Suzuki eVitara รถไฟฟ้ารุ่นแรก ใช้พื้นฐานจากรถคอนเซ็ปต์ eVX
Suzuki เผยโฉม eVitara รถไฟฟ้าใช้แบตเตอรี BEV ที่มีการผลิตจำนวนมากรุ่นแรกของตนออกมา โดยใช้พื้นฐานจากรถคอนเซ็ปต์ eVX ที่เคยแสดงในงานออโตเอ็กซ์โป 2023 ที่อินเดีย และงาน Japan Mobility Show เดือนตุลาคมปีเดียวกัน โดยเป็นรถไฟฟ้า BEV รุ่นแรกในยุทธศาสตร์โลกของแบรนด์
Suzuki eVitara ถูกระบุว่าได้รับการออกแบบในแนวทาง High-Tech & Adventure จึงทำให้รถมากับความรู้สึกที่ล้ำหน้าของรถไฟฟ้าและความแข็งแกร่งที่เป็นธรรมชาติของรถเอสยูวี เพื่อจุดแรงบันดาลใจถึงความรู้สึกของการผจญภัย โดยภายนอกของรถมีลักษณะที่โดดเด่นด้วยยางขนาดใหญ่และระยะฐานล้อที่ยาว ส่วนขนาดของรถมีความยาว 4,275 มม. กว้าง 1,800 มม. สูง 1,635 มม. ขณะที่ระยะฐานล้อของรถมีความยาว 2,700 มม.
รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่อยู่บนแพลตฟอร์ม HEARTECH-e ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นใหม่สำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยประกอบด้วยโครงสร้างน้ำหนักเบา การป้องกันไฟฟ้าแรงดันสูง และให้พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างจากโอเวอร์แฮงก์ที่สั้น พร้อมมีการออกแบบพื้นรถให้ลดชิ้นส่วนใต้ท้องรถลง เพื่อให้แบเตอรีของรถมีความจุสูงสุด
ห้องโดยสารของรถถูกระบุว่ามีทั้งจอและอุปกรณ์ที่มีความล้ำหน้า พร้อมด้วยแผงในห้องโดยสารและคอนโซลกลางที่ดูแกร่งเพื่อสะท้อนถึงแนวทางการออกแบบ High-Tech & Adventure ของรถ
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของรถประกอบด้วยเพลา eAxle ที่มีมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และแบตเตอรีลิเธียมไอออนรวมอยู่ด้วย โดยรถจะมี 3 รุ่นให้เลือก ระหว่างรุ่นพื้นฐานมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 106 kW หรือ 142 แรงม้าขับเคลื่อน 2 ล้อ แรงบิด 189 นิวตัน-เมตร มากับแบตเตอรีความจุ 49 kWh หรือรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ามีกำลังมีกำลังขึ้นเป็น 128 kW หรือ 172 แรงม้า แรงบิด 189 นิวตัน-เมตร มากับแบตเตอรีความจุ 61 kWh
ส่วนรุ่นสูงสุดของรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยมอเตอร์หน้ามีกำลัง 128 kW หรือ 172 แรงม้า มอเตอร์หลังมีกำลัง 48 kW หรือ 64 แรงม้า มีกำลังรวม 135 kW หรือ 181 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร และมากับแบตเตอรีความจุ 61 kWh
โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้าของรถ ALLGRIP-e ใช้ 2 เพลา eAxle อิสระด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งมีโหมด Trial สำหรับรับมือกับเส้นทางที่โหด ซึ่งจะใช้การเบรกเพื่อควบคุมการหมุนของล้อและกระจายแรงบิดไปยังล้อตรงกันข้าม
อย่างไรก็ตามทางผู้ผลิตยังไม่มีข้อมูลด้านระยะการเดินทางของรถเมื่อชาร์จไฟเต็มออกมา ส่วนการผลิตรถจะมีขึ้นในโรงงานที่อินเดียช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2025 ก่อนจะขายที่ยุโรป อินเดีย และญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน 2025
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.