ASEAN DIMANTION พระในพม่า
อันที่จริงคิดว่าจะเขียนเรื่องในลาวมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านสักหน่อย เพราะห่างหายจากลาวไปนานแล้ว แต่บังเอิญว่า มีข่าวที่เกิดขึ้นที่มัณฑะเลย์พอดี คือ เมื่อวันอังคารที่ 1 ก.ค.57 นี่เอง มีข่าวลือกันในมัณฑะเลย์ว่า มีชายชาวมุสลิมได้ข่มขืนผู้หญิงชาวพุทธ แล้วข่าวนี้ก็ถูกกระพือไปเร็วมาก และเข้าใจว่าคงมีการเสริมเติมไปด้วย เพราะผมตามๆ ข่าว กลายเป็นชายชาวมุสลิม 6 คน ลากผู้หญิงชาวพุทธไปข่มขืน
ท่านผู้อ่านดูเอาก็แล้วกันว่าข่าวลือมันไปไกลขนาดไหน จริงไม่จริงก็ไม่รู้ แต่ผลก็คือว่า ชาวพุทธในมัณฑะเลย์ โกรธแค้น ยกพวกเข้าทำร้ายชาวมุสลิมในร้านน้ำชาแล้วลามปามไปจนเผามัสยิด มีการปะทะกันของประชาชนทั้งสองศาสนา และเห็นว่าวันพุธและพฤหัสที่ 2-3 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางการพม่าได้ประกาศเคอร์ฟิวส์เมืองมัณฑะเลย์ทั้งหมด ผมนั่งเขียนต้นฉบับเอาวันศุกร์ที่ 4 ก.ค.57 เข้าใจว่ากว่าจะตีพิมพ์ก็คงรู้ผลความเป็นไปแล้วว่าคลี่คลายไปในรูปแบบใด
เรื่องนี้ไปคล้ายคลึงกับเหตุที่เคยเกิดขึ้นที่ยะไข่ หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่าอารกันเมื่อปีกลาย ที่เกิดการจลาจลขึ้นที่นั่น เป็นการทำร้ายกันระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิม จนถึงขั้นเรียกว่าจลาจล มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ โรงเรียน มัสยิด ถูกเผา ถูกทำลาย พอพูดถึงที่ยะไข่ ท่านผู้อ่านอาจจะเคยได้ยินชื่อ โรฮิงญา ซึ่งเรื่องนี้ต้องพูดกันนาน และลงรายละเอียดไปลึกมาก (มากแม้กระทั่งว่าโรฮิงญาคือ ใครด้วยซ้ำ ) ทีนี้ความขัดแย้งนี้ทำไมมันรุนแรงมาก ซึ่งแค่ข่าวว่าผู้หญิงชาวพุทธถูกข่มขืนโดยชายชาวมุสลิม มันก็ไม่น่าจะถึงกับเกิดจลาจลได้ มันจะต้องมีความชิงชังที่ถูกปลูกฝังกันมานานเป็นทุนเดิมอยู่เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นเรื่องศาสนาจะไม่จุดติดง่ายขนาดนี้ เดี๋ยวเรื่องนี้ถ้าไม่ลืม จะเอามาหยอดในตอนต่อๆ ไป
คนห้าสิบกว่าล้านคนในพม่า มีคนที่นับถือศาสนาพุทธถึง 90 % นอกนั้นก็จะเป็นศาสนาอิสลาม คริสซ์ และอื่นๆ แต่ที่ยะไข่ จะมีคนที่นับถือศาสนาอิสลามมากกว่าที่อื่น ซึ่งไม่แปลกเพราะยะไข่ติดกับทางบังคลาเทศ แต่มาที่มัณฑะเลย์ซึ่งถ้าดูตามแผนที่พม่า เกือบจะเป็นใจกลางประเทศ แม้ที่นี่จะดูเหมือนเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธในพม่าก็ตาม แต่ก็มีมุสลิมอยู่ด้วย แม้ไม่มากเท่าที่ยะไข่ คนอิสลามในพม่าเขาก็อยู่กันเป็นกลุ่ม เป็นชุมชน ไม่เหมือนที่บ้านเราที่อยู่ปะปนกันได้
ศาสนาพุทธในพม่านั้น เป็นแบบเถรวาทหรือหีนยานเหมือนบ้านเรา แต่พระพม่าดูมีบทบาททางสังคมค่อนข้างมาก ซึ่งแตกต่างจากบ้านเรา บ้านเราไม่อยากให้พระมาวุ่นวายทางสังคม แต่กระนั้นก็ยังเห็นพระออกมาชุมนุม ห้อยเข็มกลัดนักการเมือง กรณีหลวงปู่พุทธอิสระออกมาเป็นแกนนำชุมนุม ถ้าเป็นที่พม่าถือเป็นเรื่องปกติมาก เพราะพระพม่าเข้ามามีบทบาทตั้งแต่ครั้งเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษด้วยซ้ำไป ในกรณีความขัดแย้งทางศาสนา บางทีเราจึงได้ยินว่ามีพระเป็นแกนนำก็มี
พระ หรือวัด ยังเป็นที่ให้ความรู้ให้ความสว่าง ให้ความคิดทางสังคมนอกจากการศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะเห็นว่าวัดพม่ามีเด็กมาบวชเป็นเณร เพื่อได้มีโอกาสมาเรียนหนังสือกันมาก คนพม่านั้น ให้ความเคารพกับพระหรือวัด หรือศาสนสถานเป็นอย่างมาก การเข้าไปในบริเวณเจดีย์ โบสถ์วิหาร เขาต้องถอดรองเท้าตลอด แน่นอนว่าเวลาเราไปในสถานที่พวกนี้ก็ต้องถอดรองเท้าด้วย แม้แต่ถุงเท้าก็ห้ามใส่ จึงแนะนำว่าถ้าในโปรแกรมที่ไปเที่ยว มีวัดค่อนข้างมาก ให้ใส่รองเท้าแตะไปและติดถุงพาสติกสำหรับใส่รองเท้าแตะเราเพื่อหิ้วติดตัวไปด้วย
ลานเจดีย์หรือวัดในพม่าจะสะอาดมาก ชนิดที่ว่าเรานั่งกับพื้นได้สบายๆ แล้วคนพม่าเวลาเขาเข้าไปในวัด เขาจะไปนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม ตามซอก ตามหลืบ มุมของเจดีย์ต่างๆ จะมีคนพม่ามานั่งสมาธิอย่างสงบ แม้กระทั่งเจดีย์ชเวดากอง ที่แม้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาก แต่คนพม่าเขาก็นั่งสมาธิได้สบายๆ เห็นก็แต่คณะนักท่องเที่ยวชาวไทยนี่แหละ ที่มักจะไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ (ส่วนใหญ่พระเป็นคนนำไป) ไปนั่งเป็นกลุ่มใหญ่ มีพระใช้โทรโข่งยืนกำกับบท สวดมนต์เสียงดังโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น กูจะสวดมนต์ ยิ่งไปที่เทพทันใจ คณะทัวร์ไหว้พระ บนบานกันเหมือนบ้าคลั่ง โดยมีไกด์(ส่วนใหญ่เป็นเซเลบในทีวีนี่แหละ) ยืนกำกับราวกับว่าวัดนี้มีคณะกูคณะเดียว หรือเป็นกิจกรรมขายทัวร์ไหว้พระกระมังจึงมักมาทำแบบนี้ให้คนอื่นๆเขาบ่นเอาเรื่อยๆ
คนพม่าเชื่อในหลักธรรม กฎแห่งความดีความชั่ว และมักถือศีล 8 ในวันเกิด แต่ปกติเขาก็นิยมเข้าวัด ทั้งนิยมทำบุญ สร้างเจดีย์ สร้างวัดอยู่แล้ว ท่านผู้อ่านลองสังเกตดูเวลาคนงานพม่าแถวสมุทรสาครเขาไปวัดก็ได้ จะเห็นเลยว่าเจาเคารพพระขนาดไหน ไหว้อย่างจริงจัง เวลาไปวัดคนเขาก็แต่งกายดีมาก สุภาพแบบพื้นเมืองคือ ผู้ชายจะนุ่งโสร่ง ลายสก๊อต ยาวมาจนถึงข้อเท้า ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ผู้หญิงก็จะนุ่งผ้าซิ่นคลุมถึงข้อเท้า สวมเสื้อแขนกระบอก มีผ้าพาดบ่า ดูแล้วน่ารัก
พระพม่าส่วนใหญ่ฉันมื้อเดียว แต่เณรฉัน 2 มื้อ แต่เราจะเห็นว่าพระพม่าออกบิณฑบาตรสาย บางทีเที่ยงแล้วก็ยังเห็นเดินอุ้มบาตร นั่นถือเป็นปกติของเขา เพราะเขาถือเหมือนเป็นการบริการบุญ จะได้ให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชนมีช่องทางทำบุญตุนทานได้ พระพม่าไม่โกนคิ้วเหมือนกับพระหลายๆ ประเทศ มีแต่ที่บ้านเรานี่เองที่พระต้องโกนคิ้ว แม่ชีก็เช่นกัน ไม่โกนคิ้ว แม่ชีเขาไม่ใส่ชุดขาวเหมือนบ้านเรา หากแต่นุ่งห่มผ้าสีชมพูอ่อน หรือสีส้ม และออกบิณฑบาตตอนรุ่งเช้าได้เหมือนพระสงฆ์ บางทีเห็นแม่ชีเด็กๆ ก็เหตุผลเรื่องโอกาสในการเรียนหนังสือเช่นกัน ตอนไปพม่าครั้งแรกเห็นเณรมาเล่นตะกร้อ ขี่จักรยานก็ออกจะแปลกใจว่าไม่ค่อยสำรวม ที่แท้ทางนั้นเขาไม่ได้ถือกิจกรรมเหล่านี้ว่าเป็นเรื่องไม่สำรวม ผิดกับบ้านเรา พระนั่งล้องวงโจ้เหล้า มีรูปออกมาประจาน มหาเถระสมาคมก็ยังเฉย ดูเหมือนเราเข้มงวดกว่า แต่พระกลับทำผิดมากกว่า
จะเห็นว่า วัด-ศาสนา-พระในพม่า ยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นครรลองความตั้งมั่นในคุณธรรม ศาสนาและความดีเหมือนอย่างที่สังคมไทยในอดีตเราเคยมี ทั้งการถือศีล 8 การนิยมเข้าวัด การแต่งกายสุภาพเวลาไปวัด ในอดีตเราทำมาหมด (ตอนนี้อาจจะมีบ้างในสังคมชนบท) แต่ไม่รู้ว่าเพราะเราเข้าหาโลกตะวันตกที่ยึดถือวัตถุมากไป หรือว่าเราไม่เชื่อในคุณงามความดี แต่ไปเชื่อในพลังของเงินและสมบัติมากไปก็ไม่รู้ที่จึงดูเหมือนคนพุทธบ้านเราดูไม่ค่อยเข้าวัดปฏิบัติธรรม และทำนอกลู่นอกรอยกันมากไป หรืออาจจะเป็นเพราะภาพพระพาณิชย์ ประเภทผัวบวชพระ เมียขายอาหารใส่บาตรเช้าๆ มายืนใกล้กันเวียนไปเวียนมา ไม่ผิดกฎหมายแต่น่าเกลียด ดูแล้วขัดตาบ้านเรา พระเสกผี ลงยันต์ กินเหล้า ดูหนังโป๊ ซื้อบริการเด็กชาย สารพัดจะอุบาทว์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา การบวชเพื่อขัดเกลากิเลสเลยกลายเป็นบวชเพื่อเพิ่มกิเลสไปซะได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นส่วนน้อย แต่อย่าลืมว่าปลาตายตัวเดียว เหม็นทั้งฆ้อง
วันนี้คุยเรื่องพระในพม่าพอเพลินๆ เอาไว้ค่อยออกไปรู้จักเพื่อนบ้านอาเซียนเราที่อื่นต่อครับ
เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร ออฟโรด : www.grandprix.co.th/offroadmagazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.