The All New Volvo C40 Recharge Pure Electric ยุคใหม่ของเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ทรงพลัง สะอาด และปลอดภัยที่สุด

วอลโว่ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ที่ปรับเปลี่ยนตัวเองให้ยืนหยัดอยู่ได้ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจ แบรนด์รถยนต์จากสวีเดนรายนี้สร้างจุดเริ่มต้นด้านความปลอดภัยเอาไว้หลายเรื่อง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้านความปลอดภัยต้องยกให้กับวอลโว่ โดยเฉพาะในเรื่องของเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ที่พัฒนาขึ้นมาและมีการนำมาใช้งานในรถยนต์ทุกแบรนด์ในปัจจุบัน แม้ว่าในช่วงหนึ่งรถยนต์ของวอลโว่อาจจะไม่ได้โดนใจกลุ่มผู้ใช้รถคนไทยสักเท่าไหร่ ยอดขายเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่พอมาถึงยุคนี้ที่รถยนต์ไฟฟ้ามีบทบาทและได้รับการตอบรับที่มากขึ้น ผลที่วอลโว่ได้ซุ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้เริ่มออกฤทธิ์ ทำให้วันนี้รถยนต์ไฟฟ้าของวอลโว่ที่อยู่ในระดับพรีเมียม มียอดขายที่โตขึ้นถึง 71%

หากจะนับรถยนต์วอลโว่ในตระกูล Recharge Plug-in Hybrid ที่ผ่านมา มีทั้งรุ่น S60, V60, S90, XC40, XC60 และ XC90 แต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่ต่างกัน ซึ่งเป็นการปูทางถึงรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ในการขับเคลื่อนเท่านั้น และรถรุ่นที่โดดเด่นที่สุดในตอนนี้จะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก “The All New Volvo C40 Recharge Pure Electric” ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย สมรรถนะที่ทรงพลัง ดีไซน์โดดเด่น และฟีเจอร์ที่จัดเต็มมากพอต่อการใช้งาน ทั้งการขับขี่ในเมือง หรือการเดินทางไกลไปต่างจังหวัด

มีคำพูดหนึ่งที่น่าสนใจของ มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้พูดเอาไว้เมื่อปีที่แล้วว่า “วอลโว่ คาร์ เชื่อว่ากุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืนคือการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยตั้งแต่ปี 2020 รถยนต์วอลโว่ที่จำหน่ายในประเทศไทยมีเพียงรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เท่านั้น และภายในปี 2030 วอลโว่จะจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งหมด ซึ่งรถยนต์วอลโว่แบบ Pure Electric ทุกคัน จะจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และมาพร้อมกับ Volvo Care Package ซึ่งรวมการรับประกัน การบริการ และการบำรุงรักษา ประกันภัย และบริการติดตั้ง Wall Box ชาร์จไฟรถยนต์ที่บ้าน เพื่อมอบอิสรภาพแห่งความเป็นคุณในการขับขี่ ความปลอดภัย และความยั่งยืน”

แต่วันนี้สิ่งที่พูดเอาไว้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีกว่า เพราะเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวยอดขายของวอลโว่ในประเทศไทย โดยกลุ่มรถยนต์ตระกูล Recharge Plug-in Hybrid มียอดขายที่เพิ่มขึ้น 24% ซึ่งคิดเป็น 64.8% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท โดยรุ่นที่ขายดีที่สุด ได้แก่รุ่น XC60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid (22.7% ของยอดขาย, XC40 Recharge Pure Electric (22.2%, XC40 Recharge Ultimate T5 Plug-in Hybrid (14.7%), C40 Recharge Pure Electric (13%) และ V60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid (9.1%) นั่นส่งผลให้วอลโว่เตรียมที่จะวางแผนการจัดจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยในปี 2025 ซึ่งถือว่าเร็วกว่าเป้าหมายของวอลโว่ โกลบอล ถึง 5 ปี ทำให้มองเห็นชัดเจนเลยว่า วันนี้คือวันของวอลโว่ที่ก้าวสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง

หากย้อนความ เพื่อต้องการให้เข้าใจว่าทำไมต้องหยิบยกเรื่องของเอสยูวีขนาดพอเหมาะ The All New Volvo C40 Recharge Pure Electric รุ่นนี้มาเขียนถึง เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้รถส่วนใหญ่เปลี่ยนไป หลายคนเติบโตขึ้น รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป มีความต้องการอยากลองอะไรใหม่ๆ รวมทั้งกลุ่มผู้ใช้รถรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนมากขึ้น ซึ่ง C40 รุ่นนี้ถือว่าทำการบ้านมาดี ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดนั่นเอง ไม่แปลกที่ทำไมยอดจองตั้งแต่ช่วงงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปีที่ผ่านมา ถึงมีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปจองกันแบบที่ว่ารถยนต์ฝั่งเจ้าตลาดยังต้องมองค้อนกันเลย

การออกแบบที่เรียบหรู มินิมอล แต่โดดเด่นในสไตล์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

สำหรับ The All New Volvo C40 Recharge Pure Electric ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Compact Modular Architecture (CMA) ที่วอลโว่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์คอมแพ็คในสไตล์ Crossover Coupe ที่อัดแน่นไปด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจผ่านขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Dual Motor AWD และยังเป็นรถที่สามารถอัปเดตประสิทธิภาพและฟังก์ชันได้อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้นแบบของรถยนต์ที่สะท้อนมุมมอง และอนาคตของยนตรกรรมวอลโว่เอาไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม

ในส่วนของการออกแบบ โดดเด่นด้วยเส้นหลังคาแบบ Slimmed Crossover Roof Line ที่ออกแบบมาให้รับกับทรงท้ายรถลาดต่ำตามแบบฉบับรถยนต์สไตล์คูเป้ ไฟท้ายแบบเส้นปะที่เดินเส้นไปสู่แผงไฟหลักด้านหลังตัวรถสะท้อนการผสมผสานความโมเดิร์นและความคลาสสิกได้อย่างลงตัว แผง Aero Optimised Spoiler ที่ไม่เพียงทำให้มองดูน่าเย้ายวนสะดุดตา แปลกใหม่ แต่ยังช่วยในเรื่องของการทรงตัวและการยึดเกาะถนนอีกด้วย

ด้านหน้ารถยังคงเอกลักษณ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของวอลโว่ ด้วยตะแกรงแบบฝาครอบปิดสีเดียวกับตัวถัง ประดับด้วยตราสัญลักษณ์วอลโว่ เรียบหรู ดูมินิมอลตามแบบฉบับสแกนดิเนเวียน ซึ่งเพียงแค่เห็นด้านหน้ารถจะรู้ได้ทันทีว่านี่คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากวอลโว่ ต่อจากนี้จะไม่เห็นตะแกรงแบบเป็นช่องๆ สำหรับรับลมเพื่อช่วยระบายความร้อนอีกต่อไปแล้ว

ส่วนภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้รับกับดีไซน์ภายนอกของรถ ให้ความเรียบหรู ทันสมัย เลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในที่มีระดับ แถมยังบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ขับขี่เอาไว้อย่างชัดเจน มีการออกแบบแผงคอนโซลหน้าในสไตล์ Topography Translucent Decor ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภูมิทัศน์ของเทือกเขาในประเทศสวีเดน ใส่ลูกเล่นซ้อนวัสดุที่แตกต่างกันถึง 3 เลเยอร์ ให้มุมมองสามมิติบนผิวสัมผัสที่เรืองแสงเพิ่มความโดดเด่นให้ห้องโดยสาร

หลังคา Panoramic Glass Roof ให้มุมมองและความรู้สึกโล่งสบายในห้องโดยสาร แต่ป้องกันความร้อนภายนอกได้สูงถึง 80% แต่สำหรับแสงแดดที่ร้อนแรงในประเทศไทย แนะนำว่าควรติดตั้งฟิล์มกรองแสงเพิ่มอีกสักหน่อยจะช่วยให้ห้องโดยสารร้อนน้อยลงเมื่อจอดรถตากแดด และมีความเย็นเร็วขึ้นเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งยังได้เพลิดเพลินกับระบบ Infotainment ของ Volvo with Google Built in ที่ใช้แอปพลิเคชันจาก Google อย่าง Google Maps, Google Assistant ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านคำว่า “Hey Google” เพื่อควบคุมแอปพลิเคชันอย่าง Sportify รวมทั้ง Google Play หรือจะควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Volvo Cars App บนสมาร์ตโฟนของผู้ขับขี่ได้เช่นเดียวกัน

ขุมพลังที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แรงแบบรักษ์โลก

ความแรงที่ปกติแล้วต้องแลกมากับค่าคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของผู้คน ถูกเปลี่ยนเป็นขุมพลังงานสะอาด จากมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Dual Motor AWD ให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า ที่ 4,350–13,900 รอบ/นาที แรงบิดระดับมหาศาลถึง 660 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในระยะเวลาเพียง 4.7 วินาที รวมทั้งให้ระยะทางการขับขี่มากถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ถือว่ามากเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้านแบตเตอรี่ยังมีระบบรองรับการชาร์จเร็วที่ใช้เวลาการชาร์จจาก 0–80% เพียง 37 นาที พร้อมด้วยระบบการขับขี่แบบ One Pedal Drive ที่ช่วยให้การเร่ง ชะลอ และเบรก ทำได้ด้วยแป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว และเริ่มขับได้แบบไม่ต้องกดปุ่มสตาร์ต เพราะเมื่อเข้ามาในรถแล้วให้เหยียบเบรก แล้วเข้าเกียร์ D หรือ เกียร์ R รถจะสามารถขับเคลื่อนได้ทันที ไม่ต้องมองหาปุ่มสตาร์ตนะ ปุ่มนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว

เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอัดแน่นตามสไตล์วอลโว่

นอกจากสมรรถนะในการขับขี่ที่แรง ปลอดภัย มั่นใจได้แล้ว ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำ เพื่อส่งมอบความปลอดภัย และประสบการณ์การใช้รถที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าที่มาพร้อม Pixel Technology Headlight โดยใช้เซ็นเซอร์กล้องหน้าควบคุมการเปิดปิดของ LED ทั้งหมด 84 ดวง ในไฟหน้าให้เป็นอิสระต่อกันเพื่อไม่รบกวนสายตาของผู้ขับรถในช่องทางเลนตรงข้าม ซึ่งชุดไฟนี้ยังสามารถปรับระดับความสว่างได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมของแสงภายนอกอีกด้วย

แล้วยังมีลูกเล่นเล็กๆ อย่างสัญญาณไฟ Welcome Light ต้อนรับเมื่อผู้ขับแตะที่มือจับประตูรถ ระบบ Advanced Driver Assist System (ADAS) ใหม่ล่าสุด ที่ช่วยให้กล้องและเซ็นเซอร์รอบตัวรถตรวจจับวัตถุได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และฟังก์ชันเพื่อช่วยในการขับขี่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Driver Assist with Pilot Assist (ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ), Adaptive Cruise Control (ระบบควบคุมความเร็วแปรผันเพื่อรักษาระยะห่าง), Collision Avoidance (ระบบเลี่ยงการชนและหยุดรถอัตโนมัติ), Cross Traffic Alert with Auto Brake (ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลังออกจากที่จอด พร้อมฟังก์ชันหยุดรถอัตโนมัติ) และ Lane Keeping Aid (ระบบแจ้งเตือนด้วยแรงสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถวิ่งออกนอกช่องทางเดินรถ) เป็นต้น

VOLVO ELECTRIFY YOUR DRIVING EXPERIENCE One Pedal Drive เซอร์ไพรส์ที่เหนือชั้นในสนามแข่ง

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ด้วยการขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ Plug-In Hybrid กันในสนามแข่งรถระดับตำนานอย่าง สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.ชลบุรี งานนี้ลูกค้ากว่า 600 คน ที่ได้ลองขับในสนามต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า เร้าใจ ตื่นเต้น และประทับใจ กับประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับในครั้งนี้ โดยมีรถไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง Volvo C40 Recharge Pure Electric และ Volvo XC40 Recharge Pure Electric นำมาให้ทดสอบประสิทธิภาพการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และรถยนต์ Plug-In Hybrid รุ่นยอดนิยมในตระกูล Recharge Plug-in Hybrid คือ XC40, S60, V60, XC60, S90 และ XC90 มาให้ได้ขับกัน และงานนี้ทีมงาน Off Road ไม่พลาด ซึ่งได้เน้นไปที่การขับ Volvo C40 Recharge Pure Electric เพราะอยากจะรู้ว่า One Pedal Drive เมื่อขับในสนามแข่งจะทำให้ทำเวลาในสนามได้ดีขึ้นหรือไม่

โดย One Pedal Drive เป็นการขับโดยที่ใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว เมื่อถอนคันเร่ง รถจะสร้างแรงหน่วงเพื่อให้รถชะลอความเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องแตะเบรก ซึ่งแรงหน่วงที่เกิดขึ้นนี้เป็นแบบ Adaptive ปรับตามการใช้งานอัตโนมัติ เมื่อขับด้วยความเร็วต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถอนเท้าออกจากคันเร่งทันทีจะรู้สึกถึงแรงหน่วงที่เหมือนกับการเหยียบเบรกระดับกลาง แต่ถ้าขับเร็วกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะมีแรงหน่วงที่รู้สึกได้ว่าเบากว่ามาก ซึ่งต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้าใจกับจังหวะของแรงหน่วงเมื่อถอนเท้าออกจากคันเร่งกันระยะหนึ่ง

เมื่อเข้าสู่สนามทดสอบในช่วงแรกเป็นการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กดคันเร่งเต็มเท้า รถพุ่งออกตัวอย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงสุดทางตรง ลองผ่อนน้ำหนักเท้าออกจากแป้นคันเร่ง แล้วกรอคันเร่งเอาไว้ จะรู้สึกว่ารถที่แรงหน่วงเล็กน้อย เหมือนกับการกรอเบรก เมื่อควบคุมความเร็วผ่านแป้นเบรกเพียงแป้นเดียวได้ พอเข้าโค้งเพียงเติมคันเร่งลงไปเล็กน้อย รถจะเร่งความเร็วเข้าสู่โค้งได้แบบเนียนๆ เมื่อเจอโค้งองศาแคบ ลองผ่อนน้ำหนักคันเร่งในจุดเบรก จากที่ต้องเหยียบเบรกให้น้ำหนักพอประมาณ คราวนี้ไม่ต้องทำแบบนั้น แค่ควบคุมความเร็วให้ผ่านเข้าโค้งด้วยการยกเท้าและกดแป้นคันเร่งเท่านั้น รถจะผ่านโค้งได้แบบนุ่มนวล และเมื่อวกกลับมาถึงจุดสตาร์ตแล้ว

สรุปได้ว่าด้วย One Pedal Drive นี้ เมื่อในสนามแข่งสามารถทำเวลาต่อรอบให้เร็วขึ้นได้ชัดเจน ไม่ต้องเหยียบเบรกให้เสียเวลาต่อรอบ เพราะน้ำหนักเหยียบเบรกของแต่ละครั้งอาจจะไม่เท่ากัน ทำให้เสียเวลาต่อรอบลงไปได้ ซึ่งด้วย One Pedal Drive ทำให้ควบคุมรถ ความเร็ว และการชะลอเบรกได้ดีกว่าการขับแบบควบคุมรถด้วยตัวเองอย่างสิ้นเชิง ยอมรับเลยว่าแจ๋วสุดๆ

ทั้งหมดนี้คือ The All New Volvo C40 Recharge Pure Electric รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% จากวอลโว่ ที่มีทั้งความแรง และเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ กับค่าตัวเริ่มต้น 2,790,000 บาท ถือว่าไม่ได้แพงเกินตัวและสู้กับคู่แข่งได้สบาย นี่ล่ะถึงกลายเป็นรถที่เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลายๆ คน รถดีแบบนี้ชมเชยได้เต็มปากเต็มคำจริงๆ

 

 

 

เรื่อง : พุทธิ ผาสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save