ยุคสมัยเปลี่ยน ผู้หญิง ก็สามารถดูแลรักษารถเองได้
ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ผู้หญิงใช้รถกันมากขึ้น อัตราการซื้อรถของผู้หญิงก็มากขึ้นทุกๆปี อย่างว่าละครับมันคือยุคสมัยที่ผู้หญิงเก่ง และเป็น Working Women กันแล้วใช่ไหมครับ แต่เมื่อมีรถแล้วก็ต้องมาดูเรื่องของการดูแลรักษารถของตัวเองกันบ้าง สละเวลาอ่านเพียง 8 ข้อ รับรองมีประโยชน์สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายแน่นอนครับ
1.ตรวจเช็ค ลมยาง และยางรถยนต์ของคุณให้สังเกตุหรือเช็คลมยางของคุณอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้งก่อนออกรถ เดินดูให้ทั่วทั้ง 4 ล้อ ว่าลมยางของคุณอ่อนไปหรือเปล่า เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไปก็จะเป็นอันตรายระหว่างขับขี่ได้ ที่สำคัญทำให้เปลืองน้ำมันขึ้นด้วย อย่าลืมเช็คลมยางเสมอนะครับจะได้มีเงินเหลือไปช้อปปิ้งมากขึ้น ส่วนจะเติมลมยางเท่าไหร่นั้นแล้วแต่ขนาดของยางและล้อรถคุณนะครับ แต่โดยปกติรถทุกรุ่นก็จะมีแท๊กบอกอยู่ข้างๆประตูฝั่งคนขับว่าควรเติมลมล้อหน้าเท่าไหร่ และล้อหลังเท่าไหร่ รถเก่งส่วนมากก็ ล้อหน้า 32 ปอนด์ ส่วนล้อหลังจะเป็น 30 ปอนด์ครับ แต่ผมแนะนำให้เติมล้อหลังซัก 31 หรือ 32 ไปเลย เผื่อไว้บรรทุกของข้างหลังรถ เช่นเอกสารต่างๆ, คอมพิวเตอร์, รองเท้าสุภาพสตรีเนื่องในโอกาสต่างๆอันนี้ขาดไม่ได้ใช่ไหมครับ
2.ตรวจเช็ค ระดับน้ำมันเครื่องยนต์การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องนั้นไม่ยากเลย ปกติเราก็จะถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายอยู่แล้วใช่ไหมครับ แต่ถ้าเดือนไหนคุณออกไปพบลูกค้าเยอะละ ขับรถเยอะ ใช้งานรถเยอะ เราก็ต้องตรวจสอบน้ำมันเครื่องกันหน่อยว่าอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่อย่างนั้นมีหวังคุณได้เสียเงินซ่อมเครื่องยนต์แน่ๆ วิธีการดูก็ไม่ยาก เปิดฝากระโปรงหน้ารถของคุณแล้วดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดู (ให้สังเกตุบริเวณก้านวัดจะมีรูปกาน้ำมันเครื่องอยู่) เมื่อดึงออกมาให้ใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำมันเครื่องออกก่อน จากนั้นเสียบกลับเข้าไปใหม่ และดึงออกมาดูอีกครั้งนึง ให้สังเกตุรอยคราบน้ำมันเครื่องไม่ควรอยู่ต่ำกว่าขีดล่าง ถ้าต่ำกว่าก็ให้คุณเติมน้ำมันเครื่องเพิ่มเติมจนได้ระดับ อย่าให้ระดับน้ำมันเครื่องเกินขีดบนนะครับเดี๋ยวเครื่องยนต์จะเสียหายได้
3.ตรวจเช็ค ระดับน้ำสำหรับฉีดทำความสะอาดกระจก ข้อนี้เชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายๆคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ก็เตือนเผื่อไว้กันลืม และสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเช็คตรงไหนดูตามรูปภาพได้เลยครับ การเติมน้ำยานั้นคุณผู้หญิงสามารถเติมน้ำเปล่าได้แต่ต้องเป็นน้ำที่สะอาดครับ และก็สามารถเติมน้ำยาที่ใช้สำหรับทำความสะอาดคราบสกปรกบนกระจกรถได้เช่นกันนะครับ ส่วนการเติมนั้นก็เติมให้ได้ระดับขีดที่กำหนดไว้แค่นั้นพอครับ ถึงเวลาฉุกเฉินจะได้มีน้ำฉีดทำความสะอาดกระจกรถเพื่อปรับทัศนวิสัยให้ดีขึ้น ป้องกันอันตรายบนท้องถนนขณะขับรถได้ครับ
4.ตรวจเช็ค น้ำยาหล่อเย็น หรือน้ำยาหม้อน้ำ คุณผู้หญิงควรจะศึกษาระบบน้ำยาหล่อเย็นของรถยนต์ไว้นะครับ เพราะมันสำคัญมาก มีผลกับเครื่องยนต์โดยตรงทีเดียวเลยละ ถ้าเกิดปัญหาเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์ก็จะลำบากแน่ๆ ยิ่งใครที่ขับรถออกต่างจังหวัดบ่อยถ้าเครื่องโอเวอร์ฮีท (อาการที่เกิดจากความร้อนของเครื่องยนต์สูงเกิน หรือเครื่องน๊อค) ขึ้นมากลางทางด้วยแล้ว อันตรายมากๆ ยิ่งคุณขับรถไปคนเดียวแล้วเกิดเครื่องน๊อคตอนกลางคืนละครับ ไม่ดีแน่ๆ แค่คิดก็อันตรายมากๆเลย ฉนั้นอย่าละเลยการตรวจเช็คระดับของน้ำยาหล่อเย็นด้วยนะครับ
5.พอขึ้นว่าตรวจเช็คแบตเตอรี่ไม่ต้องกังวนนะครับว่าผมจะให้ไปเช็คถึงขึ้นถอดแบตเติมน้ำกลั่น เช็คขั้วแบต ไขโน้นไขนี่ ไม่ต้องหรอกครับมันยุ่งยากสำหรับคุณเกินไป ง่ายๆดีกว่า เอาเป็นว่าการตรวจเช็ค ก็แค่ให้สังเกตุอาการผิดปกติเวลาที่คุณสตาร์ทรถยนต์เท่านั้น อย่างเช่น ถ้าคุณบิดกุญแจแล้วรู้สึกว่าเครื่องยนต์มันติดยากขึ้น หรือว่าสตาร์ทเครื่องยนต์ทีแรกไม่ค่อยจะติด ต้องบิดย้ำหลายๆทีถึงจะติด และให้เปิดไฟในห้องโดยสารแล้วสังเกตุดูถ้ารู้สึกว่ากำลังไฟมันอ่อนๆลงไป อาการเหล่านี้ให้เดาไว้ก่อนว่าแบตเตอรี่ถของคุณกำลังจะหมด ให้รีบเตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่ซะ การสังเกตุแบบนี้จะเห็นได้ชัดที่สุดถ้าเป็นรถของคุณเอง ขับรถคันนี้บ่อยๆ ก็จะสังเกตุและรู้สึกถึงความผิดปกติได้ชัดขึ้น แต่วิธีสังเกตุแบบนี้จะใช้ไม่ได้สำหรับใครที่พึ่งจะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไปยังไม่เกิน 6 เดือนนะครับ ถ้ามีอาการเหล่านี้แสดงว่ารถคุณต้องผิดปกติอย่างอื่น ให้รีบนำรถไปให้ศูนย์หรืออู่เช็คด่วนเลยครับ
6.ตรวจเช็ค ระดับน้ำมันเบรกเปิดฝากระโปรงหน้ารถ และให้สังเกตุกระปุ๊กน้ำมันเบรกส่วนมากจะมีขีดระดับอยู่ 2 ขีด เขียนว่า MIX กับ MIN ระดับน้ำมันเบรกต้องไม่ต่ำกว่า MIN นะครับ ถ้าต่ำกว่า MIN มากก็ให้เติมน้ำมันเบรกเพิ่มเติม แต่เติมอย่าให้เกินขีดที่เขียนว่า MAX นะครับ ตอนเติมก็ให้ระวังน้ำยาหกโดนสีรถด้วย เพราะมันจะไปกัดกร่อนทำลายผิวสีรถ ส่วนใครที่ระดับน้ำมันเบรกลดลงไปมากให้สันนิษฐานก่อนเลยว่าผ้าเบรกรถของคุณนั้นสึกหรอไปมากแล้ว ต้องลองเช็คผ้าเบรกรถครับ ถ้าสึกหรอไปมากก็เตรียมเปลี่ยนผ้าเบรกได้เลยครับ แต่ถ้าคุณเห็นว่าพึ่งจะเติมน้ำยาเบรกไป แล้วไม่นานน้ำยาก็กลับมาต่ำกว่าขีด MIN อีก แสดงว่ามีการรั่วซึมของน้ำมันเบรกแน่นอนครับ เช็คด่วนเลยครับอันตรายมาก
7.ตรวจเช็ค น้ำมันเกียร์การตรวจเช็คน้ำมันเกียร์คุณต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้ก่อนซัก 2-3 นาทีนะครับ จากนั้นดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ออกมา และเช็ดคราบน้ำมันที่ก้านวัดออกก่อน แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ แล้วค่อนดึงออกมาดูระดับน้ำมันเกียร์อีกครั้ง อย่าให้ระดับน้ำมันเกียร์อยู่ต่ำกว่าขีด MIN นะครับ(ในกรณีตอนเช็คระดับน้ำมันเกียร์ ถ้าคุณจอดรถค้างคืนไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงก็ให้ดูก้านวัดระดับที่เขียนคำว่า Cool นะครับ แต่ถ้าพึ่งวิ่งรถเครื่องร้อนๆมาก็ให้ดูที่ระดับคำว่า HOT ครับ) ถ้าระดับน้ำมันต่ำกว่าขีดมากก็ให้ค่อยๆเติมน้ำมันเกียร์เพิ่มเข้าไปให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าไม่รู้ว่าจะเติมยังไงหรือใช้รุ่นไหนก็แนะนำว่าให้เข้าไปที่ศูนย์บริการหรืออู่ที่คุณไว้ใจได้เลยครับ เราแค่สังเกตุดูว่ามันปกติดีหรือไม่ก็พอ
8.ปกป้องสีรถคุณด้วยการ เคลือบสีรถการ เคลือบสีรถ เป็นการปกป้องสีรถของคุณให้เงางาม สวยใส อยู่ตลอดเวลา ก็เปลียบเหมือนคุณผู้หญิงที่ปกป้องผิวหน้าผิวกายด้วยการ ทาครีม ทาโลกชั่น ฯลฯ ดูแลผิวให้เปร่งประกาย ไม่เสื่อมไปตามกาลเวลานั้นแหละครับ รถก็เช่นกัน คุณต้องหาน้ำยาเคลือบสีรถดีๆมาเคลือบปกป้องไว้
เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการนิตยสารออฟโรด
ขอบคุณข้อมูลจาก : thaicarproducts.com
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.