นอกจากค่ายดาวสามแฉกจะทำรุ่นพิเศษให้กับ G 500 ในโอกาสที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ประจำการในรถออฟโรดทรงกล่องรุ่นนี้มา 30 ปีแล้ว ทางฝั่งของ AMG ก็นำเอา G 63 ที่มีขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์ V8 มาทำรุ่นพิเศษผลิตจำกัดออกมาด้วยเช่นเดียวกัน โดยรถออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นพิเศษมาในชื่อ Grand Edition พร้อมกับการใช้สีทองเพิ่มความโดดเด่น
Mercedes-AMG G 63 Grand Edition ซึ่งถูกผลิตจำกัด 1,000 คันมีเฉพาะภายนอกสีดำ Manufaktur Night Black Magno เพียงสีเดียว แต่ตัดด้วยการแต่งโดยใช้สีทอง โดยทั้งโลโก้ดาวสามแฉกและ AMG ที่กระจังหน้าของรถรวมทั้งตราสัญลักษณ์ AMG ที่ฝากระโปรงหน้าของรถมาในสีทอง Kalaharigold Magno รวมไปถึงยังใช้เฉดสีทองเดียวกันนี้แต่งทั้งที่กันชนหน้า กันชนหลัง แผงกันกระแทกใต้กันขนหน้า และขอบที่เก็บล้ออะไหล่ด้านหลังรถ
สำหรับด้านข้างของรถเด่นด้วยล้อฟอร์จ AMG ขนาด 22 นิ้วลาย Cross-spoke สีทอง Tech Gold โดยมีกลางล้อเป็นสีดำด้านพร้อมกับโลโก้ดาวสามแฉกสีทอง Tech Gold เหมือนกับล้อ และสีทองเดียวกันนี้ยังถูกใช้กับแถบเฉียงแนวตั้งด้านข้างรถ นอกจากนี้ยังมีผ้าคลุมสำหรับใช้งานในร่มที่มีชั้นนอกเป็นผ้าไฟเบอร์สังเคราะห์มีทนทานและระบายอากาศได้ ในขณะที่ชั้นในของผ้าคลุมมีคุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ เพื่อใช้ป้องกันฝุ่นและรอยขูดขีดบนตัวรถ
ห้องโดยสารของรถออฟโรดรุ่นพิเศษยังคงใช้สีดำตัดกับสีทอง ด้วยครอบบันไดสีดำมีโลโก้ AMG พร้อมเรืองแสงที่ขอบ เบาะหนัง Nappa สีดำ G Manufaktur เดินด้ายสีทองและมีโลโก้ AMG สีทองที่พนักพิงหลัง ส่วนพรมปูพื้นของรถก็มีสีดำเดินด้ายสีทอง สำหรับมือจับที่หลังคารถถูกหุ้มด้วยหนัง Nappa ขณะที่มือจับที่แผงด้านหน้าผู้โดยสารที่เบาะหน้าเป็นคาร์บอนแต่งด้วยสีทองแดงพร้อมกับมีป้ายระบุชื่อรุ่นพิเศษของรถ เช่นเดียวกับการแต่งในห้องโดยสารที่จะใช้คาร์บอนแทรกด้วยสีทองแดง นอกจากนี้ยังมีพวงมาลัย AMG Performance หุ้มด้วยไมโครไฟเบอร์ Dynamica เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สำหรับขุมกำลัง V8 4.0 ลิตร ไบเทอร์โบของรถออฟโรดรุ่นพิเศษ ให้กำลังขับเคลื่อน 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ส่วนราคารถเริ่มต้นที่ 228,896.40 ยูโร โดยทางค่ายดาวสามแฉกเริ่มรับออร์เดอร์รถทันทีที่เปิดตัว
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.