“Toyota Hilux Revo Asean Friendship Caravan มหัศจรรย์สุวรรณภูมิ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา” ตอนที่ 2
การเดินทางของ HILUX REVO ASEAN Friendship Caravan มหัศจรรย์สุวรรณภูมิ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา ตอนนี้เดินทางผ่ามมาครึ่งทางของทั้งหมกกว่า 3400 กิโลเมตร ครึ่งหลังนี้เราเดินทางไปไหนกันบ้างติมตามต่อได้ในวันที่ 6 เป็นต้นไป
Day 6 : ดาลัด – มุ่ยเน่
เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้วสำหรับขบวนคาราวาน โดยเช้าตรู่ของวันที่ 6 เราเดินทางลงจากที่ราบสูง ของทะเลจีนใต้เพื่อมุ่งหน้าไปเมืองฟานราง ที่นี่ตัวแทนการท่องเที่ยวได้มาเตรียมต้อนรับ และนำเราไปสู่ปราสาทเล็กๆ บนยอดเขาแห่งหนึ่งชื่อว่า ปราสาทเจวองกาวาย ปราสาทยุคเดียวกับนครวัด เมืองตั้งนี้อยู่ริมทะเล มีชาวจามอยู่เป็นจำนวนมาก เราได้สัมผัสวัฒนธรรมจามอย่างเต็มที่
เรายังคงเดินทางต่อไปยังภูมิประเทศที่แปลกตา และเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน มีลักษณะเป็นสันทรายขนาดใหญ่ จนคล้ายกับทะเลทรายชื่อว่า “มุ่ยเน่” สันทรายขาว สันทรายแดง และเรามีการทดสอบสมรรถนะของรถรีโว่กันอีกครั้ง บนทะเลทรายที่ชื่อว่า “มุ่ยดิน” สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับผู้ร่วมทริปอย่างมาก ก่อนที่จะเดินทางเข้าที่พัก ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล ได้กลิ่นอายทะเลของเวียดนามเป็นครั้งแรก พร้อมกับร่วมรับประทานอาหารค่ำเป็นเมนูซีฟู้ดสดๆ รวมระยะทางของวันนี้ 270 กิโลเมตร
Day 7 : มุ่ยเน่ – โฮจิมินห์
วันรุ่งขึ้นเราออกเดินทางจากเมืองมุ่ยเน่ เพื่อตรงเข้าสู่เมืองโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวียดนาม ระยะทางไกลพอสมควร แต่ทิวทัศน์สองข้างทางสร้างความแปลกตาให้กับคณะคาราวานที่ได้พบเห็น ด้วยความที่ชาวเวียดนามเขากำลังพัฒนาโฮจิมินห์ ให้เป็นเมโทรโพลิสต์ หรือมหานคร ภายในเวลา 5 ปี ทำให้เราเห็นโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งตัวเมืองที่ขยายออกมารอบนอก ทั้งอาคารชุด คอนโดมิเนียม โครงการจัดสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินที่กำลังริเริ่ม
ระหว่างวันเรามีโอกาสแวะไปดูพิพิธภัณฑ์สงคราม เป็นจุดที่ดีที่ทำให้เราได้เรียนรู้ ความผิดพลาดของมนุษยชาติ ในการทำสงคราม ณ ดินแดนหนึ่งเป็นเวลากว่า 20 ปี หรือที่เรียกว่า สงครามเวียดนาม แต่หากรวมระยะเวลาที่ชาวเวียดนามรบกับทางฝรั่งเศสด้วยแล้วนั้น เวียดนามใช้เวลารบเพื่อสร้างชาติกว่า 30 ปีด้วยกัน ทำให้เราได้เรียนรู้และรู้จักคนเวียดนามมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ความเป็นตัวตนของเพื่อนบ้านชาตินี้คือ การที่เขาเป็นคนมุ่งมั่น อดทน และสู้ไม่ถอย เป็นสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ เราแวะไปชมโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศส ชมอาคารไปรษณีย์กลางของโฮจิมินห์ที่ได้สร้างมาตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามา โดยวันนี้เรามีโอกาสได้เข้าพักในโรงแรมที่เป็นหนึ่งในตำนานของเมืองโฮจิมินห์ หรือไซง่อนเดิม ซึ่งเปิดทำการมาตั้งแต่ในช่วงที่มีสงครามเวียดนาม หรือราว 50 กว่าปีมาแล้ว อดีตเมืองหลวงของเวียดนามใต้ รวมระยะทางของวันนี้ราว 220 กิโลเมตร
Day 8 : โฮจิมินห์ – พนมเปญ
เข้าสู่วันที่แปด เราเดินทางจากโฮจิมินห์ เพื่อเข้าสู่ประเทศกัมพูชา ใกล้ๆ ชายแดน เราได้แวะเข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า “กู้จี” ที่นี่เป็นจุดสำคัญมากของเวียดนามใต้ ที่ใครไปใครมาก็ต้องแวะเยี่ยมชม เพราะเป็นสถานที่สำคัญที่กลุ่มขบวนการเวียดกงได้ต่อสู้กับรัฐบาลเวียดนามใต้ จนประสบชัยชนะ เป็นสงครามอุโมงค์ ที่ภายในนั้นมีอุโมงค์ หลุมหลบภัยจำนวนมาก และเป็นสถานที่โด่งดังไปทั่วโลก ในนี้เราได้เรียนรู้ว่าทำไมคนผมดำ ตัวเล็กๆ ในชาตินี้ ถึงได้สู้รบกับคนตัวใหญ่อย่างอเมริกันได้เป็นเวลาถึง 20 ปี เราจะได้เห็นการจำลองวิถีชีวิตของชาวเวียดกงในขณะทำสงครามว่าเขาอยู่กันอย่างไร เราใช้เวลาที่นี่พอสมควร ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนเข้าสู่กัมพูชา
เรามุ่งหน้าสู่กัมพูชา ที่จุดชายแดน หมอบ่าย-บาเวด เพื่อเข้าสู่ประเทศกัมพูชาในจังหวัดสวายเรียง ผ่านเข้าไปสู่กรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของกัมพูชา ณ จุดที่เรียกว่า จตุมุข เป็นแม่น้ำสี่สายไหลมาพบกัน เราพักค้างคืนที่โรงแรมแคมโบเดียน่า 1 คืน ที่นี่มีการเลี้ยงต้อนรับคณะคาราวานอย่างยิ่งใหญ่ มีตัวแทนทางฝ่ายกัมพูชา คือรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ที่มาพบปะกับเรา รวมระยะทางของวันที่แปดนี้ 248 กิโลเมตร
Day 9 : พนมเปญ – เสียมเรียบ
รุ่งเช้าของวันที่เก้าของทริป เรามุ่งหน้าออกมาทางทิศตะวันตก เข้าสู่เมืองเสียมเรียบ และเที่ยวชมสะพานโบราณ “กัมปงกะเดย์” ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของกัมพูชา เป็นสถานที่ตั้งของปราสาทหินจำนวนมาก ซึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดคือปราสาทนครวัด และประสาทบายน
เราใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเข้ามาถึงเมืองเสียมเรียบได้ ซึ่งเราก็ได้เห็นความเจริญเติบโตของเมืองอย่างเห็นได้ชัด ประสาทบายน เป็นปราสาทที่มีรูปหน้าคนทั้ง 4 หน้า เราถ่ายรูปร่วมกัน จากตรงนี้เราเดินทางกลับไปที่ปราสาทนครวัด โดยที่นี่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่สุดอีกหนึ่งที่ของการเดินทางทริปนี้ เพราะปราสาทนครวัดที่เป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นศาสนสถานของชาวฮินดู ไม่ว่าจะเป็นคริสต์ หรือมุสลิม หลังจากนั้นเราจึงกลับเข้ามาที่เสียมเรียบเพื่อพักผ่อน ก่อนที่จะกลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น รวมระยะทางในเส้นทางวันนี้กว่า 314 กิโลเมตร
Day 10 : เสียมเรียบ – ปอยเปด – กทม.
และแล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การเดินทางก็มาถึงวันสุดท้ายของทริป วันนี้เราเดินทางจากเสียมเรียบ เข้าสู่ชายแดนไทยที่ด่านปอยเปด และกลับสู่แผ่นดินแม่ของเรา เพื่อไปปิดทริปการเดินทางที่โรงแรมดุสิตธานี เส้นทางของวันสุดท้ายนี้ค่อนข้างไกลพอสมควร อยู่ที่ระยะทาง 453 กิโลเมตร
สิบวันที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณอย่างสูงสำหรับความรู้ในทุกสถานที่ ทุกเส้นทางที่เราเดินทางกัน คณะคาราวานได้รับความรู้ใหม่ๆ จาก อาจารย์สมฤทธิ์ ลือชัย และอาจารย์ศรัณย์ บุญประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ และวัฒนธรรม ทำให้ได้เข้าใจถึงความเป็นมาและเป็นไปของวิถีชีวิต และสถานที่สำคัญๆ ของประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น และที่สำคัญ ขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กับม้าศึก HILUX REVO ที่พาพวกเราสนุกสนานกับสมรรถนะที่สุดยอดฝ่าฟัน 4 ประเทศไปได้อย่างสบาย
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.