เทคโนโลยีการหลีกเลี่ยงรถชนคนเดินถนนไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพขณะใช้ความเร็วสูงและเจอแสงสว่างน้อย
ยานพาหนะที่ติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับคนเดินถนนจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ แต่ฟจากการศึกษาของสถาบันประกันความปลอดภัยบนทางหลวง (Insurance Institute for Highway Safety / IIHS) ออกมาเปิดเผยว่าระบบดังกล่าวจะไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพขณะใช้ความเร็วสูงและเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีแสงสว่างน้อย
จากการศึกษาซึ่งเขียนโดย Jessica Cicchino รองประธานฝ่ายวิจัยของ IIHS ระบุว่า ระบบเตือนคนเดินถนนลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุโดยรวมลง 27 เปอร์เซ็นต์ และ 30 เปอร์เซ็นต์สำหรับอุบัติเหตุที่มีคนบาดเจ็บ
การใช้งานระบบดังกล่าวในเวลากลางคืนบนถนนที่ไม่มีไฟส่องสว่างที่จำกัดความเร็วไว้สูงกว่า 80 กม./ชม. หรือเมื่อรถกำลังเลี้ยว พบว่าเทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติทำงานได้ดีไม่ต่างอะไรจากการทำงานของระบบภายใต้แสงอาทิตย์ แสดงให้เห็นว่าระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงสามารถระบมือกับสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยได้
แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้มีความจำเป็นมากขึ้นกว่าเดิม และมีประสิทธิภาพน้อยมากเมื่อเจอความมืด ซึ่งทำให้คนเดินเท้าเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 51 เปอร์เซ็นต์ โดยทาง IIHS เสริมว่าในปี 2019 มีคนเดินถนนเสียชีวิตมากถึง 6,205 คน คิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตจากการจราจรทั้งหมด และในปีเดียวกันนั้น คนเดินเท้าราว 76,000 คน ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ร้ายแรงถึงตาย
David Aylor ผู้จัดการฝ่ายทดสอบความปลอดภัยเชิงรุกของ IIHS กล่าวว่า “การทดสอบในเวลากลางวันช่วยผลักดันการนำเทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติไปใช้ แต่เป้าหมายของเราคือการลดจำนวนคนบาดเจ็บและการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และนั่นหมายความว่าเราจำเป็นต้องทดสอบระบบเหล่านี้ในช่วงกลางคืน”
แม้ว่าในปัจจุบันการทดสอบระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติในเวลากลางคืนมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แต่ก็มีการตอบสนองในการทำงานได้แย่กว่ากลางวันอยู่ดี ซึ่งเราก็เชื่อว่าอนาคตเทคโนโลยีนี้จะมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นได้อย่างแน่นอน
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.