“Keep Calm and Start Climbing”
ความท้าทายอันไร้ขีดจำกัด อาจกลายเป็นหนึ่งในลำดับความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ เพราะสิ่งที่ตื่นเต้นและท้าทายความสามารถเหล่านั้นช่วยสร้างความมุ่งมั่น และทำให้ให้คนเราเรียนรู้ที่จะเอาชนะตัวเองได
กีฬาปีนหน้าผา เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ต้องใช้ความกล้า และทดสอบใจตัวเองอย่างแท้จริง เพราะยอดบนสุดของหน้าผานั้นก็เปรียบได้กับเป้าหมายที่แต่ละคนวางเอาไว้ในชีวิต กีฬาชนิดนี้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้วในฝั่งยุโรป โดยมักใช้เป็นกิจกรรมยามว่างซึ่งถูกพัฒนามาจากการปีนเขา (Mountaineering) กระทั่งได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี และลามมาฝั่งอเมริกา ถึงขนาดที่ว่าต้องมีการเปิดโรงเรียนสอนปีนหน้าผาเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ที่สนใจในกีฬาชนิดนี้ และในที่สุดก็ได้แพร่หลายไปทั่วโลก ซึ่งในช่วงแรกของความนิยมนั้น อาจยังมีข้อจำกัดในเรื่องของสถานที่ เนื่องจาก ยังไม่มีหน้าผาจำลองให้ได้ทดสอบสมรรถภาพและพละกำลัง แต่ผู้เล่นจะต้องใช้พื้นที่ทางธรรมชาติ หรือหน้าผาจริงเพื่อเป็นการฝึกซ้อมและออกกำลัง ทำให้มีผู้คิดทำลายข้อจำกัดเหล่านั้นให้หมดไปด้วยการสร้างหน้าผาจำลอง ซึ่งก็มีให้ลองกันทั้งในแบบ indoor และ Outdoor โดยมีระดับความยากง่ายแตกต่างกันไป
ซึ่งการปีนหน้าผานั้นสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทหลักด้วยกัน
- Free Climb : คือการปีนโดยไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ไว้ป้องกัน ซึ่งถือเป็นการปีนที่อันตรายถึงชีวิตได้ แต่ก็เป็นการปีนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอดีต โดยผู้ปีนจะใช้เส้นทางที่เรียบง่าย ไม่สูงชันมาก เพราะไม่มีอุปกรณ์ป้องกันใดๆ และในระยะหลังแม้ว่าจะเป็นการปีนหน้าผาที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากนักปีนผาด้วยกันเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังคงมีผู้เล่นอยู่บ้างประปราย โดยปรับเทคนิคการปีนให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการเลือกสถานที่ที่อยู่ในทะเล ไม่เน้นความสูง และเป็นหินก้อนใหญ่ในบางช่วงของหน้าผาเท่านั้น เพราะอย่างน้อยหากเกิดความผิดพลาดอย่างไร ก็ยังตกลงไปในทะเล ฉะนั้นแค่ว่ายน้ำเป็นก็ไม่อันตรายมากเท่าไหร่
- Traditional Climb : เป็นประเภทการปีนหน้าผาที่ยาก และต้องใช้เทคนิค บวกกับทักษะความรู้มากพอควร เนื่องจากผู้ปีนจะต้องค่อยๆ ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปกับตัวหน้าผาเอง เพื่อให้สอดคล้องกับแรง จังหวะการก้าว และน้ำหนักของผู้เล่น ทำให้ต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องการปีน และการติดตั้งอุปกรณ์ เพราะหากติดตั้งผิดจุดก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้ แต่โดยส่วนใหญ่นักปีนเขามักจะเลือกปีนในระดับความยากที่ไม่ยากเกินไปนัก เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งอุปกรณ์ และการเล่นของผู้ปีนเอง
- Sport Climb : การปีนประเภทนี้ถือได้ว่าปลอดภัยที่สุด เพราะมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่างดี และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการติดตั้งในแต่ละจุดที่จะก้าวปีนขึ้นไปนั้นก็ถูกเตรียมติดตั้งไว้ให้อย่างดีโดยฝีมือของผู้ชำนาญ ทำให้นักปีนหน้าผาสามารถเข้าถึงจุดปีนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และยังได้มีการนำเทคนิคในการติดตั้งลักษณะเดียวกันนี้เข้ามาใช้กับหน้าผาจำลอง ทำให้กลายเป็นกีฬาที่แพร่หลายเข้าสู่สังคมเมืองในเวลาต่อมา
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับกีฬาปีนหน้าผา
- Auto Belay : เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยในขณะปีน หากเกิดพลาดแล้วตัวของผู้ปีนหลุดออกจากจุดที่ติดตั้งไว้กับหน้าผา Auto Belay จะช่วยให้ตัวเราค่อยๆ หล่นลงพื้นอย่างช้าๆ
- Harness : เป็นลักษณะของเข็มขัดที่ใช้รัดกับตัวผู้ปีน เพื่อความปลอดภัย เพราะตัวเข็มขัดนี้จะเชื่อมไว้กับ Auto Belay
- Shoes for Climbing : ต้องใช้รองเท้าสำหรับการปีนเขาโดยเฉพาะ ซึ่งต่างจากรองเท้ากีฬาทั่วไป จะมีความบางเบา และค่อนข้างแนบไปกับเท้าของผู้สวมใส่ เวลาใส่ไปแล้วจะต้องรู้สึกกระชับมากที่สุด หากปกติผู้เล่นนั้นใส่รองเท้าอยู่ที่เบอร์ 10 ก็อาจจะต้องลดไซส์ลงมาอยู่ที่เบอร์ 9 หรือ 9.5 เพื่อความกระชับไปในทุกๆ การเคลื่อนไหว
เริ่มต้นปีนหน้าผาแบบพื้นฐาน
ขั้นแรก : ต้องฝึกปีนแบบ Bouldering ซึ่งเป็นการปีนขั้นต้น โดยใช้เพียงรองเท้าและผงแมกนีเซียม คาร์บอเนต เพื่อกันลื่น แต่ด้วยความแตกต่างของร่างกายแต่ละคนนั้น ไม่อาจมีกฏเกณฑ์ตายตัวที่สามารถใช้แล้วเหมาะสมสำหรับนักกีฬาทุกคนได้ เพียงแต่จะต้องคำนึงเอาไว้เสมอว่า การเคลื่อนไหวร่างกายในแต่ละครั้งนั้นจะต้องพยายามทำให้ร่างกายสมดุลกันเสมอ ผู้ปีนจะต้องคำนึงถึงความถนัดของตนเองเป็นหลัก และเน้นว่าในการเคลื่อนไปแต่ละครั้งนั้น จะต้องเซฟแรงที่แขนไว้ให้มากที่สุด และเน้นใช้กำลังจากขาเพื่อดันตัวให้เคลื่อนที่ขึ้นไป ในส่วนนี้ก็จะทำให้ไม่หมดแรงได้ง่าย
ขั้นที่สอง : เรียกว่า Kernmanle คือเมื่อผู้เล่นผ่านการฝึกเคลื่อนตัวแบบ Bouldering มาแล้ว ก็จะต้องมาฝึกผูกเงื่อนเชือกปีนผา ซึ่งการผูกเชือกนี้สำคัญมากสำหรับนักปีนผา เพราะจะต้องฝูกเชือกให้เป็นเงื่อนเลขแปดเพื่อใช้ผูกกับห่วงฮาร์เนสเพื่อดึงตัวนักปีนผาไว้กรณีที่ตกลงมา
ขั้นที่สาม : หลังจากนั้นควรฝึกปีนตามผู้นำ หรือเรียกว่า Top Roping จะเป็นการนำเชือกขึ้นไปสอดผ่าน แองเคอร์ (Anchor) ซึ่งอยู่ตรงจุดปลายทางของการปีน ดึงเชือกลงมายังพื้นให้ปลายด้านหนึ่งยาวพอที่ผู้ปีนสามารถ ผูกเงื่อนเลขแปดไว้กับฮาร์เนสของตัวเอง ส่วนปลายเชือกอีกด้านหนึ่งนั้นบีเลเยอร์จะร้อยผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า บีเลย์ (Belay) แล้วคล้องอุปกรณ์บีเลย์ไว้กับห่วงฮาร์เนสของตัวเอง
สำหรับการเริ่มต้นเล่นกีฬาปีนหน้าผานี้ ผู้เล่นอาจจะไม่มีทักษะพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การเริ่มต้นที่หน้าผาจำลองจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างง่ายกว่าการไปเริ่มต้นที่หน้าผาจริง และสิ่งสำคัญที่สุดเลยคือความปลอดภัยที่ทางทีมงานจัดเตรียมเอาไว้ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกปลอดภัย และมีความมั่นใจในการเล่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีฟิสเนตหลายที่ที่สร้างหน้าผาจำลองขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ที่ต้องการออกกำลังท้ายทายชนิดนี้
แต่สำหรับหน้าผาจำลองที่ถือได้ว่ามีความตื่นเต้น ท้ายทาย และถูกขนานนามจากผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ให้เป็นหน้าผาจำลองที่ดีที่สุดใน พ.ศ. นี้ นั่นคือ “Climbing Wall” ณ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ฟิตเนสคลับสัญชาติอังกฤษ ซึ่งถือได้ว่าเป็นฟิตเนสคลับที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ถูกเนรมิตขึ้นบนพื้นที่ 5 ชั้นของเวอร์จิ้นแอ็คทีฟ ภายใต้คอนเซ็ปท์ Active Live Performance โดยมีการจัดโชว์ต่างๆ ขึ้นในแต่ละสตูดิโอ ซึ่งมีการออกกำลังกายให้เลือกหลากหลายชนิดเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีชีวิตเร่งรีบ แต่รักสุขภาพ ต้องการสถานที่ออกกำลังกายที่ครบวงจร หนึ่งชนิดกีฬาที่ได้รับความสนใจอย่างมากนั่นคือ Climbing Wall กีฬาที่ผู้รักการออกกำลังกายทุกคนต้องลอง และลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือหน้าผาที่ผสานเอาความทันสมัย ความท้าทายไว้กับการออกกำลังกายได้อย่างลงตัว
Climbing Induction เป็นการออกกำลังกายที่ต้องอาศัยความแข็งแรงทนทานของกล้ามเนื้อแขนและขาให้มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งหน้าผาของเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ มีตัวรอกที่ช่วยชะลอความเร็วในการลง (Auto Belay) ทั้งหมด 5 เส้น เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้เล่นขณะทิ้งตัวลงมา ซึ่งแต่ละเส้นจะนำผู้เล่นขึ้นสู่หน้าผาที่มีระดับความชันและความยากที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางด้านการปีนผาของผู้เล่นแต่ละคน สำหรับผู้เล่นที่เพิ่งเริ่มในระยะแรก ควรจะอยู่ในความควบคุมดูแลและการให้คำแนะนำจากเทรนเนอร์ จำเป็นต้องมีการทำ Induction แนะนำการใช้อุปกรณ์ ระเบียบ และวิธีการใช้เบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปีนผา จุดเด่นของคลาสนี้คือ ความท้าทายผู้เล่นให้ใช้ความแข็งแรงทนทานของกล้ามเนื้อแขนและขา และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ต้องอาศัยการใช้ไหวพริบในการปีนว่าจะต้องปีนอย่างไรเพื่อนำตัวเราไปพิชิตถึงยอดผาได้
คลาส Climbing Induction ของ Virgin Active สามารถรองรับผู้เล่นได้ 5 คน โดยจะมีเทรนเนอร์เป็นผู้ควบคุมดูแลตลอดคลาส คลาสนี้จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 30 นาที และให้ประโยชน์กับร่างกายในทุกส่วน แต่ที่โดดเด่นมากคือ การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อแขน ขา และหัวใจ ช่วยให้การทำงานของระบบหัวใจและระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถเผาผลาญไขมันส่วนเกินและแคเลอรี่ได้อย่างมหัศจรรย์ ซึ่งสำหรับใครที่สนใจกีฬาปีนหน้าผา อยากจะทดลองเล่นเพื่อเสริมทักษะก่อนที่จะออกไปปีนหน้าผาจริงนอกสถานที่ สามารถเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.virginactive.co.th หรือ www.facebook.com/VirginActiveThailand หรือโทร. 02-770-9772
เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร ออฟโรด : www.grandprix.co.th/offroadmagazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ไดที่ www.grandprix.co.th
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.