Audi Q6 Sportback e-Tron เน้นความอเนกประสงค์และสปอร์ตมากขึ้น

Audi ขยายรุ่นรถเอสยูวีไฟฟ้าของตนด้วยรถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า Q6 Sportback e-Tron และรุ่นสมรรถนะสูง SQ6 Sportback e-Tron ที่เดินทางได้สูงสุด 656 กิโลเมตรเพื่อทำตลาดรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางโดยเป็นทางเลือกที่สปอร์ตมากขึ้นจาก Q6 e-Tron โดยจะเริ่มรับออร์เดอร์รถในช่วงปลายปี 2024 นี้

Audi Q6 Sportback e-Tron มาในดีไซน์ตามแนวของ Q6รุ่นปกติที่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่มีกระจกหน้าที่ลาดเอียงไปด้านหลังต่อเนื่องไปถึงแนวหลังคาที่ลาดลงด้านหลังพร้อมมีกระจกหน้าต่างที่เล็กสร้างความสปอร์ตให้กับรถ รวมทั้งมีความสูงน้อยกว่ารุ่นปกติ 37 มม. ซึ่งด้วยดีไซน์ของรถเอสยูวีคูเป้ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน 0.26 Cd น้อยกว่ารุ่นปกติ 0.02 ซึ่งส่งผลต่อระยะการเดินทางของรถ

ห้องโดยสารของรถมาพร้อมความทันสมัยด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขนาด 11.9 นิ้ว และจอ Infotainment ขนาด 14.5 นิ้วที่ทำงานด้วยระบบ Android Automotive OS โดยที่มีออปชัน Augment Reality Head-up Display และจอขนาด 10.9 นิ้วสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าให้เลือกติดเพิ่ม ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานอื่นมีผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียงที่ทำงานโดย ChantGPT สามารถจดจำได้มากกว่า 800 ความต้องการ

ห้องโดยสารของรถเน้นความยั่งยืนด้วยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใช้ชิ้นส่วนรีไซเคิลร่วมด้วย โดยหลังคา เสา และที่ยังแดดถูกหุ้มด้วย Draft ซึ่งเป็นผ้าทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บของใต้ฝากระโปรงหน้าความจุ 64 ลิตร และพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังความจุ 511 ลิตร ซึ่งสามารถเพิ่มเป็น 1,373 ลิตรด้วยการพับเบาะหลังลง.

ระบบขับเคลื่อนของรถรุ่นพื้นฐานใช้แบตเตอรีความจุ 83 kWh ให้พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 292 แรงม้าติดตั้งที่ด้านหลังของรถเพื่อเดินทางได้ถึง 545 กิโลเมตร จากนั้นขยับขึ้นมาเป็นรุ่น Performance ใช้แบตเตอรี 100 kWh ให้พลังงานสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า 326 แรงม้า เพื่อเดินทางได้ 656 กิโลเมตร ส่วนรุ่น Quattro ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังรวม 388 แรงม้าสำหรับขับเคลื่อนทุกล้อของรถ เดินทางได้ 636 กิโลเมตรเมื่อชาร์จไฟเต็ม

สำหรับรุ่นแรง SQ6 Sportback e-Tronมีกำลัง 517 แรงม้า ใช้เวลา 4.3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ทำความเร็วได้สูงสุด 230 กม./ชม. และเดินทางได้ 607 กิโลเมตรเมื่อชาร์จไฟเต็มความจุ

การชาร์จไฟของรถมีทั้งรองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง 225kW, 260 kW และ 270 kW ทำให้ชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลา 22 นาที ส่วนราคารถในเยอรมนีเริ่มต้นที่ 65,900 ยูโรไปจนถึง 96,200 ยูโร

 

 

 

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save