้สอยที่สามในช่วงเวลาที่การจราจรติดขัด” พร้อมกับอ้างว่ามีพื้นที่ใช้สอยภายในมากที่สุดในบรรดารถรุ่นต่างๆ ทั้งรูปร่างและวัสดุชิ้นส่วนบนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าของตน
การตกแต่งภายในสามารถเข้าสัมผัสได้โดยผ่านประตูแบบ Suicide Doors ขนาดใหญ่นั้น เมื่อเปิดออกมันให้ความรู้สึกที่โปร่งสบายและเป็นกันเอง ส่ววนภายในมีพื้นที่ที่สามารถจุผู้โดยสารได้จำนวนมาก ตัวรถมีเบาะนั่งทรงอิสระเพียง 4 ที่นั่ง เพื่อให้สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน แถมมีโหมดพักผ่อนและความบันเทิงพร้อมองศาการเอียงและการหมุนที่ทำได้หลากหลาย ส่วนที่พักขาก็กว้างขวางและยังมีลำโพงบนพนักพิงศีรษะเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสารอีกด้วย
พวงมาลัย แผงหน้าปัดดิจิตอลและแป้นเหยียบจะถูกซ่อนเอาไว้เมื่อรถอยู่ในโหมดขับขี่อัตโนมัติ เหมือนกับ Sphere โมเดลอื่นๆ และยังมาพร้อมกับความสามารถระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ซึ่งระบบนี้จะเปิดตัวในยานพาหนะที่ใช้งานจริงภายในครึ่งหลังของทศวรรษนี้
ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลและฟีเจอร์ให้บันเทิงต่างๆ ที่มองเห็นได้ผ่านการฉายภาพบนแดชบอร์ด หน้าจอที่ติดตั้งบนพนักพิง แว่น VR หรือจอแสดงผล OLED แบบโปร่งใสสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง รวมถึงระบบ MMI (Multi Media Interface) แบบไม่สัมผัสประตู ซึ่งรวมถึงวงแหวนหมุนและปุ่มต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งการใช้งานได้ด้วยการมอง หรือ Eye-Tracking การควบคุมด้วยท่าทาง และการควบคุมด้วยเสียงเมื่อปรับเอนเบาะลงจนสุด โดยแผงควบคุมสำหรับผู้โดยสารทุกคนรวมอยู่ตรงที่พักแขนและจะซ่อนไว้เมื่อไม่ใช้งาน แถมเจ้า Urbansphere เป็นรถยนต์ที่รองรับเทคโนโลยีการตรวจจับความเครียดโดยใช้การสแกนใบหน้าและการวิเคราะห์ด้วยเสียง พร้อมกับเสนอคำแนะนำเพื่อผ่อนคลายขณะขับรถ
สำหรับเบาะของ Urbansphere นั้น ทางแบรนด์ Audi ใช้ผ้าเหนียวไม้ไผ่ที่โดดเด่นเรื่องความทนทานและผ้าโพลีเอไมด์รีไซเคิล หรือที่เรียกว่า ECONYL รวมถึงแผ่นไม้อัดฮอร์นบีมที่ไม่มีสารเคมีใดๆ ในระหว่างกระบวนการผลิต และอีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดคือคอนโซลกลางแบบหมุนได้ ซึ่งมีตู้กดน้ำและแก้วน้ำมาให้อีกด้วย
Urbansphere ใช้แพลตฟอร์ม PPE สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาโดย Audi และ Porsche และเน้นเป็นรถที่ใช้งานจริง ซึ่งรวมถึง Audi Q6 e-tron, A6 e-tron และ Porsche Macan EV ที่กำลังจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ โดยเจ้า Urbansphere ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 396 แรงม้า และแรงบิด 690 นิวตันเมตร แถมยังสามารถปิดการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหรือด้านหลังก็ได้ให้เหมาะกับการใช้งาน
ตัวแบตเตอรี่แบบติดตั้งอยู่ใต้พื้นห้องโดยสาร มีความจุ 120 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดย Audi ให้ข้อมูลว่าตัวรถสามารถวิ่งใช้งานได้ไกลูสงสุดอยู่ที่ประมาณ 750 กม. และยังสามารถชาร์จไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วถึง 270 กิโลวัตต์ ในเวลาเพียง 10 นาที ให้ระยะทางขับขี่ได้มากถึง 300 กม. ส่วนระบบกันสะเทือนใช้แบบถุงลมปรับได้ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
Audi Urbansphere Concept แสดงให้เห็นถึงการพัฒนายานยนต์ยุคใหม่ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ และเป็นรถยนต์แนวคิดที่เกิดขึ้นจากการศึกษาการออกแบบและเทคโนโลยี เพื่อนำองค์ความรู้ต่างๆ ที่ได้มานำไปใช้กับยานยนต์ของ Audi ในรุ่นต่อไป
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.