Nissan X-Trail เอสยูวีเจเนอเรชันที่ 4 พ่วงขุมพลังไมลด์ไฮบริดและ e-Power
หลังจากที่ Nissan เปิดตัวเจเนอเรชันที่ 4 ของ X-Trial ออกมาในงานออโตเซียงไฮ้เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วและเริ่มขายในจีนทันที จากนั้นในเดือนกรกฏาคม 2022 ที่ผ่านมาก็ขายรถเอสยูวีรุ่นนี้ในปุ่น ตลาดล่าสุดที่กำลังได้สัมผัส X-Trail คือยุโรป โดยจะมี 3 ทางเลือกในการขับเคลื่อนทั้งแบบไมลด์ไฮบริดและ e-Power ให้เลือก
รุ่นพื้นฐานของ Nissan X-Trail เจเนเรชันที่ 4 ที่ขายยุโรปจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบพร้อมเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริดเพื่อการลดมลพิษในขณะเดินทาง มีกำลัง 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ใช้เกียร์ Xtronic CVT ส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อหน้า โดยระบบไมลด์ไฮบริด 12V จะเก็บพลังงานไว้ในแบตเตอรีลิเธียมไอออนสำหรับการใช้งานในช่วงที่รถเคลื่อนที่ช้าๆ รวมทั้งสามารถให้แรงบิดเพิ่มขึ้น 6 นิวตัน-เมตรเมื่อต้องการ สำหรับความเร็วสูงสุดของ X-Trail ไมลด์ไฮบริดอยู่ที่ 200 กม./ชม. และใช้เวลา 9.6 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.
ส่วนอีก 2 ระบบขับเคลื่อนของ X-Trail ที่มีให้เลือกในยุโรปคือเทคโนโลยี e-Power ที่มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยในรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อหน้าของรถจะมีกำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 8 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 170 กม./ชม.
ในขณะที่ X-Trail ที่ใช้เทคโนโลยี e-Power ขับเคลื่อนด้วยทุกล้อของรถจะมีกำลังขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นเป็น 213 แรงม้า จากการมีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 128 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตัน-เมตรเพิ่มเข้ามาที่ด้านหลังของรถ ซึ่งทำให้ใช้เวลา 7 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และมีความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. โดยรุ่นขับเคลื่อนด้วยทุกล้อจะมีเทคโนโลยี e-4ORCE ทำหน้าที่ควบคุมการกระจายแรงบิดและการเบรกในแต่ละล้อของรถเพื่อช่วยให้มีการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ X-Trail ที่ใช้เทคโนโลยี e-Power ทั้งขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อและ 4 ล้อจะมาพร้อมกับระบบ e-Pedal
ภายนอกของ X-Trail ที่ขายในยุโรปไม่มีความแตกต่างจาก X-Trail ที่ขายในญี่ปุ่นไปก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นภาษาการออกแบบใหม่ของ Nissan รวมไปภึงในห้องโดยสารที่มีจอทัชสกรีนตรงกลางขนาด 12.3 นิ้วพร้อมระบบ Infotainment NissanConnect มีจอแสดงข้อมูลผู้ขับแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว และมีการแสดงข้อมูล Head-up Display ขนาด 10.8 นิ้ว
นอกจากนี้ยังมีชุดระบบช่วยขับ ProPilot พร้อม Navi-Link ที่ทำให้รถมาพร้อมกับระบบช่วยขับล่าสุดของ Nissan รวมไปถึงมีถุงลมนิรภัยตรงกลางระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารที่เบาะหน้า และมีการใช้วัสดุในห้องโดยสารเพื่อสร้างความรู้สึกพรีเมียมมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า
ทาง Nissan จะเริ่มขาย X-Trail เจเนรชัน 4 ที่ยุโรปตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ โดยในสหราชอาณาจักรได้เริ่มรับจองรถแล้วและจะเริ่มส่งมอบรถในเดือนตุลาคม ส่วนราคาเริ่มที่ 32,030 ปอนด์ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินพร้อมระบบไมลด์ไฮบริด
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ https://offroadmag-thailand.grandprix.co.th/
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.