ทริปตะลุยโคลน….พิชิตดอยอ่างกุ้ง
ในช่วงสุดสัปดาห์ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อากาศเขตภาคอีสานตอนบน ค่อนข้างชุ่มฉ่ำด้วยละอองฝน ปลุกสรรพชีวิตให้ตื่นขึ้นมาดื่มด่ำกับละอองไอน้ำ ฤดูฝน ฤดูแห่งความฝันของเกษตรกร ฤดูแห่งความเจริญเติบโตของธรรมชาตินานาพันธุ์ และฤดูแห่งความฝันใฝ่ของนักผจญภัยในป่าใหญ่ไปกับเจ้าล้อโต 4×4 way of life
ทริปนี้ขอลัดเลาะเกาะล้อ Mud อยู่แถบภาคอีสานตอนบนอีกครั้ง ที่เมืองสกลนคร มนต์ขลังยังมิคลาย สไตล์โขดหินและดินลื่น แถมลึกแบบมิดๆ ล้อ กลิ่นอายโขดผา หุบเขา ยอดสวยๆ ไว้ยั่วล้ำลายเสมอ ผมได้รับการติดต่อจาก คุณต๋อง จากClub JZ สกลนคร หนุ่มหัวใจรถทางเรียบและความเร็ว แต่ในบางลีลาหัวใจสามารถแบ่งมาให้ออฟโรดได้อย่างลงตัว หนุ่มน้อยอนาคตไกลคนนี้น่าสนใจในวงการออฟโรดภาคอีสานในเชิงกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะทีมงานกลุ่มค่อนข้างเหนียวแน่น ยิ่งได้รับคำยุยงและยั่วยุจากฮาร์ทคอร์ ค่ายอู่ดิส เซอร์วิส อย่างบ้าคลั่งด้วยแล้ว ยิ่งหึกเหิมออฟโรดไปกันใหญ่..เข้ามาแล้วถอนตัวยากนะน้องเอ๋ย!!!
เป้าหมายทริปนี้ผมแบ่งเป็น 2 part ละกันครับคือ ช่วงวันแรกเราเตรียมมอบถังรองน้ำดื่มไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูผายลที่ ภย.4 (ห้วยโท) และวันที่สองก็ส่งมอบให้กับ อบต.เหล่าโพนค้อ อำเภอโคกศรีสุพรรณ แต่ต้องขึ้นไปมอบที่ดอยอ่างกุ้ง…ดอยอ่างกุ้ง!!!!!
ดอยอ่างกุ้ง อยู่ที่ไหน ไกลมั้ย โหดมั้ย ลองดูมั้ย..คือ คำถามที่ผมรอคำตอบจากตัวเอง คอนเซปต์ “ไปให้ถึง กลับให้ได้” มันยังก้องอยู่ในใจผมตลอดเวลา…เราได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูผายลที่ ภย.4 (ห้วยโท)ว่าฝนตกมาหลายวันแล้ว เส้นทางเดินเท้าเปลี่ยนไป-มา เส้นทางรถหมดสิทธิ์ แต่พวกคุณไปได้อยู่แล้ว แต่อาจจะเสียเวลากับโคลน ..โคลนเหรอ !! คำนี้ยังอยากได้ยินนะเพราะแถบๆ เนี้ยพื้นที่จะเป็นหินเป็นส่วนใหญ่ โดยมากหากจะเล่นโคลนในอีสานตอนบนต้องไปแถบเมืองเลย อุดรฯ ชัยภูมิ หรือรอยต่อ เพชรบูรณ์ ขอนแก่นอะไรโน้นครับ
เรานัดแนะเพื่อนๆ สมาชิกออฟโรดแต่ละชมรมกันได้ทั้งหมด 22 คัน จาก ชมรมคนท่องป่า4×4 สกลนคร, ชมรมClub JZ สกลนคร, ชมรมยโสธรออฟโรด, ชมรมกาฬสินธุ์ออฟโรด , กลุ่มสว่างแดนดิน4×4 และกลุ่มฟูตม4×4 โดยเฉพาะ น้องอ้น จากยโสธรออฟโรด งานนี้เปิดบริสุทธิ์ป้ายแดง 4×4 ค่ายเชพโรเลต ฉายเดี่ยวแบบเหงาๆคนเดียว แบบโสดๆ
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูผายลที่ ภย.4 (ห้วยโท) ในเขตอำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร คือที่พักคืนแรกและเป็นจุดนัดรวมตัวพบปะสังสรรค์กัน ได้รับความอนุเคราะห์สถานที่และประสานงานโดย หัวหน้าหน่วยฯ ชิตพล ใยพันธ์ หนุ่มใหญ่หัวใจออฟโรดอีกคน ให้ใช้บริเวณริมอ่างเก็บน้ำห้วยโทเป็นที่แคมปิ้ง เราเลือกเอามุมที่ทุกคนสามารถตั้งแคมป์ กางเต็นท์ ได้สะดวก แต่มีเส้นทางบังคับในการเข้าที่พักแรม ตั้งผ่านบ่อโคลนสีดำสนิท จุดนี้เล่นเอา เจ้าคาสโนวาเมืองน้ำดำ ขุนเขายะเยือก ปล่อยของอาบขี้โคลน เต็มร่างแมงหวี่ แถมพ่วงด้วยม้าขาวของน้องใหญ่ เมืองวาริชภูมิต้องออกแรงลากตัวเองออกจากบ่อโคลนนั้น ท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างสะใจและสมน้ำหน้า !!….
ริมอ่างน้ำแบบนี้ บรรยากาศน่าจัดแคมปิ้งครอบครัวดีแท้ มีลานหิน ห้องน้ำ ไฟฟ้าและมีที่ออกกำลังเกียร์ ไม่รบกวนชาวบ้านด้วย หลังจากค่ำคืนอันช่ำชื่นด้วยละอองฝนที่เล่นเอาหลายๆ คนที่ยังมีสติ ต้องหอบเอาเต็นท์หลบเข้าใต้ชายคาศาลาพักร้อน ในตอนเช้าหลายคันทยอยเข้ามาสมทบทั้งชมรมกาฬสินธุ์ออฟโรด กลุ่มฟูตม นำทีมโดย ดต.เชาวลิต พรมโชติ พี่ใหญ่อดีตนักแข่งออฟโรดแชมป์ประเทศไทยคนแรกของภาคอีสานเรา ที่ยังเป็นขวัญใจน้องๆ เสมอมา ประธานภาคฯคนปัจจุบันป๋าอ้อย ก็เดินทางมาสมทบด้วย
การเดินทางสู่ที่แคมปิ้งนั้นไปไม่ยากครับ ออกจากเมืองสกลนคร ไปยังอำเภอโคกศรีสุพรรณ ตามถนนหมายเลข 223 ระยะทางแค่ 27 กิโลเมตร ถึงหมู่บ้านดงน้อย เลี้ยวขวา อีก 6 กิโลเมตร ตอนนี้ต้องถามทางละครับ หลายซอยเหลือเกินกว่าจะถึงที่ทำการหน่วยฯ
8.30. น. วันอาทิตย์ ทุกกลุ่มร่วมลงขันทุนทรัพย์และมอบถังน้ำ 1,200 ลิตร ให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยฯเรียบร้อย ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก เช็คสภาพรถและสภาพคน ว่าไปกันได้ไหม จากเนินเขาสู่ยอดดอยอ่างกุ้งระยะทางน่าจะอยู่ที่ 4 กิโลเมตรกว่าๆ แต่รถหลายๆ คัน จัดระบบ ช่วงล่างมาสำหรับการเล่นปีนหิน อย่างมากติดล้อกันไม่เกิน เบอร์34 แค่นั้น แต่ก็น่าลองนะ เพราะภารกิจนี้อีกอย่างเราต้องนำเอาท่อซีเมนต์และถังน้ำไปมอบให้อบต.เหล่าโพนค้อ ด้านบนยอดดอยเท่านั้นครับ เพื่อเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้สอยตอนหน้าแล้ง (..แหม เริ่มระหว่างทางเราเจอกลุ่มนักวิจัยสาวๆ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคามกลุ่มหนึ่ง ขออาศัยรถไปบนยอดดอยด้วยเพื่อทำงาน..ฮึฮึ ออฟโรดอย่างเราๆ ใจดีอยู่แล้วใช่ไหมครั้บ ปะป๋า….)
ด่านแรกที่เราต้องเจอ ร่องโคลนดูด จากการสำรวจเส้นทางเมื่อเดือนที่แล้ว และมาเจอสายฝนเมื่อสองสามคืนที่ผ่านมา ทำให้ดินเหนียวปนทราย กลายเป็นบ่อมรณะ ดูดจ๊วบๆ เจ้าวีทาร่าขาวของเฮียต่าย จากสกลนคร จนเอียงหัวใจหล่นวูบหลังจากทริปที่แล้วนิ้วมือหักไป (อึดจริงๆ) ผ่านไปอีกสัก 500 เมตร เสียงสลิงจากยักษ์ใหญ่โรดิโอคันเก่งของหน่อยคงผ่านการใช้งานมานาน ..ปั๊กกกกก ขาดครับพี่น้อง เยื่อใยที่มีต่อกันมานาน เพราะฤทธิ์ทรายดูดที่ดึงเจ้ายักษ์ใหญ่ลงไปจนมิดจังเกิ้ล 34 งานนี้ต้องพึ่งกว้าน PTO ของเจ้าพลายดำของประธานภาคฯเหมือนเดิม (พระเอกทุกงานนะเนี้ยป๋า อิอิ) จุดนี้กลายเป็นจุดสลบของหลายๆ คัน ไม่เว้นแม้แต่ผมที่ต้อง จมไปครึ่งตัวดูดพุงกะทิเอาไว้ ออกแรงจนหมดพลังงาน ต้องใช้ตัวช่วย ทุกคันกว่าจะผ่านจุดนี้ไปได้หลายชั่วโมงเหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า “ไปทางไหนก็จมเหมือนเดิม..งั้นเราทำให้เส้นทางบอบช้ำน้อยที่สุด ไปทางเดิม ร่องเดิม ห้ามแตกแถว ไม่ไหว..วินซ์ๆๆๆ”
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกว่าระหว่างเส้นทางที่เป็นอุปสรรค บ่อโคลน ร่องทรายดูดและอากาศที่ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน ร่มรื่นตลอดเส้นทาง สายลมแผ่วเบา ทำให้ทุกคนสามารถออกจากร่มไม้ มาชื่นชมธรรมชาติ ภูมิประเทศอันสวยงาม ป่าไม้โปร่ง มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างไกลๆ ทำเอาทุกคนหายเหนื่อย และสนุกกับกิจกรรมเถื่อนๆอบอุ่นๆ แบบนี้ สนุกกับมิตรภาพออฟโรด สนุกกับการขับขี่ที่ต้องวางแผนกับรถคู่ใจ แม้บางคันจะต้องเติมน้ำยาดอง แทนน้ำมัน แต่เส้นทางก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาบ้างว่า คงไม่ตกเหวไปไหน 5555 แต่เสียงเครื่องยนต์คุณมันดังแสบๆ ผิดปกติยังไงไม่รู้…Theen หนักกันเหลือเกิน !!!
น่าเสียดายครับทริปนี้ เจ้าของทริปอย่างเสี่ยต๋อง Club JZ สกลนคร ต้องมาสังเวยเพลาขับหน้า ใน S ที่ 2 ร่องทรายดูดกว่า 300 เมตร ความแรงของเครื่องยนต์ JZ มันงอนกับเพลาขับคงต้องง้อกันอีกนาน แต่ที่น่าสนใจในจุดนี้ คือรถจากค่ายดิส เซอร์วิส อู่แต่งรถบ้านนอกๆ อู่หนึ่งน่าสนใจมากๆ ผมต้องแอบตีท้ายครัวหลังจบทริป แหมมีคิวจ่อ รอโมดิฟาย เกือบสิบคันเลย โอ้โฮ้!!! เสี่ยดิส
ออกจากบ่อโคลน ร่องทราย เราขับไปต่อยังเนินชัน ปลายดอย อีกกว่า 2 กิโลเมตร เป็นสภาพป่าเต็งรัง พันธุ์ไม้อุดมสมบูรณ์ครับ บนยอดดอยอ่างกุ้งเป็นเพิงพักนักท่องเที่ยวท้องถิ่น ที่รอให้คนขึ้นไปเยือนนานแรมปี รอบๆ ยอดดอยเล็กๆ มีลานหินกว้าง น้ำตกสไลเดอร์ และทุ่งดอกกุหลาบหิน ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บเกี่ยวความสุขเป็นภาพถ่าย เราต้องพักรับประทานอาหารเที่ยงกันบนยอดดอย ระหว่างที่เราขนท่อซีเมนต์และถังกักเก็บน้ำขึ้นเนินชัน พลันสายตาเราก็ไปปะทะกับ หมูหันหนังไหม้เกรียม สองตัวเขื่องๆ กับสาวๆ ทีมวิจัยดอยอ่างกุ้งที่เดินเท้าขึ้นมารอตอนที่เราติดหล่ม ….เห็นแล้วอยากกิ๊นนนน อยากกิน !!!!!!(หมายถึงหมูหัน นะครับ) บนยอดดอยอ่างกุ้ง จะมีจุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร อย่างสวยงาม
…การครั้งนี้ น่ารักดีครับ สั้นๆ ได้ใจความ ได้รสชาติของออฟโรด ได้ช่วยเหลือกัน ได้เห็นจิตอาสาของเพื่อนๆ ออฟโรด ได้ความสุขระหว่างทาง ระหว่างวัน และยังมีเวลาเหลือในวันนั้นกลับไปมีความสุขกับครอบครัวได้อีก ขอบคุณ Club JZ สกลนคร อู่ดิส เซอร์วิส ที่จัดทริปดีๆ หลากหลายเส้นทางให้เราได้พบปะสังสรรค์กัน เพื่อวงการออฟโรดอีสาน ยังมิเลือนหายไปไหน และเราไว้พบกันใหม่อีก ครั้งต่อไปครับกับทริป “ย้อนรอยสาบสาง..ตำนานหมู่บ้านร้าง..โนนป่าก่อสามัคคี มุกดาหาร”