Alfa Romeo Junior ซับคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นใหม่ มาพร้อมสองขุมพลังให้เลือก

Alfa Romeo ผู้ผลิตรถยนต์ดังจากอิตาลีเผยโฉมรถเอสยูวีขนาดเล็กรุ่นใหม่ออกมาในชื่อ Milano แต่เนื่องจากจะประกอบรถในโปแลนด์ทำให้หน่วยราชการในอิตาลีที่เกี่ยวข้องไม่อนุญาตให้ใช้ชื้อนี้ จึงต้องทำการเปลี่ยนชื่อเป็น Junior หลังจากเปิดตัวออกมาในชื่อ Milano เพียงไม่กี่วัน

Alfa Romeo Junior รถซับคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกของแบรนด์ที่เข้าสู่ตลาดรถไฟฟ้าอยู่บนแพลตฟอร์ม CMP2 ของ Stellantis เหมือนกับ Fiat 600 และ Jeep Avenger รถยนต์จากแบรนด์ร่วมเครือ โดยในด้านการออกแบบรถด้านหน้ามาพร้อมกับความทันสมับด้วยไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยวและกระจังหน้า Scudetto ที่แสดงถึงยุคใหม่ของรถพร้อมกับแสดงถึงสิ่งที่สืบทอดต่อมาของแบรนด์ด้วยรูปทรง 3 เหลี่ยมของกระจังหน้าและรายละเอียดภายในที่เป็นรูปงูกินเด็กซึ่งเป็นโลโก้ของแบรนด์

การออกแบบส่วนต่างๆ ของรถยังสะท้อนมาจากรถรุ่นดังของแบรนด์ อย่างกันชนหน้าถูกระบุว่านำแรงบันดาลใจมาจากเวอร์ชัน Quadrifoglio ซึ่งเป็นรุ่นแรงของ Giulia และ Stelvio ที่มีช่องดักลมขนาดใหญ่และ Splitter รวมอยู่ด้วย ขณะที่ด้านหลังของรถมากับการออกแบบ Kamm tail ที่ทำให้คิดถึง Giulia TZ นอกจากนี้รถยังมีซุ้มล้อขนาดใหญ่ ส่วนขนาดภายนอกของรถมีความยาว 4,170 มม. กว้าง 1,780 มม. สูง 1,500 มม.

ห้องโดยสารของรถมาพร้อมกับความทันสมัยด้วยจอคู่ขนาด 10.25 นิ้ว สำหรับจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Cannocchiale และจอ Infotainment โดยที่มีแพกเก็จสปอร์ตที่ประกอบด้วยเบาะ Sabelt หุ้ม Alcantara ให้เลือก ขณะที่เกรดแต่งอื่นมีเบาะหุ้มไวนิล Spiga และผ้าร่วมกับพวงมาลัยหุ้มหนัง รวมทั้งรถยังมีระบบช่วยขับขี่เลเวล 2 มาให้ใช้

รถที่มากับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนจะมีชื่อ Elettrica ต่อท้าย มี 2 ทางเลือกระหว่างรุ่นพื้นฐานที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 156 แรงม้า และแบตเตอรี 54 kWh ให้ระยะเดินทางได้ 410 กิโลเมตร รองรับการชาร์จไฟแบบเร็ว 100 kW และ Elettrica Veloce ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 240 แรงม้า พร้อมมี Self-locking Differential จาก Torsen ยางสมรรถนะสูงขนาด 20 นิ้ว และช่วงล่างสปอร์ตที่ลดความสูงของรถลง 25 มม. เมื่อเทียบกับรถที่มีแรงม้าน้อยกว่า รวมไปถึงมีบาร์กันโคลงหน้าและหลัง พร้อมกับใช้ดิสก์เบรกหน้าขนาด 380 มม. ร่วมกับคาลิเปอร์เบรก 4 ลูกสูบ

ส่วนรถที่มีระบบขับเคลื่อนไฮบริดซึ่งมีชื่อ Ibrida ต่อท้ายชื่อรุ่น ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เทอร์โบ 136 แรงม้า ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อน 28 แรงม้า และแบตเตอรี 48-Volt โดยใช้ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 6 สปีด และมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าหรือ 4 ล้อ

ราคาของรถูกระบุว่าจะต่ำกว่า 30,000 ยูโร โดยรุ่นไฟฟ้าล้วนจะเริ่มขายปลายปีนี้ ส่วนรุ่นไฮบริดจะขายในปีหน้า

 

 

 

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save