ผจญภัยไปบนเส้นทางขุนน้ำงาว….ในวันมิตรภาพเบ่งบาน
ต้นเดือนมีนาคมคลื่นความร้อนของฤดูร้อนเริ่มแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกแห่งหน ไม่เว้นแม้นแต่บนยอดเขายอดดอยที่เคยหนาวเย็น พื้นที่บนเขาหลายแห่งตอนนี้บรรยากาศสะลึมสะลือสิ้นดี อึมครึมคล้ายไอหมอกยามหนาว แต่นั่นมันเป็นหมอกควันที่เกิดจากการเผาวัชพืชของชาวบ้านไร่ปลายดอย ทำให้ไม่อยากจะไปขับขี่รถออฟโรดหรือแค้มปิ้งบนยอดเขาเท่าใดนัก แม้นใจมันอยากจะไปก็ตาม
ในใจอยากจะหาสถานที่เย็นสบายมีสายน้ำใสไหลเย็นไว้ตั้งแค้มป์กับกลุ่มเพื่อนที่รู้ใจสักสี่ห้าคัน แต่เมื่อมีโพสท์จากลาล่าและ ผอ.เพื่อนในเฟสบุ๊ค กลุ่มเชียงรายแอ๊ดเวนเจอร์แจ้งมาว่า มีทริปพิเศษรวมตัวของชาวออฟโรดที่นิยมเที่ยวป่าที่ อ.งาว จ.ลำปาง ทริปนี้จะมีสมาชิกเครือข่ายออฟโรดภาคเหนือมากันหลายชมรม ผมจึงรีบแอดรับปากรับคำทันทีที่อ่านคอมเมนท์เสร็จ เพราะรู้ว่าที่นั่นเหมาะมากสำหรับทริปหน้าแล้งเช่นนี้
จากการแชร์ข้อความไปยังกลุ่มเพื่อนชมรมต่างๆ ในตัวเมืองใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ทริปนี้มีรถที่เข้าร่วมทริป 40 กว่าคัน ที่ปากทางเข้าบ้านข่อย มีขบวนรถยนต์ออฟโรดจอดรอเรียงยาวไปตามถนนยาวเยียด เกือบสุดทางโค้ง
หัวขบวนเป็นเจ้าถิ่น กลุ่มพะเยาออฟโรด ที่มี คุณหนุ่ย ดำ สะออน หรือ ธีรชัย ศรีสกุล ให้เกียรติมาส่งเข้าป่า แม้นตนเองจะติดงานที่เหมืองก็ตาม ตามด้วย ชมรมเชียงรายแอ๊ดเวนเจอร์ ที่รับหน้าที่ทริปลีดเดอร์ในครั้งนี้ กลางขบวนเป็นชมรมจากเชียงใหม่คือ กลุ่มเอก 4x4 ออฟโรด, กลุ่มเต่าดอยออฟโรด, กลุ่มแองกรี้เบิร์ด V-TAN ออฟโรด, ลำพูนออฟโรด, ชมรมดอยคำออฟโรด, ร้อยดอยน่านออฟโรด และชมรมแก่งเสือเต้น จาก จ.แพร่
นับตั้งแต่มีการจัดทริปรวมพลคนออฟโรดปี 2548 ที่ห้วยตึงเฒ่า จ.เชียงใหม่ ยังไม่เคยมีการจัดทริปใหญ่เช่นนั้นอีกเลย ทริปนี้จึงเป็นทริปรวมพลคนเที่ยวป่าที่ยิ่งใหญ่ทริปหนึ่งในรอบเกือบ 10 ปี ก็ว่าได้ ดังนั้นขาป่าอย่างผมจะพลาดทริปนี้อย่างไรได้
สายน้ำงาวที่ขาวใส….
ออกจากหมู่บ้านข่อย ต.บ้านร้อง มาถึงอ่างเก็บน้ำเหนือหมู่บ้าน ทริปลีดเดอร์พาคณะหักลงลำห้วยเหนืออ่างเก็บน้ำเล็กน้อย คาดด้วยสายตาว่าหากเป็นช่วงหน้าฝนคงไม่สามารถที่จะนำรถลงมาขับในลำห้วยแบบนี้ได้ ด้วยระดับน้ำที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ลึกเกินสองเมตรแน่นอน
ยามนี้เป็นฤดูแล้งในขณะที่ลำน้ำหลายแห่งจะแห้งจนคอดคลองแล้ว แต่ที่นี่ยังมีสายน้ำที่ใสสะอาดไหลเชี่ยวอยู่เสมอ ความใสของน้ำทำให้มองเห็นกลุ่มปลาตัวน้อยๆ ว่ายหากินบนพื้นกรวดทรายกันเป็นฝูงย่อยๆ มากมาย สองฝากฝั่งน้ำยังมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมร่มเย็นตลอดทางน้ำ
ด้วยความที่สายน้ำย่อมมีความคดเคี้ยวเลี้ยวลัด ทำให้เราต้องเทคตัวขึ้น-ลง ตามตาฝั่งที่สูงชันอยู่ตลอด แค่คลองแรกฝั่งแรกก็ต้องออกแรงกันจนรถสปอร์ตครุยเซอร์ของยุทธนา จากกลุ่มเอก 4×4 ถึงกับเพลาข้างหน้าขาด แค่เนินแรก ร้อนถึง หนุ่ย ดำสะออน ที่กลับไปถึงบ้านที่พะเยาแล้ว ต้องรีบโทรหาอะไหล่มาให้ น่าเสียดายที่พะเยาไม่มีอะไหล่ชิ้นนี้จำหน่าย หนทางสุดท้ายก็ต้องประสานไปยัง ผอ.เชียงรายแอ๊ดเวนเจอร์ ที่กำลังจะตามมาสมทบให้ช่วยหาซื้อมาให้ ที่จุดนี้ทำให้รถที่ตามมาหลายต้องถอนสมอ ถอยกลับเพราะความไม่พร้อมของรถคู่ชีพ
ส่วนรถที่เสียเราก็พยามยามช่วยกันประครองไปจนถึงที่หมายพักแรม สรุปวันแรกระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาไป 4 ชั่วโมง สมใจอยากของขาลุยเค้าละ
Meeting camp..ราตรีกลางลำน้ำงาว
บ่ายสี่แก่ๆร่างกายเริ่มอ่อนล้าและมอมแมมจากการลุยหนักของวันแรก เรามาถึงดงไม้ใหญ่ที่มีลานเรียบและหาดทรายที่กว้างพอสำหรับคณะทั้งหมดจะจอดพักแรมกันได้ คนที่มาถึงก่อนก็จอดจองทรายหาดเหนือคลุ้งน้ำ ที่ตามมาถึงทีหลังก็เลือกเอาตามอัธยาศัย
เมื่อได้ที่ได้ทางกันแล้ว ฝ่ายพ่อครัว แม่ครัวหัวป่า ก็เริ่มจัดเตรียมหุงหาอาหารตามที่ได้จัดเตรียมกันมาของแต่ละกลุ่ม ผมนั้นทริปนี้มาพร้อมลูกสาวและแม่บ้าน จึงหาที่กางเต็นท์ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ราบเรียบบนฝั่ง ดูจะสงบกว่าเขาหน่อย
แต่ละกลุ่มก็ทำอาหารไปทานกันไป ใครมีอะไรที่น่าอร่อย เมนูแปลก เด็ดๆ ก็นำมาแบ่งปันกัน นี่แหละบรรยากาศของคนเที่ยวป่า ความเอื้อเฝื้อเกื้อกุลกันและกันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ผมเดินทักทายเพื่อนกลุ่มต่างๆไปชิมของอร่อยไป ยกเว้นเหล้าที่ต้องขอขัดใจเพื่อน จนมาถึงกลุ่มเชียงรายแอ๊ดเวนเจอร์ที่ทริปนี้ได้พ่อครัวอย่าง สน.และก้องภพ สาวกมาลีฮวนน่า ที่มีฝีมือการทำอาหารป่าระดับเทพ(แห่งป่าเขา) วันนี้พวกเขาเอาปลาที่ขอซื้อจากชาวบ้าน ที่มาทอดแหในลำห้วยนี้เมื่อตอนบ่ายมาทำอาหารป่าเมนูเด็ด
ในหม้อต้มส้มปลาแม่น้ำงาว ที่มีปลาพื้นบ้านที่หายาก เช่นปลามอน ปลาใสขม ปลากั้ง ปลากระทิง ปลาหลด ปลากดและอีกหลายชนิด เขาตักมาให้ผมชิมถ้วยหนึ่งเมื่อได้ชิมรสชาติแล้ว บอกได้คำเดียวว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ลำแต้ๆครับ
แค้มป์ปิ้งกลางหุบเขาที่มีสายน้ำงาวที่ใสสะอาดไหลผ่านวันนี้ คือ ความประทับใจอีกทริปหนึ่ง มันคือโอกาสที่เพื่อนผู้มีหัวใจเดียวกันได้มีโอกาสได้พบปะพูดคุยถึงเรื่องของการเดินทางช่วงบ่ายที่ผ่านมา สนุกเฮฮาประสาคนออฟโรด เดินชมรถของกันและกัน แบ่งปันเทคนิดการตกแต่งของแต่ละคันที่แตกต่างกันไป บางกลุ่มที่แอลกอฮอร์ได้ที่ เริ่มตีเกาะเคาะขวด ตามเสียงเพลงจากเครื่องเสียงติดรถ แม้นสำหรับบางคนอาจจะรำคาญ แต่สำหรับผมคิดว่าเอาเถอะเพื่อนสุขกันให้เต็มที่ เพราะก็ต่างเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานหนักกันมานานแล้ว วันนี้พวกเรามาพักผ่อน ชอบแบบไหนก็ตามสะดวก
บางคนก็เริ่มซ่อมแซมรถที่ได้รับความเสียหายจากการลุยหนักช่วงยามบ่าย เมื่อกลุ่มเพื่อนที่มาจากเชียงรายชุดที่2 ตามมาสมทบพร้อมกับนำอะไหล่ที่ทางกลุ่มเอกฝากซื้อมาให้ ด้วยความชำนิชำนาญกับการรื้อซ่อมของช่างเอกใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็แล้วเสร็จ หลายคนยังสนุกสนานคุยกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนผมนั้นสี่ทุ่มต้องปลีกตัวมุดเข้าเต็นท์นอนเอาแรงก่อน.
ตะลุยดงไผ่ ยิ่งกว่าคำว่าขัดสมุนไพร
เช้าวันใหม่ทุกกลุ่มรีบจัดการอาหารและเก็บเต้นท์และข้าวของกันตั้งแต่เช้า เนื่องจากทริปลีดเดอร์บอกว่าทางข้างหน้านั้นไม่อาจจะคาดการณ์ได้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน จึงจะถึงจุดหมายได้ เพราะจำนวนรถที่แค้มป์ด้วยกันมีจำนวนถึง 32 คัน หากเป็นทางธรรมดาคงไม่มีปัญหา
เพียงแค่ออกจากที่พักมาไม่ถึง 200 เมตรเราก็พบกับดงไม้ไผ่ไร่ ที่โอบโค้ง เป็นถ้ำซุ้มครอบเส้นทางที่ดูสักเท่าไหร่ก็ไม่เหมือนทางที่ใครเคยผ่านมาก่อน หากกลุ่มผู้นำไม่วิทยุมายืนยันผมคงคิดว่าเขาหลงทางซะมากกว่า
เสียงวิทยุสื่อสารจากกลุ่มข้างหน้าบอกเตือนมายังกลุ่มหลังว่า ให้ขับรถอย่างระมัดระวัง ไม้จะทิ่มกระจก ผมนั้นขับมาเป็นชุดที่สอง รองจากกลุ่มลาล่าผู้นำทริป เสียงลำไผ่ขุดสีรถดังกราว บาดหัวใจ แต่ก็ไม่นำพาใส่ใจ จะมีเพียงแม่บ้านและลูกสาวที่อดไม่ได้ที่จะซู๊ดซี๊ดปากกันทั้งสองคนแม่ลูก
ผ่านคลองแรกของเช้าวันใหม่ ผมยกตำแหน่งพลขับให้ลูกสาวขับแทน ส่วนผมต้องเดินไปดูกลุ่มหน้าที่ทั้งวินช์ทั้งติดกับลำไผ่ บางคนอย่างคันจี๊พเชอโรกีของเจ้าเติลล์แมวดง JUC ต้องยอมรื้อแร็คหลังคาออกก่อนที่มันจะหลุดหายไปทั้งยวง มีดพร้าเล่มเล็กคมกริบในมือผมทำงานหนัก ผมต้องตัดลำไผ่ที่กลุ่มหน้าลากลงมาขวางทางออกเป็นระยะ
คลองที่ 3 เห็นรถติดยาวนาน ผมตามดูจึงรู้ว่ารถสปอร์ตครุยเซอร์ของยุทธนา ที่ซ่อมเมื่อคืนที่ผ่านมามีปัญหาเฟืองหน้าแตก เหลือเพียง 2 ล้อหลัง ตะกุยขึ้นฝั่งที่ชันไม่ได้ขณะที่เพื่อนๆ กำลังช่วยกันวินช์ขึ้น เมื่อถึงคิวคันอื่นก็ยิ่งมีรถที่ได้รับการเสียหายจากการเทคตัวขึ้นลงตลิ่งอีกหลายคัน ทำไงได้ในเมื่อเส้นทางแบบนี้มันได้ใจ มีหรือใครจะยอมกันง่ายๆ พังเป็นพัง ยกเว้นรถผม หากเทคเกินสามครั้งยอมวินช์ดีกว่า เพราะเกรงว่าจะเป็นภาระให้กับผู้อื่น(และกระเป๋าตนเอง)
ตลอดเส้นทางต้องขึ้นบกลงน้ำสลับกันแบบนี้ ผ่านครึ่งค่อนวันยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง ชุดสองของเราจึงต้องหยุดแวะพักเติมพลังข้าวเหนียวหมูทอดกันที่ดงไผ่ตงใหญ่ที่ร่มรื่นน่านอนพักเอาแรงอีกสักหนึ่งคืน ส่วนชุดหลังอีกสิบกว่าคันยังตามห่างกันอีกหลายโค้งน้ำ เสียงวิทยุสื่อสารจากชุดหน้าสุดแจ้งมาว่ารีบมาหน่อยลุงพันดอยคำกำลังรอเป็นหลักวินช์อยู่ที่บนฝั่งสูงชัน ไม่มีต้นไม้ให้วินช์ เราแจ้งไปว่าขอพักเติมพลังก่อนแล้วจะตามไป
เส้นทางหลังมื้อเที่ยงยังเป็นทางขึ้นเขาลงสลับลงลำห้วยเหมือนเดิม เพียงแต่ความมันส์นั้นแตกต่างกันไปทุกแห่ง ยากบ้างง่ายบ้างพอได้ทักษะใช้วินช์ให้เกิดประโยชน์
ทริปนี้ผมมีโอกาสได้ถ่ายภาพน้อยมาก คอยช่วยดูเส้นทางดูไลน์ให้เพื่อนๆซะมากกว่า เพราะทริปนี้มีช่างภาพมือโปรอย่าง อจต.ประตูผา(อ.ต้อม ประตูผา) มาด้วยและเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บภาพทุกช๊อตทุกมุมเท่าที่จะทำได้ สบายใจผมละครับ(ต้องขอแท้งค์กิ้วมากมากครับ)
จากดงไผ่ตงใหญ่ลงน้ำมาชั่วโมงกว่า สภาพป่าเริ่มเปลี่ยนเป็นที่โล่ง จากการเป็นไร่ข้าวโพดของชาวบ้านที่เก็บเกี่ยวแล้ว แต่ชุดแก่งเสือเต้นที่อยู่ท้ายสุดก็ยังตามมาไม่ถึง ทำได้เพียงใช้วิทยุสื่อสารติดต่อสื่อความกันไปเรื่อย เขาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงออกไปก่อนเลย จะขอตามหลังกินบรรยากาศป่าไปเรื่อยก่อน ตามนั้นครับ มีวิทยุสื่อสารมันก็ดีแบบนี้แหละ
ในที่สุดเราก็มาถึงสวนข้าวโพดสีเขียวสดที่กำลังออกฟักออกผล บนฝั่งมีรถแลนด์ครุยเซอร์ของลุงพันดอยคำรอเป็นหลักวินช์อยู่ ตามที่ดูด้วยตาหากไม่มีรถจอดเป็นหลักวินช์คงเทคตัวขึ้นไปได้ยากจริงๆ เพราะมีที่ไม่มากด้านหลังเป็นดงข้าวโพดที่ว่า หากพรวดพลาดขึ้นไปคงได้จ่ายค่าเสียหายให้เจ้าของสวนหลายตังเป็นแน่แท้
เราผ่านจุดนี้ออกมาได้แบบเนียนๆ ทำตัวให้มีปัญหากับชาวไร่ให้น้อยที่สุด แต่ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายที่ทำข้าวโพดล้มสิบกว่าต้นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยไม่กี่ร้อยบาท ออกมาแค่คุ้งน้ำเดียวรถเจ้าหนุ่ม ชามเซียนจากอุตรดิตถ์ ก็หลงไลน์ลงไปจมในวังน้ำเกือบมิดคันต้องรีบวินช์ออกมาก่อนจะสายไป
หลังกู้รถเสร็จรีบเดินทางต่อ วิทยุแจ้งมาว่าชุดหน้ารออยู่ที่ท่าน้ำคลองสุดท้ายใกล้นี่เอง ไม่นานเราก็พบกับพวกเขาที่จอดรถเรียงรายตั้งวงบนสายน้ำที่โล่งกว้างแต่สำหรับทริปที่มีรถสามสิบกว่าคันวันนี้ มันแคบเล็กลงถนัดตา ต้องเบียดเสียดกันจอดเป็นแนวโค้ง ให้เหมาะสำหรับถ่ายภาพหมู่
ทริปนี้จึงจบลงที่ครึ่งของเส้นทางที่คาดหมายไว้ เป็นทริปรวมพลคนออฟโรดชอบเที่ยวป่ามากที่สุดที่ผมเคยไปร่วมมา นี่มันเป็นเพียงปฐมทริปที่กลุ่มคนกลุ่มนี้ได้พูดคุยกันไว้ว่า….ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะขอให้มีการจัดทริปรวมพลคนเที่ยวป่าแบบนี้ปีละ 2 ครั้ง ทริปต่อไปใครจะจัดและเป็นที่ไหน คงต้องติดตามข่าวสารกันต่อไป
สำหรับทริปนี้ขอขอบคุณเพื่อนชาวพะเยาออฟโรดที่อำนวยความสะดวกให้ ขอขอบคุณเพื่อนชาวเชียงรายแอ๊ดเวนเจอร์ออฟโรดที่กรุณามาเป็นทริปลีดเดอร์ให้ ขอบคุณเพื่อนทุกท่านที่ได้มีโอกาสมีร่วมทริปด้วยกัน
ขอขอบคุณ อจต.ประตูผา และกลุ่มเอก 4×4 ที่เอื้อเฟื้อภาพถ่ายทั้งหมดครับ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.