BMW X5 และ X6 ปรับโฉมภายในและภายนอก เพิ่มกำลังขับเคลื่อนทั้งรุ่นท็อปและปลั๊กอินไฮบริด
BMW ทำการปรับโฉมให้กับรถเอสยูวีขนาดกลางทั้ง X5 และ X6 ซึ่งนอกจากจะมีการปรับทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารแล้ว ยังมีการเพิ่มกำลังขับเคลื่อนทั้งรุ่นท็อปและปลั๊กอินไฮบริด
ทั้ง BMW X5 และ X6 รุ่นปรับโฉมมาพร้อมกับการปรับรูปลักษณ์ภายนอกด้วยการมีไฟหน้าใหม่ที่เรียวเล็กลง 35 มม. มีไฟ Daytime Running Light ทรงหัวลูกศรหันออกด้านนอกพร้อมทำหน้าที่เป็นไฟเลี้ยวด้วย โดยที่มีกระจังหน้าไตคู่เรืองแสงเป็นออฟชันให้เลือก ส่วนการปรับดีไซน์อื่นๆ มีกันชนหน้าที่ถูกออกแบบใหม่พร้อมช่องดักอากาศแนวตั้ง ในขณะที่ X6 มีการปรับภายนอกมากกว่าเพราะนอกจากไฟหน้าที่มีความเรียวมากขึ้นแล้ว ยังมีแพกเก็จ M Sport เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทำให้มีช่องดักอากาศทรง 8 เหลี่ยมใต้กันชนหน้าสีดำ นอกจากนี้ยังมีสเกิร์ตข้าง M-specific และ M High-gloss Shadowline เป็นส่วนหนึ่งของแพกเก็จ M Sport ส่วนด้านหลังมีการแต่งด้วย Dark Shadow และปลายท่อไอเสียทรงเหลี่ยมใหม่
ส่วนห้องโดยสารของรถเอสยูวีที่ได้รับการปรับโฉมทั้ง 2 รุ่นมีความทันสมัยมากขึ้นด้วยจอโค้งบนแผงแดชบอร์ดที่ประกอบด้วยจอดิจิตอลแสดงข้อมูลผู้ขับขนาด 12.3 นิ้ว และจอระบบ Infotainment ขนาด 14.9 นิ้วภายในกรอบเดียวกัน รวมไปถึงคันเกียร์แบบเดิมหายไปมีที่ปรับแบบใหม่มาแทนที่ในตำแหน่งใกล้กับแป้นปรับ iDrive ที่คอนโซลกลาง
อีกส่วนที่ได้รับการปรับคือระบบขับเคลื่อนของรถ โดยรุ่นพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซินของรถทั้ง 2 รุ่นไม่ว่าจะเป็นX5 sDrive40i และ xDrive40i รวมทั้ง X6 xDrive40i จะมีระบบไมลด์ไฮบริด 48V ช่วยในการขับเคลื่อน รวมทั้งเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบยังถูกเพิ่มกำลังขึ้นถึง 40 แรงม้าเป็น 380 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 540 นิวตัน-เมตร ทำให้ใช้เวลาลดลงเหลือ 5.2 วินาทีในการทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ในรุ่นขับเคลื่อนด้วยทุกล้อ
ในขณะที่รุ่นปลั๊กอินไฮบริดX5 xDrive50e ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ในระบบส่งกำลัง Steptronic 8 สปีดที่มีกำลัง 197 แรงม้าจากที่รุ่นก่อนปรับโฉมมอเตอร์มีกำลัง 113 แรงม้า ให้กำลังขับเคลื่อนรวมจากระบบ 483 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 699 นิวตัน-เมตร รวมทั้งยังมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เร็วขึ้นเป็น 4.8 วินาที และมีแบตเตอรีใหม่ความจุเพิ่มขึ้นเป็น 29.5 kWh ทำให้เดินทางโดยใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าได้ 64 กิโลเมตร
สำหรับรุ่นแรง M60i ของรถเอสยูวีทั้ง 2 รุ่นตอนนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบใหม่ พร้อมมีระบไมลด์ไฮบริด 48V ช่วย ให้กำลังขับเคลื่อน 530 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 แรงม้า ใช้เวลา 4.3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ส่วนการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลมีทางเลือกเดียวคือ xDrive30D ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 298 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร
ส่วนผู้ที่ต้องการความสบายเมื่อเดินทางบนไฮเวย์ รถเอสยูวีปรับโฉมทั้ง 2 รุ่นมี Highway Assistant ซึ่งเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติเลเวล 2+ ทำให้ผู้ขับสามารถละมือจากพวงมาลัยได้ที่ความเร็วไม่เกิน 137 กม./ชม. อยู่ในออฟชัน Driving Assistance Professional Package ในขณะที่การทำงาน Reverse Assistant ที่ถอยออกจากช่องจอดรถอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาพร้อมกับรถ
รถเอสยูวีรุ่นใหม่จะถูกผลิตที่โรงงาน Spartanburg ในสหรัฐอเมริกา โดยจะเริ่มออกมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 นี้
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ https://offroadmag-thailand.grandprix.co.th/
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.