2024 Mercedes-AMG GLC มาพร้อม 2 ขุมพลังให้เลือกสรร
ค่ายดาว 3 แฉกเผยโฉมรถเอสยูวีรุ่นแรง Mercedes-AMG GLC ใหม่ บนพื้นฐานของ GLC เจเนเรชันที่ 2 โดยมี 2 ทางเลือกของขุมกำลัง 4 สูบ 2.0 ลิตร ในการขับเคลื่อนให้เลือกรวมทั้งระบบปลั๊กอินไฮบริดไฮบริดที่มาจาก AMG C-Class ซีดาน
Mercedes-AMG GLC ใหม่ ไม่มีเครื่องยนต์ V6 และ V8 ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเหมือนในรุ่นก่อนหน้าอีกต่อไป เพราะทั้ง 2 ทางเลือกของรถเอสยูวีรุ่นแรงมีเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า โดยทางเลือกแรกคือ GLC 43 ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบพร้อมระบบไมลด์ไฮบริดมีกำลัง 421 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร โดยมี Starter Generator ช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อน 14 แรงม้า และเพิ่มแรงบิด 150 นิวตัน-เมตร
การนำกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อทั้ง 4 ของรถเป็นหน้าที่ของระบบส่งกำลัง AMG Speedshift MCT 9G ผ่านระบบ AMG Performance 4Matic ทำให้ใช้เวลา 4.3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในขณะที่ความเร็วสูงสุดของรถถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.
ส่วนอีกรุ่นเป็น GLC 63 S E Performance ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบไฟฟ้ามีกำลัง 476 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 545 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหลังกำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร มีกำลังรวม 680 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยทุกล้อของรถจากระบบ AMG Performance 4Matic+ โดยใช้ระบบส่งกำลัง AMG Speedshift MCT 9G ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 3.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 275 กม./ชม. จากการถูกจำกัดด้วยอีเล็กทรอนิก
รถเอสยูวีรุ่นแรงปลั๊กอินไฮบริดมาพร้อมกับแบตเตอรี 6.1 kWh สามารถให้พลังงานเพื่อเดินทางโดยใช้เฉพาะไฟฟ้าได้ 12 กิโลเมตร สามารถให้พลังงานสำหรับกำลัง 80 kW ได้ต่อเนื่องและกำลังสูงสุด 150 kW ได้ 10 วินาที
นอกจากความแตกต่างด้านขุมกำลังแล้ว ยังมีความแตกต่างในด้านอื่น โดย GLC 43 มากับล้อมาตรฐานขนาด 19 นิ้ว และดิสก์เบรกขนาด 370 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรก 4 ลูกสูบที่ล้อหน้า ส่วนรุ่นGLC 63 ถูกอัพเกรดเป็นล้อขนาด 20 นิ้ว เบรกคาร์บอนเซรามิกขนาด 390 มม. และคาลิเปอร์เบรก 6 สูบ รวมไปถึงมี Diffuser หลังที่แตกต่างออกไป และ 4 ปลายท่อไอเสียทรงเหลี่ยม ขณะที่รุ่น 43 เป็นท่อไอเสียทรงกลม
GLC 63 ยังมาพร้อมกับพวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa และไมโครไฟเบอร์ มี 8 โหมดการขับให้เลือก กันโคลงแอคทีฟ และสามารถส่งแรงบิดไปที่ล้อหลังได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รุ่นGLC43 มีพวงมาลัยหุ้มเฉพาะหนัง Nappa ในห้องโดยสาร มี 5 โหมดการขับให้เลือก และแยกการส่งแรงบิดระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังคงที่ 31:69
ในส่วนของราคาและช่วงเวลาที่จะขายรถของรถเอสยูวีรุ่นแรงทางค่ายดาว 3 แฉกยังไม่ระบุออกมา
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.