ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและต้นธันวาคม 2557 ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปร่วมทำข่าว แข่งออฟโรดรายการที่โด่งดังไปทั่วโลก International Rain Forest Challenge 2014 หรือนิยม จะเรียกกันสั้น ๆว่า ‘RFC’ มีนักแข่งจาก 25 ชาติจำนวน 35 คันเข้าร่วมแข่งขัน แต่ฉบับนี้ผมจะยัง ไม่คุยถึงเรื่องการแข่งขัน เราจะมาดูกันอีกมุมหนึ่งของชีวิตสื่อมวลชนที่ต้องบุกตลุยไปทำข่าว กลางดงกลางป่าว่ายากลำบากและสนุกแค่ไหนกับการทำงานในหน้าที่ของคนเป็นสื่อที่มีบัตร ห้อยคอในฐานะ Press/Media
จำนวนคนราว ๆ 300 คน กับรถยนต์ออฟโรดอีกกว่า 80 คัน ที่ต้องอยู่ด้วยกันเข้าไป ในเส้นทางผ่านป่าผ่านเขาแม่ลำคลองจึงไม่ง่ายและต้องใช้ความทรหดอดทน พร้อมทั้งต้องร่วมไม้ ร่วมมือกัน กว่าจะผ่านอุปสรรคไปได้แต่ละจุด คณะของเรานำโดย Ruddiee Khaw ช่างภาพมือเก๋าชาวเกาะปีนัง คุยได้ 5 ภาษา มาเลย์ อังกฤษ + จีน 3 ภาษา ผู้ร่วมทางทั้งหมดเป็นสื่อมวลชน คณะใหญ่จากจีน และผู้สื่อข่าวต่างประเทศ รวมทั้งผมด้วยจำนวน 24 ชีวิต มีอุปกรณ์ครบกล้อง ถ่ายภาพนิ่งและกล้องวีดีโอเพื่อจะบันทึกเรื่องราวการเดินทางและการแข่งขันในครั้งนี้ เราจึงมีพร้อมทั้งเครื่องครัวอาหารการกิน ที่หลับที่นอนกลางป่า ที่จะต้องนอนกลางดินกินกลางทรายกัน ตลอด 7 วัน โดยมีรถ Media มีอุปกรณ์พร้อมยาง Mud Terrian วินช์ เชือกลากรถ ฯลฯ และผู้ขับที่ ชำนาญและมีประสบการณ์สูงในเส้นทางออฟโรดที่อันตรายกับการเดินทางผจญภัยที่จะต้องผ่าน เสันทางหฤโหดเข้าไปยังจุด Campsite และจุดแข่งขันกลางป่าลึกซึ่งทางผู้จัดงาน RFC 2014 ได้กำหนดไว้ 3 แห่งแต่ละแห่งจะพัก 2 คืน นั่นก็หมายความว่าเราต้องนอนกลางป่ากัน 6 คืน รถของคณะเรา 7 คันและผู้ขับชาวมาเลเซีย คือ
1.โตโยต้า Land Cruiser ผู้ขับ Amos Lim (เป็นรถนำขบวน Ruddiee และผมนั่งคันนี้)
2.แลนด์โรเวอร์ Defender 90 ผู้ขับ Jerry Tay ผู้ควบคุมขบวน
3.แลนด์โรเวอร์ Discovery ผู้ขับ Nelson Huang
4.มิตซูบิชิ Pajero ผู้ขับ Nasir (พ่อครัวหัวป่าของคณะเรา)
5.มิตซูบิชิ Pajero ผู้ขับ Hassan
6.มิตซูบิชิ Pajero ผู้ขับ Wadi
7.มิตซูบิชิ Pajero ผู้ขับ Safri
1 ธ.ค.2514 (Day1) ออกเดินทางจากเมืองพอร์ทดิ๊กสัน ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 150 กม. ผ่านชายหาดริมทะเลแวะพักเพื่อรอเวลา ให้ขบวนรถแข่งรถเซอร์วิสเดินทางล่วงหน้าไปก่อน คณะเราจะเป็นชุดสุดท้ายเพื่อไม่ให้ขบวนไปติดกันบนภูเขา จากนั้นเราแวะซื้ออาหารสด อาหารแห้ง น้ำดื่ม และสิ่งจำเป็นที่จะนำไปใช้ในป่า ตลอด 7 วัน การเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่นบนทางลาดยางกว่า 100 กม.ถึงตำบล Rembau เริ่มเข้าเส้นทางลูกรังขึ้นเขาสูงชันตลอดกว่า 20 กม. เป็นทางลากไม้ที่อันตรายมาก มีเหวลึกข้างทางและแหว่งจากน้ำเซาะเป็นช่วง ๆ รถทุกคันต้องใช้ 4 Low สถานเดียว หากเกิดความผิดพลาดหมายถึงชีวิตและความสูญเสียจะเกิดขึ้นทันที!
ถึงช่วงเย็นใกล้ค่ำทางข้างหน้าอีก 3 กม.สุดท้ายมันโหดได้ใจเป็นทางป่าดิบของแท้ ขบวนของเรามาทันรถกลุ่มหน้าติดกันยาวเป็นกิโล สำหรับรถแข่งและ รถกรรมการที่มีความพร้อมสามารถผ่านไปได้ไม่ยากนัก แต่รถเซอร์วิสและรถมีเดียที่บรรทุกสัมภาระหนักอึ้งต้องวินช์ตัวเอง และรถของแต่ละทีมต้องช่วยกัน กว่าจะผ่านไปได้แต่ละคันมันแสนยาก ยิ่งเริ่มมืดค่ำยิ่งยาก และยิ่งอันตรายช่วงทางแหว่งที่ลื่นวิ่งเลาะริมห้วยกลางป่าที่มองไม่ เห็นอะไรเลย คณะเราไปไม่ถึงแคมป์ไซต์ อูลูเซปรี (Predator Camp) จนถึงเวลา 21.00 น. เราตัดสินใจจอดรถตั้งแคมป์กลางป่าบนเส้นทางโคลนเละๆ ที่รถกลุ่มหน้าทำไว้และฝนก็ตกลงมาเฉอะแฉะได้บรรยากาศหรูสุด ๆ พ่อครัวของเรา นาเซ่อ จัดการทำอาหารกินกันทันทีด้วยความ หิวโหยและหลับนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยโดยไม่มีน้ำให้อาบในคืนแรก…
2 ธ.ค.2514 (Day 2) เราตื่นแต่เช้าเดินเท้าไปทางโคลนเละๆไปยังจุดแข่งขันหลังจัดการกับอาหารเช้า เราทำงานในหน้าที่ถ่ายทำการแข่งขันตั้งแต่เริ่ม 09.00 น. มีประชุมนักแข่งและทำ การแข่งขันบริเวณรอบ ๆ Predator Camp กลางป่าตลอดวันไม่มีอาหารกลางวัน พร้อมกับ นัดหมายกันว่า 16.00 น.ให้ทุกคนกลับมาแคมป์แล้วออกเดินทางกลับทางเดิมเพื่อจะย้ายไปหาที่ แคมป์ที่มีลำธารหรือมีน้ำเพื่อจะได้ชำระล้างสิ่งของและอาบน้ำได้ 2 ชม.ผ่านไปก่อนจะมืดเราพบ ที่แคมปิ้งแห่งใหม่ที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนักมีน้ำห้วยใต้เขื่อนเล็ก ๆชื่อว่า อูลูเซปรี (Ulu Sepri) ให้อาบและทุกคนได้พักผ่อนเฮฮาตามอัธยาศัย เพื่อรอวันรุ่งขึ้นจะได้เดินทางไปถนน ลาดยางเพื่อไปดักหน้าคณะใหญ่ที่เดินทางผ่านป่าออกมาจากจุด Predator Camp
3 ธ.ค. 2514 (Day 3)วันนี้น่าจะเป็นวันสบาย ๆสำหรับคณะเราได้พักผ่อนเต็มที่ในขณะที่กลุ่ม ใหญ่เดินทางออกจากป่ามาเพื่อจะเดินทางลาดยางมุ่งหน้าไปยังเมือง กัวลา พิล่าห์ (Kuala Pilah) ซึ่งเป็นจุดที่ 2 ของการตั้ง Campsite เราเจอพวกนักแข่งทีมแข่งกลางเมืองที่ทุกคนต้องแวะเติมน้ำมันก่อนเข้าป่า และกินอาหารมื้อกลางวันกันในเมือง ตกบ่ายก็เริ่มเดินทางกันตามสบาย ๆ โดยไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แรก ๆก็เป็นทางลาดยางเล็กๆ เลาะไปตามป่าเขาแต่พอหมดทาง ลาดยางเท่านั้นแหละงานเข้า !
พื้นที่ลักษณะเป็นป่าไผ่คล้ายๆ เมืองกาญจน์ แต่ว่าจะมีร่องน้ำจากพื้นที่สูงลงมาหาพื้นที่ต่ำติดกับแม่น้ำ กว่าจะข้ามได้ขบวนรถติดกันยาวอีกแล้ว ทุกคนเหมือนจะรู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไรกับอุปสรรคข้างหน้า ช่วยกันวินช์ช่วยกันลากผ่านไปด้วยดี แต่กว่าจะถึงแคมป์ไซต์ริมน้ำที่สวยงามก็กินเวลาจนถึงเย็นเกือบจะมืด กลุ่มเราวันนี้ไม่เหนื่อย แม้จะใช้เวลาเดินทางยาวไกลและที่ได้ตั้งแคมป์ในจุดที่ดีพื้นที่กว้างริมแม่น้ำในทาลัง (Talang)
4 ธ.ค.2514 (Day 4) เป็นวันแข่งขันรอบ ๆ Terminator Camp ริมแม่น้ำที่สวยงามทุกคน สะดวกสบายในการเดินไปไหนมาไหนซึ่งจุดแข่งขันอยู่ไม่ห่างจากแคมป์ แม้จะมีฝนตกลงมาตลอดคืน แต่พื้นที่เป็นทรายริมแม่น้ำจึงไม่มีโคลนในบริเวณที่พัก การแข่งขันเป็นไปตามกำหนด และจบลงเวลา 16.00 น.ทำให้นักแข่งทีมแข่งบางส่วนเดินทางออกไปนอกป่าเพื่อไปซ่อมรถและหาที่พักที่ดีกว่า แต่คณะของเราเหมือนครอบครัวใหญ่สมาชิก 24 คน จึงไม่ง่ายที่เคลื่อนย้ายไปไหนได้ และต้องขอชื่นชมทีมงานเพื่อนๆ ชาวมาเลเซียผู้มีประสบการณ์กับการจัดที่พักในป่า ใช้วินช์ให้เป็นประโยชน์ โดยใช้รถ 2 คันยึดโยงสายวินช์แล้วใช้ Fly sheet พาดคลุมเป็นหลัง คาต่อกัน 2-3 แผ่นยาวราว ๆ 30 เมตร แล้วหาวัสดุไม้หรือไม้ไผ่ค้ำกลางยกให้สูงเป็นจั่วได้บ้าน หลังใหญ่ กางเตียงผ้าใบนอน ได้ 20-30 คนและมีพื้นที่ทำอาหารโดยไม่หวั่นว่าฝนตก ฟ้าร้อง ยังไงเราก็กินนอนกันได้ และการเซทอัพแคมป์หรือจัดเก็บเคลื่อนย้ายทุกคนในคณะต่างก็มีน้ำใจ ช่วยเหลือและกันโดยไม่มีใครนิ่งดูดายทุกคนช่วยกันเต็มที่ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
5 ธ.ค. 2514 (Day 5) เราตื่นกันแต่เช้าตรู่กว่าทุกวันและไม่ทำอาหารเช้าเหมือนปกติ เก็บข้าว ของอย่างรวดเร็วเพื่อจะไปกินอาหารเช้าในเมืองระหว่างเดินทางในการย้ายแคมป์อีกสองคืนสุด ท้ายแต่พอกลับออกมาได้ไม่ถึง 3 กม.เจอรถติดล่มอยู่หลายสิบคัน งานเข้าหละคราวนี้อาหารก็ไม่ มีจะกินรถก็ติดกันยาวทางเละเทะไปหมด ไม่อยากจะเชื่อเฉพาะรถคันเรา Land Cruiser คัน เดียวติดในหลุมโคลนกว่า 4 ชม.ทำยังไงก็เอาไม่ขึ้น แม้รถหลายคันจะช่วยกันพยายามดึงยังไงก็ ไม่ขยับเขยื้อน…เวลาผ่านไปจาก 09.00 น. ถึง 14.00 น. 5 ชั่วโมงผ่านไปกว่าจะหลุดออกมาได้ และเดินทางต่อไปเข้าถึงในเมือง กัวลา คลาวัง (Kuala Klawang) เวลา 16.00 น. กว่าจะได้กิน อาหารมื้อแรกด้วยความโหยหิวเหมือนหลุดออกมาจากนรก..อารมย์นั้นอยากกินควายซักตัว !!
หลังจากนั้นเราเดินทางต่อเพื่อจะไปเข้าจุด Campsite สุดท้ายในช่วงเย็นแต่ยังเข้าไปไม่ ถึง ฝนตกหนักในช่วงหัวค่ำกับเส้นทางที่แคบและเป็นไหล่เขาขึ้นๆลงๆตลอด หัวหน้าคณะของเรา จึงไม่อยากเสี่ยงเดินทางต่อไป แวะเข้าหมู่บ้านหาที่แคมปิ้งท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก และสุดท้ายเราได้ที่พักเป็นเหมือนศาลาประชาคมเป็นที่หลับนอนพักผ่อนด้วยความอ่อนเพลีย มันเป็นวันโหดร้ายที่สุดกับการเดินทางครั้งนี้…
6 ธ.ค. 2514 (Day 6) ตื่นเช้าขึ้นมาทุกคนได้ประสบการณ์อันเจ็บปวดมาจากครั้งก่อน เราไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ทุกคนรีบกินอาหารเท่าที่จะหาได้อย่างรวดเร็ว มาม่า ขนม ปัง กาแฟ แค่ต้มน้ำร้อนเทใส่ของกินอย่างเร่งรีบออกเดินทางทันที เพื่อจะไปร่วมวันแข่งที่สำคัญ ให้ทันเวลาอีกสองวันสุดท้ายที่แคมป์ไซต์ ลาต้า คิจัง (ชื่อน้ำตก) ของเมืองเล็กๆชื่อเจเลบู (Jelebu)
เราไปถึงทันเวลาที่กำลังจะเริ่มแข่ง Twilight Zone ซึ่งเป็นช่วงสำคัญและถือเป็นไฮไลท์ ของการแข่งขันกับเส้นทางในธรรมชาติดิบๆ จะมีคนที่อนุญาตให้เข้าไปได้คือ นักแข่ง 2 คน/คัน และสื่อ (Media) เท่านั้น ตลอดเส้นทาง 8 กม.ห้ามมีบุคคลอื่นหรือทีมเข้าไปช่วยเหลือ โดยจัดเป็นรถแข่ง 2 คัน/ทีม และห้ามแซงทีมที่อยู่ข้างหน้า ผมกับคณะสื่อต้องเดินทางเท้าในเส้นทางวิบากที่รถแข่งวิ่ง สื่อบางคนก็เกาะรถแข่งเข้าไปหาที่ถ่ายภาพที่ตัวเองชอบ เส้นทางผ่านข้ามคลอง เราหยุดรอมุมสวยๆ เก็บภาพมาฝากที่หาได้ยาก นับว่าการแข่งแบบนี้มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่งกับการ เอาตัวให้รอดออกมาได้ซึ่งต้องใช้เวลาตลอดวันกับการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดและใครก็ช่วยไม่ได้
7 ธ.ค. 2514 (Day 7) Final Day วันสุดท้ายรอบๆ แคมป์ไซต์เจเลบูริมแม่น้ำใสไหลเย็น เป็นวันที่ต้องแข่งอีก 3 stages สุดท้าย เริ่มกันตั้งแต่ 09.00 น. ทุกคนเตรียมพร้อมถ่ายทำภาพที่ต้องการโดยเฉพาะ SS สุดท้ายเป็นการแข่งในแม่น้ำบางจุดลึกถึงคอ ผู้คนทั้งแคมป์ไซต์ออกมาลุ้นกันอย่างสนุกและเสียงเชียร์รถของทีมตัวเองกันสนั่น เราได้เก็บภาพและบรรยากาศกันอย่างเต็มอิ่มก่อน จะอำลาผืนป่า Rain Forest Challenge ที่สร้างคอนเซ็ปท์และแบรนดิ้งระดับ Global ซี่งในปีนี้มีคนมาจาก 25 ประเทศเข้าร่วมงาน รวมผมด้วยซึ่งเป็นคนไทยคนเดียว และขอขอบคุณ Luis J.A. Wee ผู้ก่อตั้ง RFC, Thomas Foo เพื่อนเก่าที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ยุค S.E.A. Cross Country Rally 1995 และหัวหน้าทีมสื่อมวลชน Ruddiee Khaw ช่างภาพมืออาชีพ จากปีนังผู้เชื่อมโยงให้ผมไปทำข่าวแข่ง Lushan ที่เมืองจีน และในงานนี้ RFC 2014… “A Top Ten World’s Toughest Motor Races”
พบกันใหม่ฉบับหน้ารายการผลการแข่งขันและภาพสวย ๆ International Rain Forest Challenge 2014
เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร ออฟโรด : www.grandprix.co.th/offroadmagazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ไดที่ www.grandprix.co.th
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.