ต้อนรับฝนแรก กับทริปย้อนรอยเส้นทางแห่งสายน้ำและดินโคลน บนน้ำตกตาดใหญ่ จ.ขอนแก่น

ช่วงนี้อากาศร้อนจะไปที่ไหน…ก็ไม่อยากไป ชวนกันออกไปเที่ยวป่า ก็มีแต่คนบอกว่าจะไปกินฝุ่นหรือไง เลยนั่งคิดอยู่นานก็หาทางออกได้ โทรชวนพี่ๆ เพื่อนๆ ชมรมขอนแก่นออฟโรดว่า ไปเที่ยวใกล้ๆ พอมีน้ำให้ได้เล่นแก้ร้อนก่อนเข้าหน้าฝนสักทริปก่อนไหม

แต่ก็นั่งนึกอยู่นาน เพราะปัจจุบันเส้นทางท่องเที่ยวในสไตล์ของออฟโรดนั้น ก็เริ่มหร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็ต้องไปเกี่ยวข้องกับป่าอนุรักษ์ของภาครัฐเสียส่วนใหญ่ เส้นทางใหม่ก็หายากเต็มที ในที่สุดความคิดก็ตกผนึก นึกถึงเส้นทางต้อนรับแขกที่หลายๆ คนเคยมาเยือนถิ่นหมอแคน จ.ขอนแก่น นั่นก็คือ “ห้วยไข่เต่า – น้ำตกตาดใหญ่” ซึ่งตั้งอยู่ริมขอบตะเข็บของอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น

เส้นทางนี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว และเคยนำเสนอไปในนิตยสารออฟโรดเมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2548 หลังจากนั้นมาพวกเราก็เข้าไปท่องเที่ยวกันอยู่เรื่อยๆ กลายเป็นสถานที่รับแขกของชมรมไปในที่สุด จนกระทั่ง 3 ปีหลังมานี้ ไม่มีใครเข้าไปท่องเที่ยวกันอีกเลย  นั่นทำให้พวกเราจึงจะไปหวนคืนวันวาน โดยก่อนหน้าที่จะเดินทางไป เราได้ส่งทีมสำรวจเส้นทางไปดูเส้นทางก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามันยังคงเดิมหรือถูกสายน้ำพัดเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยขนาดไหน

แต่ก็ได้รับข่าวร้ายว่า เส้นทางห้วยไข่เต่า ได้ถูกปิดอย่างถาวรแล้ว เนื่องจากช่วงเวลา 3 ปี ทั้งไม้เล็กไม้ใหญ่ รวมทั้งไม้เลื้อยต่างๆ ปกคลุมจนรกชัฏ หากเราจะเดินทางเข้าไปจริงๆ ก็ต้องมีกองทัพมดช่วยกันตัดช่วยกันถาง ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างมาก และที่สำคัญเมื่อป่าเริ่มจะคืนสภาพเดิม เราก็ไม่ควรเข้าไป ปล่อยให้เป็นไปตามวัฏจักรของมันเองน่าจะดีที่สุด

ครั้นเส้นทางห้วยไข่เต่ามันรกทึบจนอยากจะเดินทางเข้าไป คงเหลือแต่เส้นทางน้ำตกตาดใหญ่ที่ยังพอขับรถเล่นได้ รวมทั้งเดินทางไม่ไกลจาก “น้ำตกตาดใหญ่” ซึ่งตั้งอยู่ริมขอบตะเข็บของอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ เป็นเทือกเขาหินปูนที่มีความสูงชันสลับซับซ้อนกันเป็นแนวยาวสลับกับที่ราบลุ่มเชิงเขาสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 200 – 1,000 เมตร เป็นแนวเทือกเขาทอดยาวจากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวเปรียบเสมือนปราการธรรมชาติกั้นแดนระหว่าง อ.ภูกระดึง จ.เลย และ อ.ผาม่าน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โดยมี “ภูฮี” เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในพื้นที่ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,000 เมตร ด้านทิศเหนือมีลำห้วยที่สำคัญหลายสายไหลลงสู่ลำน้ำพองทางทิศเหนือ และไหลลงสู่ลำน้ำเชิญทางด้านทิศใต้

ถึงวันที่นัดกันออกทริปพี่น้องต่างพากันมานับได้ก็ราวๆ13 คัน ออกเดินทาง 7โมงเช้า ไปตามถ.มะลิวัลย์มุ่งหน้าไปทาง อ.น้ำหนาว หรือตามทางหลวงหมายเลข 201(ขอนแก่น-วังสะพุง )ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษๆ ก็เข้าสู่เขต อ.ภูผาม่านมองเห็น ผานกเค้า ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล ซึ่งผานกเค้านี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ ใครผ่านไปมามักจะแวะถ่ายภาพกัน โดยลักษณะของผานกเค้าเป็นภูเขาหินสีดำ บางส่วนกระเทาะออกเห็นเนื้อหินสีส้ม มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่ประปราย บริเวณที่จะมองเห็นเค้าโครงของนกเค้าได้ชัดเจน โดยเฉพาะหากเดินเข้าไปในศูนย์เพาะชำกล้วยไม้ กองบำรุง กรมป่าไม้ ซึ่งตั้งอยู่อีกฟากถนน จะเห็นว่าลักษณะผาเหนือจงอยปากขึ้นไปมีลักษณะเป็นหงอน ถัดลงมาเป็นหินกลมโค้งต่ำจากส่วนหงอนลงมาเป็นส่วนหัว ตรงกลางหัวมีรอยหินกระเทาะเป็นสีส้มอยู่ในตำแหน่งดวงตา ต่ำลงมาจากส่วนหัวจะถึงแนวปีกทั้งสองข้างที่กางออก นี่ก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวที่หากใครมาเยือนแล้ว ไม่ควรพลาด…ในการเข้าไปชม

เราเดินทางมาถึงแยกห้วยสนามทรายจากนั้นก็เลี้ยวขวา ทีนี้หละครับเจอบททดสอบแรก ถนนดำธรรมดาแต่ชันมาก ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ขับขึ้นไปได้สักพักก็มีทีมงานวิทยุมาบอกว่าความร้อนขึ้นกันประมาณ 3-4 คัน อันเนื่องมาจากความลาดชันของเส้นทาง โดยเฉพาะรถออฟโรดเรานั้น ส่วนใหญ่ก็มีการโมดิฟายเครื่องยนต์ ช่วงล่างกันมาแทบทุกคัน เพื่อให้รถสามารถฉุดยางใหญ่ๆ ได้ ปัญหาความร้อนขึ้นจึงพบอยู่บ่อยครั้ง

เราจึงหยุดพักขบวนเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันครู่ใหญ่ หลังจากที่พักแล้วเราก็เดินทางต่อเข้าสู่เส้นทางออฟโรด โดยช่วงแรกนี้ต้องผ่านไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน จากนั้นเส้นทางก็ค่อยๆ ลาดต่ำลงสู่หุบเขาเบื้องล่าง เป็นทางดินโล่งๆ หากว่าเป็นช่วงฤดูฝนค่อนข้างลื่นเอาเรื่อง

เราค่อยๆ เคลื่อนขบวนมาจนถึงด้านล่าง ก็ต้องเจอกับทางโคลนเป็นจุดรับแขก จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ด่านแรกบันไดหินที่ขวางทางลง ถ้าฝนตกเมื่อไหร่ระยะทางแค่ 1 กิโลเมตรนี้ อาจจะต้องใช้เวลามากถึง 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ในการขับฝ่าสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก รวมทั้งต้องระมัดระวังโขดหินที่อยู่ใต้น้ำอีกด้วย เพราะเมื่อไรที่ใจร้อนหรือวู่วาม รถอาจจะเสียหายได้

ฝนเพิ่งตกก่อนหน้า สังเกตได้จากน้ำสีชาอันเกิดจากการชะล้างหน้าดิน กลิ่นดินที่ถูกฝนแรกชะโลมมันช่างหอมหวนยวลใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้งเช่นพวกเราดีเหลือเกิน ขบวนของเราค่อยๆ เดินหน้าไปเรื่อยๆ มาเจอด่านที่สอง คือ เราต้องขับผ่านลำธารน้ำลึก ซึ่งถ้าช่วงหน้าฝนระดับน้ำค่อนข้างลึกพอสมควร แต่ด้วยว่าในช่วงนี้ น้ำไม่เยอะมากๆ ทำให้ทุกคันผ่านไปได้แบบไม่ยากเย็นหรือต้องกังวลกันมากนัก

ราวเที่ยงเศษๆ พวกเราจึงจอดพักทานข้าวเอาแรงกันก่อน เพราะเหลือระยะทางอีกไม่ไกลก็จะถึงน้ำตกตาดใหญ่แล้ว และหลังเติมเต็มพลังกันเต็มที่แล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อ ด้วยการล่องไปตามลำห้วยก่อนตัดขึ้นฝั่ง และปัญหาก็อยู่ตรงการขึ้นฝั่งนี่แหละครับ เพราะเส้นทางที่เราจะนำลงขึ้นไปตามเส้นทางนั้น มันลาดชันจนเกือบๆ 90 องศาเลยทีเดียว ทุกคนต่างมองหน้าปรึกษากันว่า จะขึ้นยังไงกันดี เพราะดีไลน์ดีเหลี่ยมแล้ว การจะตั้งลำและเทคขึ้นด้วยกำลังของเครื่องยนต์นั้น น่าจะยากพอสมควร พลาดพลั้งไปอาจจะพลิกคว่ำได้ คำตอบสุดท้ายก็คือ วินช์ อย่างเดียว

ในจำนวนรถ 13 คัน ก็ยังมีผู้กล้าที่สามารถนำรถขึ้นได้โดยไม่ต้องวินช์ นั่นก็คือ ต้อย สมาชิกใหม่ของชมรมขอนแก่นออฟโรด กับรถ MITSUBISHI STRADA ใส่รองเท้าเบอร์37 สร้างความประหลาดใจและมึนงงให้กับสมาชิกทุกคน

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่ชั่วโมงที่สอง ก็สามารถนำรถขึ้นได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องจอดพักเอาไว้จุดนั้น เพราะทางข้างหน้าเป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้และหญ้าที่รกปิดทึบ บวกกับเวลาที่เริ่มเคลื่อนคล้อยลงไปเรื่อยๆ พวกเราทั้งหมดจึงตัดสินใจเดินเข้าไปให้ถึงจุดหมายต่อไป นั่นก็คือ น้ำตกตาดใหญ่ ซึ่งปกติแล้วถ้าสามารถนำรถเข้าไปได้อีกจะต้องใช้เวลาเดินเท้าอีกเกือบๆ 1 ชั่วโมง แต่ด้วยจำนวนรถค่อนข้างมาก บวกกับเวลาที่เหลือน้อย ทำให้เราต้องจอดรถเอาและใช้เวลาเดินเข้าไปเกือบ 2 ชั่วโมง ด้วยการเดินไปตามลำธารที่เต็มไปด้วยหินและโคลน

สักพักใหญ่ๆพวกเราก็ถึงจุดที่หมาย สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน ก็คือ ผาหินที่สูงราวๆ 20 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าไม้นานาพรรณ น้ำที่ไหลตกลงมากระทบหินดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ แม้ไม่ยิ่งใหญ่ตระการตาดังเช่นในช่วงฤดูฝน แต่สายน้ำเย็นๆ ที่ไหลรินลงจากโตรกผาด้านบน กระโจนสู่ธารน้ำด้านล่าง ก็สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้ทุกคนหายเหน็ดเหนื่อยราวกับปลิดทิ้ง

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับออกมา ด้วยความหวังว่าคงจะไม่มีรถคันไหนเสียหาย แต่ยังไม่ทันหยุดคิดก็มีเสียงวิทยุจากด้านหน้าแจ้งมาว่า รถของ วัฒนา แหนบหัก นั่นยังไม่เท่ากับรถของประธานชมรมก็พังตามๆกันมา โดยอาการหนักหน่อย เพราะล้อหลุด เบรกหาย น็อตขาด แต่ทุกคนก็พยายามประคับประคองแก้ไขกันออกมาจนถึงก็ อ.ภูผาม่าน ได้โดยไม่มีปัญหา จากนั้นก็ฝากรถเอาไว้ที่นั่น

ทริปแรกของฤดูแห่งการท่องเที่ยวป่า ลุยๆ มันๆ ของปี 2558 กับชมรมขอนแก่นออฟโรดเริ่มแล้วครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่กับการท่องป่าหน้าฝนของคนออฟโรดที่ราบสูงในตอนต่อไป รับรองว่ามัน ถูกใจขาป่าฮาร์ทคอร์แน่นอน

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save