NAS Challenge อาจจะถือได้ว่าเป็นการแข่งขันรถออฟโรด ที่ความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ โดยใช้สนามแข่งขันท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามแฝงไว้ด้วยความหฤโหด ทำให้การแข่งขันรายการนี้มีเสน่ห์ที่แตกต่างจากการแข่งขันทั่วๆ ไป
หลังหยุดพักไปหนึ่งปีเต็มๆ มาในปี 2017 นี้ การแข่งขันได้ถูกจัดขึ้นอีกครั้ง ด้วยทีมงานชมรมบูมเมอแรงออฟโรดทีม นำทีมโดยประธานชมรมคนใหม่ ธีรศานต์ ชุมช่วย โดยการสนับสนุนของ จังหวัดตรัง องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เทศบาลนครตรัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตลอดจนห้างร้านต่างๆ ที่ร่วมสร้างสรรค์เกมส์มันๆ ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยมีสมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทยรับรองการแข่งขัน จุดประสงค์หลักนอกจากจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดตรังแล้ว ยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชาวออฟโรดในเมืองไทยอีกด้วย
ปีนี้นับเป็นปีที่ 12 ซึ่งทางผู้จัดได้คิดค้นและนำเกมการแข่งขันในเส้นทางป่ามาประยุกต์เข้ากับเส้นทางที่จำลองมาจากธรรมชาติได้อย่างลงตัว นักแข่งแต่ละคนต้องใช้ทักษะ ฝีมือ ประสบการณ์ ไหวพริบปฏิภาณในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ตลอดเวลา โดยแบ่งรุ่นการแข่งขันทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย 1.รุ่น Light Core Electric วินซ์ไฟฟ้า 2.รุ่น Light Core PTO หรือ วินซ์เพลา 3.รุ่น OPEN ADVENTURE และไฮไลท์ของการแข่งขัน 4.รุ่น BUGGY EXTRAME โดยปีนี้มีรถเข้าร่วมการแข่งขันประมาณ 40 กว่าคัน ซึ่งนักแข่งส่วนใหญ่ถือเป็นมือพระกาฬที่เดินทางมาจากทั่วประเทศไทย โดยมีอดีตแชมป์ 10 เซียนประจัญบาน อย่าง ยุทธ กล้าหาญ รับหน้าที่เป็นนายสนาม ควบคุมเกมการแข่งขัน
สนามหลักๆ ของปีนี้ ทางผู้จัดได้ยึดเอาสนามถนนศรีตรัง (ใกล้กับโรงแรมเรือจุดที่รับสมัครนักแข่ง) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง เป็นสนามแข่งขันในช่วงวันเปิดหรือ NIGHT SS ของวันที่ 31 สิงหาคม 2560 การแข่งขันนั้นเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นการแข่งขันในสนามธรรมชาติที่สนามหลัง อบต.บางรัก รุ่นละ 3SS ส่วนอีกสองวันคือ วันที่ 2-3 กันยายน 2560 ย้ายไปแข่งขันกันต่ออีก 6SS ที่สนามเขาจำปา หรือ สนามบ่อดินผู้พันพงษ์ ติดกับถนนเลี่ยงเมืองตรัง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ สนามแข่งขันปีนี้ถือว่าหฤโหดกว่าทุกๆ ปี โดยอุปสรรคในแต่ละ SS นั้นแตกต่างกันออกไป มีทั้งน้ำ โคลน เลน หิน เขาสูง เนินลาดชัน เป็นต้น สมกับการแข่งขันในป่าฝนอย่างแท้จริง
หลังพะบู๊กันมาอย่างยาวนานตลอด 4 วัน 3 คืน ผลปรากฏว่า รุ่น Light Core Electric วินซ์ไฟฟ้า และLight Core PTO หรือ วินซ์เพลา ผลปรากฏว่าทั้งรองแชมป์ประเทศไทยและแชมป์ประเทศไทยในรุ่นคานแข็งคนล่าสุด โชว์ฟอร์มเทพสามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ โดยรุ่น Light Core Electric วินซ์ไฟฟ้า เป็นรถหมายเลข 5 ณัฐพงศ์ ศศิศุภกุล/ธีระนัย นันทา จากทีม Hi Winch Nut 4Wheel Auto Shop Wiz Racing Shock Liquimoly เจล เจท ปลาทู คว้าแชมป์ไปครอง ส่วนรุ่น Light Core PTO หรือ วินซ์เพลา เป็นรถหมายเลข 73 แชมป์ประเทศไทยอย่าง นราวุฒิ เพชรแก้ว ควงแขน พงศ์พัฒน์ ขวัญนิมิตร จากทีม ประจวบเซอร์วิสออฟโรดตรัง ตรังเอ็นจิเนียริ่ง By อ่าวนางออฟโรด Shockpoint ครีมป๊อปปูล่า กำนันวิชญาณ ทุ่งค่าย คว้าแชมป์ไปครองแบบนำเดี่ยวตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย
ในรุ่นของ Open Adventure หรือเที่ยวป่าโอเพ่นนั้น ต้องบอกว่านักแข่งมือหนึ่งของรุ่นนี้ และแชมป์ 10 เซียนประจัญบานหลายสมัย อย่างรถหมายเลข 62 จากทีม ตรังเอ็นจิเนียริ่ง โรบัสท์ คิงวันวินช์ The Glass House ธีระพงษ์คลาสสิก ซ็อป Wiz Racing Shock ศักดิ์ชัย พงศ์ภัณฑรักษ์ ยังร้อนแรงไม่เลิกสมกับเป็นนักแข่งมือหนึ่งของรุ่นนี้ ควง ชูศักดิ์ ศรีสุข ฝ่าด่านหฤโหดคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนในรุ่นใหญ่สุดของการแข่งขัน Buggy Extreme หรือ รุ่นการ์ตูน ซึ่งแข่งขันทั้งหมด 10SS และเป็นรุ่นที่มีการขับเคี่ยวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนผู้นำกันตลอดทั้ง 4 วัน สุดท้ายเป็น แชมป์ 10 เซียนประจัญบานคนล่าสุดประจำปี 2017 ภาคิน จันทร์พฤกษา/สุทธิรักษ์ ทองประจักษ์ จากทีม Wiz Racing Shock Hot Bits Thailand ทำคะแนนรวมได้มากที่สุด หลังจากเบียดคู่กันมากับแชมป์เก่าอย่าง จิวเล็ก หรือ ฤทธิชัย ธวัชชัยไพศาล ก่อนเข้าป้ายคว้าแชมป์ในปีนี้ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่
ทั้งหมดนั่น คือ สีสันแห่งเกมการต่อสู้ของลูกผู้ชายสายพันธุ์ออฟโรด ในงาน NAS Challenge Trang 2017 …ที่ OFF ROAD MAGAZINE ของเราตามเก็บบรรยากาศมันๆ พร้อมกับทำการ Live สด ในแฟนเพจของ Off Road Magazine ตลอดการแข่งขัน ที่ระเบิดความมันขึ้นที่เมืองหมูย่างในครั้งนี้ มาฝากท่านผู้อ่านเช่นเคย
กองบรรณาธิการ เรื่อง
จิตรกร ถาวร/ประสิทธิ์ จิตรหลัง ภาพ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.