ขับ Mitsubishi Outlander ไปเอาท์ติ้่ง สไตล์ Beach Camping
สำหรับสายแคมป์ปิ้ง การได้ออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งกับป่าเขา หรือเดินขึ้นดอยที่สูงชันนั้นเป็นภาพที่เราเห็นจนชินตา แต่อยากให้คุณลองเปลี่ยนบรรยากาศการแคมป์ปิ้งแบบเดิมๆ แล้วหันมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมกางเต็นท์กันแบบ On The Beach กันดูบ้าง
เดือนนี้เราเตรียมพร้อม เอาใจสายแคมป์ปิ้ง ด้วยการพามา Beach Camping หรือการกางเต็นท์บนชายหาด นั่งฟังเสียงคลื่น นอนชมบรรยาศริมทะเล พร้อมกับขนวัตถุดิบไปทำอาหารกันเองชุดใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าก่อนออกเดินทางเราทำการเซิร์ชหาสถานที่ที่สามารถกางเต็นท์บนชายหาดได้ เราเจอกับหนึ่งสถานที่ที่สวย และน่าไปนั่นคือ ทะเลชุมพร แม้ว่าระยะทางจะอยู่ที่ราว 400 กิโลเมตร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะทริปนี้เรามีเพื่อนร่วมทาง กับพาหนะคู่ใจ ที่แม้ว่าจะเป็นสาวๆ มือใหม่อย่างเราก็ขับได้ง่าย ที่สำคัญพื้นที่กว้าง ขนสัมภาระไปได้แบบสบายๆ
Mitsubishi Outlander PHEV คือพาหนะที่จะนำพาเราไปยังจุดหมาย ณ บ้านเกาะเตียบ จังหวัดชุมพร ก่อนออกเดินทางเราจัดของ เช็คสภาพรถอย่างดี ตามคำแนะนำพื้นฐานที่ควรปฏิบัติ ทั้งล้อ ลมยาง หม้อน้ำ ส่วนเรื่องน้ำมันไม่หมดห่วงไปได้เลย เพราะรถอเนกประสงค์คันนี้เขาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดที่ทรงพลัง และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นอกจากเรื่องของการขับง่าย กว้างขวางนั่งสบายแล้ว เรายังสัมผัสได้ถึงความหรูหรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะสำหรับการเดินทางไกลไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ตลอดเส้นทางที่ขับรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล เสียงที่เงียบสนิทภายในห้องโดยสาร ไร้เสียงรบกวนจากภายนอก
นอกจากนี้ยังเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในทริปนี้อย่างดี เนื่องจากเราจะนำรถไปใช้เป็นเครื่องจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์แคมป์ปิ้งต่างๆ ของเรา เพราะ Mitsubishi Outlander PHEV คันนี้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดสูงสุดถึง 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถที่มีอยู่ 2 จุด เพื่อให้สามารถสัมผัสกับไลฟ์สไตล์กลางแจ้งรูปแบบใหม่ และยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือ กรณีที่ไฟฟ้าดับได้อีกด้วย
ที่บอกว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของเราที่สุดก็เพราะเป็นรถที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เอง และยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ที่พักอาศัยด้วยเทคโนโลยีระบบพลังงานแบบ Vehicle-to-Home (V2H) ได้นานถึง 10 วัน เพียงแต่แบตเตอรี่ของตัวรถจะต้องถูกชาร์จไฟเต็ม และมีน้ำมันเต็มถังเท่านั้นเอง เรื่องแค่นี้เข้าใจง่ายสบายมาก เรียกว่าเป็นรถสำหรับสายแคมป์ปิ้งตัวจริง
เมื่อเราเดินทางมาถึงที่หมาย ณ บ้านเกาะเตียบ จังหวัดชุมพร ก็ไม่รอช้า ลงมือกางเต็นท์กันอย่างขะมักขเม่น สไตล์สองสาว แม้ว่าเต็นท์จะหลังใหญ่ แต่พวกเราก็มีประสบการณ์ในการแคมป์ปิ้งตามป่าเขากันมาบ้างแล้ว พอจะเปลี่ยนมาเป็นกางเต็นท์บนหาดทรายก็แค่ลองเข้าศึกษาเพิ่มเติมก่อนจะมาที่นี่ว่าเทคนิกการกางเต็นท์บนชายหายเป็นอย่างไร
ข้อแรก – นึกไว้เสมอว่ากระแสลมทะเลนั้นแรงมากกว่าบนเขาเสมอ ดังนั้นสิ่งที่ต้องเพิ่มเติมไปคือ สมอทะเล ซึ่งสมอทะเลนั้นจะมีความยาว และแผ่นกว้างกว่าสมอบกหลายเท่า เพื่อที่จะได้ช่วยยึดรั้งฐานเต็นท์ของเราให้มั่นคง ไม่ปลิวไปตามแรงลม
ข้อสอง – เชือก ต้องเตรียมไปเพิ่มประมาณหนึ่ง เนื่องจากแค่เชือกที่ติดมาให้กับเต็นท์เพื่อตรึงตัวฐานเต็นท์ให้ตึงนั้นอาจไม่เพียงพอที่จะยึดเต็นท์ของคุณไว้ได้ ควรจะนำเชือกที่พกไปเพิ่มเติม ผูกกับจุดต่างๆ อย่างน้อยสี่มุมของเต็นไว้กับต้นไม้ หรือกิ่งไม้ที่แข็งแรง เพื่อที่จะช่วยตรึงเต็นท์ของคุณไม่ให้ปลิว
ข้อสาม – กราวน์ชีท หรือผ้าปูรองเต็นท์ หาผืนใหญ่กว่าเต็นท์ไปใช้เสมอ เนื่องจากถ้าตัวกราวน์ชีทพอดีกับขนาดเต็นท์ของคุณ ทรายจะถูกพัดเข้ามาในเต็นท์ได้ง่ายกว่า เวลานอนอาจจะรู้สึกไม่สบายตัวได้
ข้อสี่ – คุณต้องติด ยาพ่นกันแมลง ไปไม่น้อยกว่าการขึ้นเขา เพราะทะเลที่นี่มีแมลงที่เรียกว่า “คุ่นทะเล” ที่หน้าตาคล้ายแมลงหวี่ แต่ดูดเลือดเหมือนยุง กัดเจ็บกว่ายุง และเมื่อโดนกัด ตุ่มของคุณจะบวมแดง บางคนแพ้อาจเป็นแผลได้ ดังนั้นระวังกันให้ดี พ่นยา ทายากันยุง หรือตัวคุ่นไว้ตั้งแต่ไปถึงดีที่สุด
ข้อห้า – เตรียม สายพ่วงไฟ ที่ยาวที่สุดเท่าที่มี หรือประมาณ 20 เมตร ขึ้นไปติดไปด้วย เพราะเราจะใช้ไฟจากตัวรถ Mitsubishi Outlander PHEV จ่ายไฟมายังจุดต่างๆ ของเต็นท์เรากันในทริปนี้
นอกจากห้าข้อนี้แล้ว การเตรียมอุปกรณ์อื่นๆ ก็คล้ายกับการเตรียมตัวไปแคมป์ปิ้งบนป่าเขาที่เราคุ้นเคย แต่สำหรับทริปนี้จะหนักหน่อย เพราะเราคิดว่าจะทำอาหารทานเองกันทุกมื้อ ดังนั้นวัตถุดิบ และอุปกรณ์ครัวสำหรับแคมป์ปิ้งของเราต้องจัดเต็ม
การไปทำครัวสไตล์ Beach Camping ของเราสองคนในวันนี้ วัตถุดิบหลักๆ ของเรา คือผัก และโปรตีน ซึ่งเพียงแค่วัตถุดิบหลักอย่างเดียวคงจะไม่ทำให้เมนูแต่ละเมนูของเราอร่อยขึ้นได้ แน่นอนว่าตัวช่วยเสริมเพิ่มความอร่อยของเรานั้น คือซอสชนิดต่างๆ ของ Todd Sauce
Todd Sauce นับเป็นแบรนด์ที่มีความอร่อยที่หาแบรนด์อื่นเทียบได้ยาก ไม่ได้พูดเองเออเองด้วยนะตรงนี้ เพราะว่าเขามีรางวัลการันตี นั่นคือ รางวัล Superior Taste Award 2018 ที่การันตีความเผ็ดจัดจ้านที่มาพร้อม คุณภาพเต็มขวด ด้วยวัตถุดิบที่เราคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เเละขั้นตอนการผลิตที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้ซอสพริกที่เผ็ดจัดจ้านเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ เติมเต็ม รสชาติจัดจ้านให้ทุกเมนูโปรดได้ในขวดเดียว!! ดังนั้นเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมทริปนี้เราต้องพกซอส Todd มาหลายรูปแบบ
ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ Todd Sauce มีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น ซอสพริกอเนกประสงค์ ซอสต๊อดกระเพรา ซอสต๊อดน้ำจิ้มสุกี้ ซอสต๊อดน้ำจิ้มไก่ ซอสต๊อดซีฟู้ด ซอสต๊อดมะเขือเทศรสเด็ด และซอสต๊อดผัดไทย ให้คุณเลือกอร่อยได้แบบจัดจ้านกับทุกเมนูโปรดที่อยากจะทำ
นอกจากเราจะเตรียมความอร่อยของอาหารจานหลักไปแบบเต็มพิกัดแล้ว เราก็ไม่ลืมที่จะเตรียมความสดชื่นจากเครื่องดื่มของ Singha ติดรถไปด้วย ทั้งน้ำดื่มตราสิงห์ และ Singha lemon soda ที่นำมาผสมเป็นเครื่องดื่มได้หลากหลายแบบ ทั้งสปาร์คกลิ้งโซดา หรือจะเป็นกาแฟ สไตล์อเมริกาโน่ มะนาวโซดา เมนูนี้ซาบซ่าแถมได้คาเฟอีนหอมๆ รสเข็มเติมเข้าร่างกายให้ได้สดชื่นไปตลอดวันอีกด้วย
เรามีเทคนิคง่ายๆ ในการคำนวณอาหารสำหรับไปแคมป์ปิ้งมาฝากกันค่ะ
เพื่อไม่ให้การเตรียมอาหารต่างๆ ไปน้อยเกินไปจนทานกันไม่อิ่ม หรือเยอะเกินจนเหลือทิ้งเวลาคุณออกไปแคมป์ปิ้ง ลองมาดู 3 เทคนิกการคำนวณอาหารกันดู
- ข้าวสาร – ข้าวสาร 100 กรัม ต่อ 1 คนทาน ต่อ 1 มื้อ ไปกันกี่คน อยู่กันกี่วัน วันละกี่มื้อ คำนวณตามนี้ได้เลย
- ปริมาณเครื่องปรุง – ให้ใช้สูตร 1 คน ต่อเนื้อสัตว์ 100 กรัม ต่อ 1 มื้อ แต่หากชอบทานผัก หรืออะไรเป็นพิเศษ ก็ให้เตรียมเพิ่มไปจากสูตรนี้เล็กน้อย
- ให้ทำลิสต์รายการเมนูแต่ละมื้อ ดูว่าของสดที่ต้องใช้ เครื่องปรุงที่ต้องใช้ และอุปกรณ์ที่ใช้ทำในแต่ละเมนูมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เพียงพอ
หลังจากอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารที่เตรียมมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนกลับอย่าลืมเช็คของ ที่สำคัญเช็คขยะโดยรอบเต็นท์ ว่าทำอะไรตกหล่นไว้ให้เป็นขยะกับธรรมชาติหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าลืมว่าต่อไปในอนาคตคุณจะไม่เหลือสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ท่ามกลางธรรมชาติให้ได้ออกไปแคมป์กันอีกแน่นอน
Comments are closed.